เที่ยวเวียดนามหลังโควิดต้องรู้ ต้องเตรียมอะไรบ้าง??? สำหรับคนที่ยังรู้สึกกังวลก็ไม่ต้องกังวลใจไป ในบทความนี้ผู้เขียนได้รวบรวมเรื่องราวต่างๆ จากประสบการณ์ขณะเดินทาง ซึ่งเป็นการเดินทางลำพังของผู้หญิงที่ชอบเที่ยวคนเดียว และยังเป็นการไปเที่ยวหลังช่วงโควิด ก็คือในปี 2022 มาอัปเดตให้ได้ทราบกันถ้วนหน้า ใครกำลังแพลนทริปเตรียมตัวไปอยู่ ก็มาเก็บข้อมูลไปเอาเตรียมเที่ยวกับแบบชิลๆ ได้เลยค่ะ 1. ฟรีวีซ่าคนไทย ใช้แค่พาสปอร์ตไปเท่านั้นพอข้อแรกก็คือเป็นประเทศที่ฟรีวีซ่าคนไทย นักท่องเที่ยวที่ถือหนังสือเดินทางประเทศไทยนั้นสามารถอยู่ในเวียดนามได้นานถึง 30 วันโดยไม่ต้องขอวีซ่า และในปัจจุบันนี้นั้นก็ไม่ต้องใช้เอกสารทางการแพทย์ หรือใบรับรองการฉีดวัคซีนใดๆ หรือผลตรวจเชื้อโควิด รวมไปถึงประกันการเดินทางที่เคยระบุว่าต้องครอบคลุมโควิดนั้นก็ไม่มีการร้องขอให้แสดงเอกสารใดๆ ในการเข้าประเทศแล้ว ว่ากันง่ายๆ ก็คือกลับมาเดินทางได้แบบปกติเหมือนตอนที่โลกยังไม่มีโควิดแล้วนั่นเอง ใช้แค่พาสปอร์ตเท่านั้นเอง ( แต่พาสปอร์ตต้องมีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน ) 2. กรณีผู้หญิงเที่ยวคนเดียว ตม. ถามอะไรบ้างไหมหากใครเป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียวมาโดยตลอด จะต้องคุ้นเคยในเรื่องของการถูกถามคำถามซอกแซก บางประเทศค่อนข้างเพ่งเล็งผู้หญิงไทยที่เดินทางคนเดียวมากๆ แต่จากประสบการณ์หญิงเถื่อนก็เคยถูกซักถามอย่างหนักแค่ประเทศเดียวก็คืออินเดีย สำหรับเวียดนามนั้น ตม. ไม่ถามอะไรเลย... แม้กระทั่งชื่อสกุลก็ไม่ถาม เพียงแค่ขอให้ถอดหน้ากากอนามัยชั่วครู่ จากนั้นก็ลงตราประทับแล้วก็เข้าประเทศได้แบบชิลๆ เลย 3.เวลาและระบบไฟฟ้าเวียดนามใช้เวลาไทม์โซนเดียวกับประเทศไทย ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการปรับเวลาไปมาใช้เวลาเดียวกันเลย นอกจากนี้ระบบไฟฟ้าของเวียดนามก็เหมือนกับของไทยเช่นกัน ไม่ต้องพกปลั๊กแปลงไฟก็สามารถใช้ไฟเวียดนามได้ค่ะ แต่ใครยังมีความกังวลก็พกติดมาก็ได้นะคะ 4. สกุลเงินคือ ดองเวียดนาม บางพื้นที่ใช้เงินไทยได้การแลกเงินก็แลกดองเวียดนามจากไทยไปเลย หลายคนมักแนะนำว่าให้แลกดอลลาร์จากไทย แล้วไปแลกเงินดองในเวียดนาม จริงๆ แล้วแลกบาทไทยเป็นดองในไทยก็ได้เรทสูงถ้าไปแลกถูกที่ ซึ่งที่แลกเงินดองที่ให้เรทสูงมากๆ ก็คือ ซุปเปอร์ริชสีเขียว หรือก็คือ SuperRich Thailand ที่นี่ก็ให้เรทสูงมากแล้วนะคะ แต่ถ้าแลกที่นี่ไม่ทันจริงๆ ( คนแลกเยอะ บางครั้งเงินดองหมดสต็อก ) ก็สามารถไปแลกที่ร้านทองในเวียดนามได้ ก็แลกจากสนามบิน จะสนามบินในไทยหรือเวียดนามก็ได้ แลกไปแค่พอใช้ แล้วไปแลกต่อที่ร้านทองในเวียดนามได้เช่นกัน ตรงนี้ก็แล้วแต่สะดวกนะคะ แต่ถ้าใครกังวลใจไม่อยากไปเดินหาแลกในวันเดินทางก็มองหาที่แลกอื่นๆ ในไทยได้ หากเที่ยวๆ อยู่เงินหมด เงินไม่พอ สามารถสอบถามร้านค้าก่อนรับบริการว่าเขารับเงินไทยไหม ถ้าเขารับก็เข้าไปได้เลย บางร้านค้าเขารับเงินไทยอยู่ค่ะ แต่เป็นบางพื้นที่นะคะ แนะนำให้ถามก่อนค่ะ หรือใครพกบัตรกดเงินสดระหว่างประเทศเช่น บัตร Planet SCB, บัตรกรุงไทย Travel หรือบัตร YouTrip ก็สามารถมองหาตู้ ATM ที่มีสัญลักษณ์วีซ่ากดเงินใช้ได้เลยค่ะ สำหรับบัตร ATM ทั่วๆ ไปแนะนำว่าให้เป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ จะดีกว่า เพราะค่าบริการการกดมันสูงนะคะ หรืออาจจะไปทำบัตร Travel ต่างๆ กับธนาคารก่อนเดินทางก็จะดีค่ะ อ่านต่อ แนะนำ4 ที่แลกเงินสกุลต่างประเทศ แลกได้ง่ายๆ เลย5. มีภาษาเป็นของตัวเอง ดังนั้นบางคนไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ไม่เก่งภาษาอังกฤษไปได้ไหม... อีกหนึ่งคำถามที่ถูกถามบ่อย คำตอบของคำถามนี้ก็คือ "ไปได้ ไปเถอะค่ะ" เพราะคนเวียดนามส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เพราะเขามีภาษาของเขาเอง ร้านค้า ร้านอาหารหลายๆ ร้าน พนักงานใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นบางคน ไม่ใช่ว่าพูดได้ทุกคน ส่วนใหญ่คนพูดได้ก็จะไปยืนถือเมนูเรียกแขกนักท่องเที่ยวหน้าร้าน คนในร้านบางคนก็พอได้ บางคนก็ไม่ได้ ใช้ภาษามือคุย แต่ถ้าสื่อสารไม่เข้าใจกันจริงๆ ก็โหลดแอป google translate มาค่ะ พูดไทยพิมพ์ไทยให้แอปมันแปลเป็นภาษาเวียดนามให้ ง่ายมากๆ ไม่ต้องกังวล 6. แนะนำการซื้อของ ขนม ของกินในมินิมาร์ทจะดีกว่าร้านของของตามปกติข้อนี้มันเป็นผลตกกระทบสืบเนื่องมาจากเรื่องภาษา เพราะร้านค้าทั่วๆ ไปนั้นส่วนมากจะไม่ได้ภาษาอังกฤษเลย เหมือนชาวบ้านเปิดร้านค้าที่บ้าน เขาก็จะชิลๆ ในแบบของเขา แต่ก็ใช่ว่าในมินิมาร์ทพูดภาษาอังกฤษได้อะไรหรอกนะ ข้อแตกต่างมันคือในมินิมาร์ทจะมีแคชเชียร์ การคิดเงินเราก็จะเห็นจำนวนเงินจากจอเครื่อง ผิดกลับร้านค้าที่ไม่มีเครื่องคิดเงิน พูดไม่ได้คุยไม่ได้ ก็จิ้มแบงก์เงินกันไปเลย และมันมีโอกาสที่เขาจะหยิบแบงก์ใหญ่ไปโดยที่เราก็ไม่รู้ว่าราคาจริงๆ ของสินค้านั้นมันเท่าไหร่ ยกตัวเช่น ผู้เขียนไปซื้อน้ำอัดลมกระป๋องในร้านค้าทั่วไป คุณลุงเขาก็พูดไม่ได้นะว่าราคามันยังไง เขาก็ขอดูแบงก์ แล้วชี้แบงก์สองหมื่นดองสองแบงก์ ราคาที่เขาบอกนี่เท่ากาแฟสดในคาเฟ่เลยนะ แต่ก็จ่ายให้นะเพราะเดินเข้าไปแล้วไง วันถัดมาไปซื้อมาม่าเกาหลีแบบถ้วยในมินิมาร์ทราคาแค่ 15,000 ดองเอง แล้วโดยปกติแล้วมาม่าเกาหลีมันจะราคาสูงกว่าน้ำอัดลมกระป๋องเล็กอยู่แล้วอะ แต่นี่ก็ไม่ได้ลองซื้อน้ำอัดลมกระป๋องดู แต่ต่อให้ตัดประเด็นโกงไม่โกงออก ก็รู้สึกว่าเข้ามินิมาร์ทมันก็สะดวกกว่าจริงๆ นั่นแหละ หลังจากนั้นผู้เขียนก็เข้ามินิมาร์ทแทนตลอดเลย 7. การเดินทางภายในเวียดนามการเดินทางภายในเวียดนามทำได้หลากหลาย ระหว่างเมืองก็สามารถเดินทางได้โดยรถไฟ รถบัส หรือรถตู้ แท็กซี่ก็มีให้บริการ แต่แท็กซี่จะชาร์จราคาโหดพอตัว ต้องเลือกบริษัทหน่อย หรือจองผ่านเอเจนซีตัวกลาง หรือทัวร์เวียดนามในไทยแทน หรือเอาที่แบบง่ายกว่านั้นก็จองผ่านแอปพลิเคชัน klook เลยค่ะ บน klook นั้นค่อนข้างมีหลายบริการที่น่าสนใจ ทั้งรถรับส่งสนามบิน รถรับระหว่างเมือง ทริปนี้ผู้เขียนใช้รับรับส่งจากดานังไปฮอยอัน จากฮอยอันไปดานัง จากดานังไปสนามบิน และอีกๆ หลายๆ อย่าง กรณีใครสนใจจะทัวร์ชมเมืองก็มีบริการเช่นกันค่ะ ซื้อผ่านแอป Klook นี่แหละค่ะดีที่สุด ไม่โดนโกง มารับชัวร์ๆ ไม่ต้องกังวลใจใดๆ เลย 8. ระวังมอเตอร์ไซค์ขณะเดินเที่ยวผู้เขียนคิดว่าเสียงแตรรถที่ดังกังวาลตลอดเวลาจะมีเฉพาะอินเดียซะอีก แต่เวียดนามก็ใช่ย่อยนะคะ ทั้งรถยนต์รถมอเตอร์ไซค์ นอกจากจะบีบแตรกันบ่อย ( แต่ไม่หนักเท่าอินเดีย ) แล้ว ยังขับขี่ได้อิสระสุดๆ จนรู้สึกน่ากลัวจะโดนเฉี่ยวชน เวลาเดินเลาะถนน หรือแม้แต่เดินเที่ยวในที่ต่างๆ ที่พอจะสามารถให้มอร์ไซค์ขับเข้ามาได้ แนะนำให้ระมัดระวังเป็นพิเศษหน่อยนะคะ มอร์ไซค์ที่นี่พร้อมจะเบียดเพื่อให้ตัวเองได้ขับไปต่อไม่ต้องจอดเพราะรถติด จะรถติดจากรถด้วยกันเอง หรือรถติดจากฝูงชนที่เดินทัวร์อยู่ก็ตาม เขาก็พร้อมจะใช้พื้นที่ที่เว้นว่างเพื่อแซงขึ้นไป ดังนั้นจะเพลิดเพลินในการเซลฟี่หรือถ่ายรูปกันมากแค่ไหนก็ได้แต่อย่าลืมมองซ้ายมองขวามองมอร์ไซค์กันด้วยนะคะ 9. สภาพอากาศของเวียดนาม ลักษณะภูมิประเทศของเวียดนามนั้นจะแคบและยาว โดยมีพื้นที่ติดกับจีนจรดรอยต่อมาที่ระหว่างอ่าวไทยกับทะเลจีนใต้ ดังนั้นเวียดนามจึงมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างซับซ้อนและในแต่ละภูมิภาคของเวียดนามก็จะแตกต่างกันค่อนข้างมากอีกด้วย เช่น เวียดนามเหนือ จะมีอากาศที่ค่อนข้างเย็น แบ่งฤดูกาลออกเป็น 4 ฤดูกาลคือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว โดยสถานที่ที่ยอดนิยมที่ผู้คนมักไปเที่ยวก็เช่น ฮานอย ฮาลองเบย์ และซาปาเป็นต้นเวียดนามกลางและเวียดนามใต้ มีแบบร้อนชื้น และมีเพียง 2 ฤดูกาลคือ ฤดูฝน และฤดูแล้ง โดยสถานที่ที่ยอดนิยมที่ผู้คนมักไปเที่ยวก็เช่น ดานัง ฮอยอัน เว้ ญาจางและโฮจิมินห์เป็นต้น10. อาหารอร่อย แต่ส่วนใหญ่จะมีรสจืดบางคนกังวลเรื่องอาหาร ผู้เขียนเองก่อนไปก็กังวลเพราะเป็นคนไม่ทานจืด ติดรสชาติเผ็ดร้อน ดังนั้นถ้าทานอาหารจืดก็จะไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไร แต่สำหรับอาหารเวียดนามก็ไม่เลวนะคะ จืดไปบ้างแต่ก็อร่อยดี ไม่ใช่จืดแบบจืดสนิทจนไม่รู้รสนะคะ อย่างเช่น เมนู ฮอยอันชิกเก้นไรต์ มันมีความเหมือนข้าวหมกไก่ กับข้าวมันไก่ ไก่ต้มที่มาพร้อมข้าวมีรสชาติเค็มนิดๆ ส่วนข้าวนั้นให้รสคล้ายข้าวหมกไก่ไทย แต่ก็ไม่ได้รสชาติเข้มแบบในรสข้าวหมกไก่.... งงไหม? เมนูอื่นๆ เช่น ของทานเล่นแบบไวต์โรสนั้น มันก็เหมือนแป้งก๋วยเตี๋ยวลุยสวนที่มาพร้อมหมูหรือไก่ต้มแล้วก็โรยหอมเจียว ก็เพราะมีหอมเจียวมันก็เลยมีรสชาตินั่นเอง แต่เครื่องดื่มของเขาคือเด็ดมาก ทั้งกาแฟไข่ กาแฟมะพร้าว บราวด์คอฟฟี่ ( กาแฟดำใส่นม ) คือหวาน หอม อร่อย กลมกล่อมมาก แนะนำให้ลองค่ะ ต้องบอกเลยว่าตอนนี้เข้าประเทศได้อย่างง่ายดายเลยจริงๆ การท่องเที่ยวในเวียดนามนี่คึกคักมากๆ และยังเป็นประเทศที่เที่ยวง่าย ใกล้ไทย ราคาตั๋วก็ไม่แพง มนุษย์เงินเดือนลางานมาเที่ยวได้อย่างแน่นอนค่ะ ใครมีแพลนหรืออยากมาเที่ยวแต่ยังกังวลไม่ต้องกังวลค่ะ ที่นี่เที่ยวง่ายแถมสวยมากอีกด้วย สุดท้ายนี้หากใครชอบบทความนี้ก็สามารถแชร์ออกไปได้เลยนะคะ และถ้าอยากติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของหญิงเถื่อนนั้นก็สามารถติดตามกันได้ที่Facebook : แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อยYouTube : I Tell You TryIG : i_am_solo_traveler_บทความ TrueID : หญิงเถื่อนเรียบเรียงเนื้อหาและถ่ายภาพโดย หญิงเถื่อนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !