ทริปเที่ยวต่างประเทศเพราะซื้อตั๋วบุฟเฟ่ต์แอร์เอเชีย ดังนั้นนอกจากบินมากรุงเทพแล้ว หนิงก็จะไปจังหวัดอื่น ๆ ด้วย รอบนี้ตั้งไปไปหาดใหญ่เพื่อที่จะนั่งรถไฟ ไปมาเลเซียกันค่ะ เมืองเก่าปีนังน่าเที่ยวมากดูจากรีวิวต่าง ๆ นานา ตอนแรกก็ใจฝ่อเพราะได้วัคซีนแค่ 2 เข็ม และเป็นชิโนฟาร์มค่ะ เพราะรีวิวที่ดูก็ของหลายเดือนแล้วเลยคิดว่าลองไปถามที่ ด่านปาดังเบซาร์ก่อนว่าเค้าให้เราเข้าได้หรือเปล่า ถ้าได้ก็ลุยเลย ทีนี้หนิงจะเล่าละเอียดตั้งแต่เริ่มทำพาสปอร์ตกันเลยค่ะ เพราะของหนิงหมดอายุพอดี หนิงอยู่ที่เชียงราย เลยทำพาสปอร์ตที่เชียงรายทำแบบ 10 ปี ไปเลยค่ะ เสีย 1500 บาท และให้จัดส่งทาง ปณ ไปที่บ้านอีก 40 บาท ค่าธรรมเนียมสแกนโอนได้นะคะ แต่ค่าส่งเงินสดค่ะ แค่ 4 วัน ก็ได้รับพาสปอร์ตเรียบร้อยค่ะ ต้องเดินทางมากรุงเทพฯ หลายวันและมาหาแม่ย่าด้วย ค่าตั๋วเครื่อง จ่าย 207 บาท อันนี้โอนถูกกว่าหักบัตรเครดิตนะคะ เวลาซื้อ เราจะวางแผนการเดินทาง ทุกๆ 25 วันไปเลยค่ะ เพราะต้องจองห่างกัน ซึ่ง ปกติหนิงจะเดินทางอังคาร พุธ หรือ พฤหัสฯค่ะ ถ้าเป็นวันหยุด เราจะไม่ได้ราคานี้นะคะ หรืออย่างเดือนตุลาคมนี้ ไม่มีตั๋วราคาถูกจากตั๋วบุฟเฟ่ต์แอร์เอเชีย เลยค่ะ ตุลาคมทั้งเดือน เช็คแล้วค่าตั๋วจ่ายเองไม่ได้ใช้ตั๋วบุฟเฟ่ต์แอร์เอเชีย แต่ไม่เป็นไร เดือนกันยายนเราใช้ เกือบคุ้ม หนิงเดินทางจากกรุงเทพฯไปหาดใหญ่รอบเช้าสุด ไปถึงก็ประมาณ เกือบ 9 โมงเช้าค่ะ ต่อรถจากสนามบินไปลง สถานีรถไฟหาดใหญ่ ค่ารถ 60 บาทต่อคนลงไปถามเจ้าหน้าที่ บอกว่าไปมาเลเซียได้เลยได้วัคซีน 2 เข็มก็ไปได้ค่ะตอนนี้ เลยซื้อตั๋วรถไปปาดังเบซาร์คนละ50 บาท เห็นไก่ทอดหาดใหญ่เลยจัดกันคนละน่อง ข้าวเหนียวคนละห่อ กะว่าจะไปหาของอร่อยที่ปีนังกินกันค่ะ พอไปถึงลงตรวจเอกสารใช้เวลาประมาณ 20 นาที คนไม่แน่นมากค่ะ ขึ้นไปซื้อตั๋วด้านบน แต่ก่อนซื้อตั๋ว เราก็ซื้อซิมการ์ดของมาเลเซียก่อนซื้อแบบ 7 วันค่ะ หมดไปประมาณ 300 กว่าบาทแล้วคือด้วยตอนแรกคิดว่าไม่ได้ไปเลยไม่ได้แลกเงินค่ะพ่อแม่พี่น้อง แต่คนขายซิมเค้าให้เราแลกได้หัก3% เราเลยมีเงิน 23 เหรียญมาเลเซียติดตัว และซื้อตั๋วรถไฟแล้วเหลือเงินไม่กี่เซนต์ แต่สามีบอกว่าไม่ต้องกังวลพี่ดูรีวิวมา บัตรเรากดเงินจากตู้มาเลเซียได้เลยลั้นลาทำงานในรถไฟไปค่ะรถไฟเค้าเหมือน BTS บ้านเราเลย แอร์เย็นดีนั่งสบายไม่แน่นค่ะหนิงไปลงบัตเตอร์เวอร์ธค่ะ มีลงผิดป้ายคือลงก่อน 2 สถานี นั่งรอสักพักมีรถมาพอดีเลยขึ้นรถไฟถึงพิกัดประมาณบ่ายสองกว่า ๆ ค่ะ ทีนี้เดินออกมาจากสถานี แล้วเดินตามรั้วสังกะสีไปตามทางเข้าตึก เจอตู้เอทีเอ็มดีใจมาก รีบกดเงินค่ะ แต่ว่ากดไม่ได้เลยค่ะเงินก็ไม่มีเงินไทยเหลือ 100 บาท ท่องเที่ยวสายรันทดก็มาทีนี้ เดินถามเรื่องธนาคาร หรือหาตู้ที่กดบัตรไทยได้ เอาจริง ๆ มีแต่คนบอกไม่รู้ และไม่รู้ นั่งมึนตรงนั้นสักพักสามีเลยลองกดเรียกแกร็บค่ะ ให้ตัดบัตรเครดิตเสียเวลาตรงนี้เรื่องเงินอยู่เกือบชั่วโมงที่เราต้องเดินถามหรือคิดหาวิธีเอาเงินออกมาใช้ สุดท้ายแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยแกร็บและจองที่พักด้วยการจองออนไลน์ ค่ะ มาถึงที่พัก อย่างแรกเลยต้องซื้อหัวต่อปลั๊กค่ะคู๊ณ ที่ใกล้ ๆ มีห้าง เรายังพยายามไปกดเงินกันอีกนะคะคือมันไม่ได้ไง เลยไปรูดบัตรซื้อหัวต่อก่อนเพราะถ้าแบตมือถือหมดคือจบเลยค่ะ สามีสั่งอาหารด้วยแกร็บค่ะมื้อแรกพอชาร์ตแบตตั้งสติเช็ดน้ำตาตัวเองมันอิหยังว๊ะ มากค่ะ เที่ยวรอบนี้ สามีก็ลงไปถามร้านแลกเงินเค้าก็แนะนำวิธีมาอย่างดี เลยต้องโทรไลน์หาน้องที่เชียงรายว่าช่วยโอนเงินมาที่ร้านแลกเงิน ใช้บริการโอนข้ามประเทศโอนแล้วได้เงินทันที ของกรุงไทย ค่าโอน 600 บาทถ้าไม่ถึง หนึ่งหมื่นบาทเรทแลกเงินเป็นเรทธนาคารค่ะหนิงให้น้องโอนมาแค่ 4000 บาทค่ะแลกแล้วคิดเป็นเงินไทยเหลือสามพันกว่าค่ะ ส่วนใครที่มีแอคเค้าของ western union อยู่แล้ว ค่าโอนแค่100 บาทค่ะ หลังจากเบิกเงินแล้ว เราก็ตั้งเป้าว่าจะไป ที่ลิตเติ้ลอินเดีย และ ปีนังปีนังโอลด์ทาวน์รอบ ๆ รวมถึงไปจอร์จ ทาวน์ค่ะ ด้วยการเดิน เพราะดูจากแผนที่แล้วไปไหวเดินไปกินอาหารเช้ากันก่อนที่ร้านนี้ค่ะเพราะมีคนรีวิวกัน หนิงสั่งกาแฟ และอาหารอีก 2 อย่างมาชิมค่ะ มาถึงคนเยอะมาก นั่งสักพักฝนตกหนักเลยค่ะ ร้าน OO White Coffee Sdn พอกินอิ่มเราก็เริ่มเดิน ฝนตกตลอดเวลาแต่ไม่มีผลค่ะ พร้อมลุยลากแตะไปอีกต่างหาก ถ่ายภาพเป็นระยะสวยมากเมืองเค้าเก่าในแบบที่เก่าจริง ๆ และพยายามรักษา ปรับปรุงให้คงสภาพที่สุดค่ะ หนิงคิดว่าเป็นแนว ๆ ภูเก็ตเมืองเก่าบ้านเราแต่ของเค้ากว้างกว่ามาก ๆ จากนั้นเราก็เดิมชิมเดินเที่ยวรอบๆ อีกหลายที่เลยค่ะ ให้ภาพเล่าเรื่องไปเลยถ่ายภาพมาเยอะมากเจอคนไทยพี่เค้าทักทายสวัสดีกับหนิงอุ่นใจมาอีกนิดชิมของร้านข้างทางราคาเบาๆค่ะ ซาโมซ่าคือดีมากกก ที่ลิตเติ้ลอินเดียถ้าเป็นร้านข้างทางหนิงดูที่คนซื้อเยอะ ๆ ค่ะรีบพุ่งไปซื้อเลยร้านไม่มีชื่อนะคะ พิกัดคือเดินเข้าไปในโซนลิตเติ้ลอินเดียมีหลายร้านมากค่ะพักขาที่ร้านกาแฟก่อนไปต่อค่ะร้านนี้กาแฟดีราคาเท่าบ้านเราแต่มีคอมบูชาที่ทำเองด้วยค่ะ เป็นจริงเป็นจังมากถ้าได้ไปอีกจะมาร้านนี้อีกค่ะ ชื่อร้าน coffee affairs roastersเดินเที่ยวต่ออีกค่ะเป็นของทอดราดด้วยซอสนะคะ ร้านนี้หนิงน่าจะโดนราคานักท่องเที่ยวเราถ่ายราคาไว้ แล้วคิดเงินโดนไป 25 เหรียญค่ะ แต่ตะแคงคิดยังไงคิดเองไม่ถึงอะค่ะ แต่อย่าไปคิดมาก ถ้าใครไปก็พยายามหาของที่ราคาบอกที่อาหารจะดีกว่าค่ะ หนิงจัดไป 2 รายการ ร้านอยู่ในโซน 20 Wak Special Ais Kacang ของหวานถามราคาติดราคาชัดเจนแต่มามีแต่เศษและน้ำแข็ง และน้ำราด อันนี้สามีไม่ยอมเรียกเค้าบอกว่าแบบนี้มันแย่มากไม่เหมือนในรูปเลย 4 เหรียญได้แต่น้ำเหรอเค้าเลยไปเติมมาให้ค่ะภาพนี้คือตอนมาวางที่โต๊ะเรายังไม่ได้กินนะคะ มีเศษ ๆ เลย ภาพนี้คือสามีถามเค้าแล้วเค้ายกไปเติมมาค่ะ เรามองตลอดกลัวของแถมเรามองถ้วยขนมที่คนพื้นที่กินร้านเดียวกันได้ของเต็มที่ปกติเลยแต่พอนักท่องเที่ยวโดนเลยจ้า รวมแล้ว2ร้านค้านี้หมดไป29เหรียญแบบ งง งง กินเสร็จคุยกันว่าอิ่มท้องนะ แต่ไม่อิ่มใจ เรื่องรสชาติเราไม่ได้ติเพราะเปิดใจกินของในท้องที่อยู่แล้ว แต่เราไม่ประทับใจราคาและปริมาณอาหารที่ไม่ตรงกับที่แจ้งเท่านั้นเอง แต่ไปเที่ยวอย่าให้ทริปดี ๆ ต้องสะดุดเพราะเรื่องแบบนี้ค่ะ ตั้งใจว่าค่ำ ๆ ค่อยออกมาหาของกินค่ะ คนที่นี่กินไมโลจริงจังมากค่ะ เห็นรถเลยตั้งใจเดินไปซื้อกินบ้าง รถจะจอด ไม่เป็นที่นะคะ ถ้าใครเจอลองซื้อชิมดูค่ะ โอวัลตินรถโรงเรียนบ้านเราสู้ได้นะเดินวนกันอีกนิดค่ะ ตึกสวยมากต้องเดินดูให้มากที่สุดจบวันด้วยการนั่งแกร็บกลับค่ะ คิดเป็นเงินไทย 40 กว่าบาทเท่านั้นเอง แต่เราเดินนิคือ เป็นชั่วโมงเหมือนกันค่ะ ถ้าจะเดินตรงมาเลยจากที่พัก อาบน้ำเสร็จสามีบอกว่าจะมีเหมือนแฟลตดินแดงอยู่แถวๆที่พักมีของกินที่ชาวบ้านขายเลยไปกันค่ะเดินไปทั้งๆที่ปวดขาเพราะวันนี้เดินเยอะมาก กินที่นี่ไปรวมกัน 18 เหรียญอย่างอร่อยอย่างอิ่มค่ะ ไก่ที่ดูเกรียมๆคือไม่ได้เกรียมนะคะเพราะเค้าหมักเครื่อง เค้าทอดใหม่ๆเลยสุกกำลังดีอร่อยค่ะ ร้าน LIETA CORNNER กลับไปสลบค่ะ เช้าเราตั้งใจว่าจะย้ายที่พัก ไปอยู่ที่ปีนังโอลด์ทาวน์ที่เราเดินเมื่อวานจองและตัดบัตรไปเลยค่ะ ค่าที่พักประมาณ 1200 บาทไทยนะคะ ห้องพักดีเลยค่ะ แต่เน็ต กากพอสมควรหนิงนั่งทำงานไปลุ้นไปบางช่วงเลยตัดใช้เน็ตมือถือไปเลยค่ะเพราะต้องขายของออนไลน์ด้วย ตอบลูกค้าไม่ทันใจทำงานเสร็จ ช่วงบ่ายสอง ก็เดินเที่ยวค่ะเดินวนที่เดิมเพราะบางซอยเราก็ยังไม่ได้เดินไป พอเย็นก็หาของกินกันถนนเส้นนี้ของกินหลากหลายสุดๆ มีโรงอาหารด้วยค่ะ ตัดสินใจง่ายมากกินโรงอาหารดีที่สุด อาหารราคาไม่แพง มาดูกันค่ะว่ากินอะไรไปบ้างกินขนาดนี้ราคาสบายกระเป่ามากค่ะ มีทั้งแปลก อร่อย นะคะ แต่กินเท่านี้ท้องแน่นมากๆ กินเสร็จเดินกลับที่พักใกล้ ๆ กันค่ะ นั่งทำงานย่อยอาหารกันไป ตรงนี้คือ jetty food courtวันนี้เป็นวันกลับแล้วค่ะ เราตั้งใจเที่ยวช่วงเช้าเพราะ เช็คเอาท์ตอนเที่ยงเลยไปที่ลิตเติ้ลอินเดียหาอาหารเช้าแบบอินเดียกินกันค่ะ ร้านนี้เดินมาคนคือแน่นร้านเลย ต่อแถวซื้ออีกยาว เลยไม่ต้องเลือกค่ะร้านนี้เลย ได้อาหารหน้าตาแบบนี้มาค่ะ ร้านใกล้ ๆ กันเห็นเหมือนอาโป้งที่ภูเก็ตเลยตั้งใจจะกินกันมากคะคนรอเพียบเช่นกัน หน้ายังไม่ตื่นดีค่ะ แต่หลังจากกลิ่นพลังเครื่องเทศ ตื่นเลยทันที เป็นแป้งร่อนในกระทะเล็ก กินจิ้มแกงค่ะ เดินกลับมาซื้อของฝาก ทาสแมวต้องไม่พลาดค่ะ จัดของกระจุ๊กกระจิ๊กมา แล้วเจ้าของร้านพยายามพูดไทย เค้าพูดเก่งเลยนะคะ the heritage catแล้วร้านนี้พลาดไม่ได้ค่ะ เปี๊ยะเจ้าเก่าแก่ แม่ย่าน่าจะชอบเพราะเมื่อก่อนแม่ย่าก็ขาลุยเที่ยวค่ะ เจ้าของร้านรู้ว่าเราเป็นคนไทยพูดไทยกับเราอย่างชัด เพราะฉะนั้นไปปีนังอย่าได้นินทาคนแถวนั้นเชียวค่ะ เค้ารู้เรื่องเอานา Ming Xiang Tai Pastry Shopซื้อของฝากต่างๆนาๆจบเก็บกระเป๋าขึ้นเรือ ข้ามฝั่ง ไม่เสียเงินค่าเรือด้วยค่ะ เขาเก็บขาเข้าปีนังขาเดียวคือนั่งฟรีนั้นเองค่ะ ปลื้มใจ ท่าเรือPenang Ferryเราต่อรถมาลงที่ปาดังเบซาร์ เที่ยวสุดท้ายพอดีแล้วพีคคือเจ้าหน้าที่ให้ตั๋วรถไฟหนิงฟรี1ที่ค่ะ ตอนแรกเค้าเข้ามาถามว่าจะไปไหนตกใจมากตอบว่ากลับไทยเราเป็นคนไทยเค้าบอกไม่ๆจะไปไหน เริ่มแบบเอิ่มคุยไม่รู้เรื่องละสามีบอกหาดใหญ่เค้ายื่นตั๋วให้ สามีเลยไปซื้อของตัวเองแค่ใบเดียวค่ะไหว้แทบไม่ทันดีใจมาก ระหว่างนั่งรถไฟรอรถออกจากปาดังเบซาร์ มีนักท่องเที่ยวทำไอโฟน หล่นลงช่องหน้าต่างค่ะ ติดอยู่ด้านในเลย คือประทับใจมากเที่ยวกลับ รถก็จะออก ของก็กลัวหล่นถ้าไม่เอาออกมา เจ้าหน้าที่ฝั่งบ้านเราน่ารักมาก เอาของไปอุดช่องด้านนอกเพื่อไม่ให้ไอโฟนหล่น แล้วค่อยๆไขน็อตหน้าต่างออกใช้เวลาร่วมๆ30นาทีค่ะ ทุกคนลุ้นไปด้วยเจ้าของงี้หน้าเสียไปเลยเพิ่งซื้อมาด้วยค่ะ แต่สุดท้ายพี่ๆเค้าก็เอาออกมาให้สภาพดีงามเลยค่ะ ปรบมือในความบริการดี เพราะไม่มีหน้าหงิกหรือ แอบว่านักท่องเที่ยวเลยค่ะ ทำไปยิ้มไป คุยไปเรื่อยไม่ให้เครียดอีก คือรางวัลการบริการยอดเยี่ยมถ้ามีต้องให้พี่เค้าเลยนะคะ รวมค่าใช้จ่ายทั้งที่พัก อาหาร ค่าเดินทาง เงินสดที่โอนมาพร้อมค่าธรรมเนียม และตัดบัตร ต่างๆ รวมแล้ว 2คน 4วัน3คืนในมาเลเซีย ใช้ไป 6,450 บาทค่ะหักจากเงินที่เหลือกลับมาไทยแล้วนะคะหนิงมีเงินมาเลเซียเหลือกลับมา 185 เหรียญประมาณ 1591 บาทไทยค่ะ (คิดเรท8.6บาทค่ะ ) อันนี้หนิงคิดตั้งแต่ค่ารถสนามบินจากหาดใหญ่ขาไปจน ขากลับและค่าใช้จ่ายตลอดเวลาที่อยู่ในมาเลเซียค่ะ กลับมาที่ไทยนอนพักหาดใหญ่ 2 คืน กินแหลกมากๆค่ะ อันนี้เดี๋ยวค่อยไปเล่าทีหลังรวบจบการท่องเที่ยวของหนิงไปมาเลเซียครั้งแรก แม้จะเจอปัญหาแบบ อิหยังว๊ะกับตัวเองมากๆทั้งไม่กดเงินไทย ไม่ได้แลกเงิน หรือการโดนฟันค่าอาหารแพงเกินจริงไปหนึ่งกรุ๊ป หรือใดๆ การเดินทางที่พักบางทีก็ไม่ดีดั่งใจหวัง แต่ทำให้หนิงนับถือสามีหนิงมากที่ไม่ว่าหนิงจะงี่เง่าชนิดที่นึกแล้วเกลียดตัวเองเลยค่ะ อยากเขกกะโหลกตัวเองมากๆ แต่สามีใจเย็นมากไม่ว่าอะไรแก้ปัญหาให้จบแบบสวยๆและทำให้ทริปนี้มากด้วยความทรงจำที่ดีที่สุดที่เราเคยไปเที่ยวด้วยกันค่ะยิ่งลำบากธาตุแท้ก็ยิ่งออกมาค่ะ และรอบนี้หนิงเองเป็นคนที่แย่มากๆเลยต้องปรับปรุงตัวเองแบบด่วนสุดๆไปเลยแบบยิ่งเค้าไม่ตำหนิเรายิ่งสำนึกผิดลึกมากๆค่ะ และกลับมาถึงบ้าน เราวางแผนเที่ยวมาเลเซียกันอีกรอบในเมืองอื่นๆกันแล้วด้วยค่ะรอบนี้จะแลกเงินไปให้สาแก่ใจหนิงเลยทีเดียวไม่มีลืมเด็ดขาด ยังไงจะมาเล่าให้ฟังกันอีกนะคะเครดิตภาพภาพทั้งหมดโดย Ningsiri crochetผู้หญิงในภาพคือผู้เขียนเองค่ะ7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์