สวัสดีครับนักเที่ยวสายบุญทั้งหลายวันนี้ผู้เขียนมีเรื่องวัด ๆ มานำเสนออีกแล้วครับท่าน...วัดที่ว่านี้เป็นวัดที่เงียบสงบ ร่มรื่น ร่มเย็นโดยเมื่อก้าวเข้ามาแล้วรู้สึกได้ถึงความงดงามแห่งศรัทธา และธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้แสดง และถ่ายทอดมาแล้วเป็นเวลากว่า 2,500 ปี แต่ถึงกระนั้นก็ตามวามเป็นสัจธรรมอันนี้ก็ไม่เคยเลือนหายไปจากความศรัทธาในพระรัตนตรัยของพุทธศาสนิกชนมาจนถึงปัจจุบัน มาดูกันครับว่าวัดที่ว่านี้อยู่ที่ไหน วัดที่ว่านี้คือ วัดทุ่งจำลอง ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ครับการเดินทางสะดวกสบายโดยไม่ไกลจากถนนสายหลัก (เชียงใหม่-ฝาง 107) มาดูกันครับว่าวัดแห่งนี้ผู้เขียนมีอะไรมานำเสนอบ้าง จุดที่หนึ่ง เมื่อท่านจะเข้ามาสู่บริเวณวัดท่านจะพบกับซุ้มประตูสีขาวซุ้ม่ใหญ่ตรงกลางซุ้มด้านบนจะมีพระพุทธรูปองค์สีทองประดิษฐานอยู่หากผ่านซุ้มเข้าไปสู่เขตพุทธาวาสเหมือนกับว่าท่านจะได้รับความเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่านหรือครอบครัวที่ผ่านเข้าไป ซุ้มประตูด้านซ้าย-ขวาจะมีรูปพญาช้างสีขาวสองเชือกยืนอยู่บนฐานมีซุ้มครอบดูเด่นสวยงามมากพุุทธศาสนิกชนมีความเชื่อว่าช้างเป็นสัตว์ที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ เป็นสัตว์ที่มีคุณ โดยจากที่ผู้เขียนเคยได้ยินคำบอกเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ว่าช้างเป็นสัตว์ที่มีคุณ แม้แต่พระโพธิสัตว์ก็เคยเสวยชาติเป็นพญาช้าง แม้แต่พระอินทร์ก็มีสัตว์พาหนะที่ใช้ทรงเป็นช้างเอราวัณ ในพุทธประวัติปรากฎในครั้งเมื่อพระพุทธองค์ทรงหลีกหนีความวุ่นวายเข้าไปในป่าเลไลยก์ ก็มีช้างชื่อปาลิไลยกะ จัดหาผลไม้สุกในป่ามาถวายพระพุทธเจ้า และตามพระพุทธเจ้ามาจนถึงที่ประทับปฏิบัติบำรุงพระพุทธเจ้าตามวิสัยของตนเป็นอย่างดีทุกประการครั้นเสร็จกิจปฏิบัติประจำวันแล้วก็หักกิ่งไม้ท่อนหนึ่งมาเป็นอาวุธ คอยพิทักษ์รักษามิให้สัตว์ร้ายมากล้ำกลายตลอดเวลา เป็นต้น จุดที่สอง เป็นศาลารูปเหมือนครูบาใจ๋มา (ศาลาธรรมานุสติครูบาใจ๋มา ญาณสาโร) ตามประวัติท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งจำลอง ผู้เขียนทราบท่านเป็นพระสุปฏิปันโน (ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ) โดยท่านเป็นลูกศิษย์ของครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนาไทยซึ่งทราบว่าครูบาเจ้าศรีวิชัยได้เป็นพระอุปัฌาย์ให้ (ในการบวชเป็นสามเณร) เป็นช่วงระหว่างที่ครูบาเจ้าได้เป็นองค์นำสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ ท่านมีอายุ 81 ปี พรรษา 60 มรณภาพเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ.2547 แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นที่เคารพนับถือของบรรดาลูกศิษย์ ศรัทธาญาติโดยมมักจะมากราบสักการะอยู่โดยไม่ขาดสาย จุดที่สาม พระอุโบสถลายไทย พระอุโบสถในทางพระพุทธศาสนาจะใช้เป็นที่ประกอบสังฆกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุปสมบท ลงปาฏิโมกข์ หรือทำสังฆกรรมต่าง ๆ ทางภาคเหนือถือว่าเป็นเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์มาก (จะห้ามไม่ให้ผู้หญิงขึ้นหรือเข้าไปในพระอุโบสถโดยเฉพาะเวลาทำสังฆกรรม) จุดที่สี่ พระวิหาร เป็นที่สำหรับประกอบกิจทางศาสนาไม่ว่าจะเป็นวันสำคัญต่าง ๆ ในทางพระพุทธศาสนาแม้กระทั่งช่วงเช้า-เย็นพระภิกษุสามเณรจะลงทำวัตรสวดมนต์ในพระวิหารแห่งนี้เป็นประจำเสมอ ๆ บันไดขึ้นพระวิหารจะมีรูปปั้นพญานาคขนาบซ้าย-ขวาโดยทางล้านนาจะมีความเชื่อในเรื่องของพญาโดยหากท่านสังเกตวัดแทบจะทุกวัดในภาคเหนือจะมีรูปปั้นพญานาคอยู่ในวัดจะมีรูปลักษณ์ ลีลา แตกต่างกัน เช่นบางวัดเป็นาคขด บางวัดเป็นนาคเกี้ยว บางวัดนาคถูกพญามังกรคาบ หรือแม้แต่พญานาคเจ็ดเศียร์ก็มี เป็นต้น มาถึงตรงนี้ผู้เขียนนึกขึ้นได้ในบางช่วงตอนของพุทธประวัติที่เล่าถึงพญานาค คือ ตอนที่พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญเพียรเพื่อแสวงหาโมขธรรม มีพญานาคนามว่า พญามุจลินท์เข้าไปใกล้แล้วขดกายล้อมรอบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ 7 รอบ และแผ่พังพานอันใหญ่ป้องปกเบื้องบนพระเศียรมิให้ลม และฝนถูกต้องพระวรกายเป็นเวลา 7 วันขณะทรงบำเพ็ญเพียรที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ และอีกหลาย ๆ ช่วงตอน จึงเป็นที่มาของที่ว่าทำไมจึงมักพบรูปปั้นพญานาคอยู่ในวัด จุดที่ห้า ศาลาพระประจำวันเกิด ในศาลาพระประจำวันเกิดจะอยู่ข้างพระวิหารภายในศาลาจะมีพระประจำวันเกิด และบาตรตั้งไว้แก่ผู้ที่มีความประสงค์จะทำบุญบริจาคทานท่านสามารถนำปัจจัยมาทำบุญตามวันที่ท่านเกิดได้ โดย วันอาทิตย์พระพุทธรูปปางถวายเนตร วันจันทร์พระพุทธรูปปางห้ามญาติ วันอังคารพระพุทธรูปปางไสยาสน์ วันพุธกลางวันปางอุ้มบาตร วันพุธกลางคืนปางป่าเลไลยก์ วันพฤหัสบดีสมาธิ วันศุกร์ปางรำพึง วันเสาร์ปางนาคปก อย่าลืมนะครับทำบุญกับพระประจำวันเกิดเขาว่าเป็นการเพิ่มกำลังวันจะทำให้ชีวิตสุข สงบ ปราศจากภัย มีแต่ความสุข ความเจริญ จุดที่หก เป็นพระเจดีย์ประจำวัด โดยรอบจะเป็นองค์สีขาวส่วนบนจะเป็นสีทองทรงระฆังคว่ำมีฉัตรด้านปลาย และตัวพระเจดีย์สี่ด้านจะมีพระพุทธรูปปางประทานพรองค์สีดำอยู่สี่ทิศซึ่งหากใครได้กราบสักการะจะเพิ่มความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เจริญในหน้าที่การงานยิ่ง ๆ ขึ้น บรรยากาศโดยรอบวัด สงบ ร่มเย็น บริเวณทางเข้าวัดจะมีรูป 12 นักษัตรเรียงรายไปตามทาง.... อย่าลืมนะครับหากมีโอกาสเดินทางผ่านมาทางอำเภอฝาง “ทุ่งจำลอง” เป็นอีกวัดหนึ่งที่หากท่านพลาดแล้วจะต้องพบกับคำว่า...เสียดายจริง ๆ สำหรับวันนี้เท่านี้ก่อนนะครับขอตัวไปกราบพระก่อน....ธรรมะสวัสดีครับ เครดิตภาพทั้งหมดจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.)