- เป็นการเดินทางท่องเที่ยวผ่านการวิ่งในเขตพระนคร - ช่วงเช้าวันหยุดเหมาะมากๆ ที่จะวิ่งท่องเที่ยวในเส้นทางนี้ - ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.30 น. เที่ยว กิน ถ่ายรูป ชมบรรยากาศ ไม่แน่การท่องเที่ยวโดยใช้ขาของคุณเองวันนี้ อาจจะพิเศษขึ้นกว่าทุกครั้ง จะมีอะไรทำให้วันหยุดเพียงน้อยนิดในแต่ล่ะสัปดาห์ ดีกว่าการได้ออกเดินทางไปท่องเที่ยวจริงหรือเปล่าครับคุณ ผู้อ่านที่เคารพรัก ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปที่มิวเซียมสยาม ซึ่งก็เป็นหนึ่งในสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ ซึ่งผมมีความทรงจำที่ดีกับสถานที่แห่งนี้โดยส่วนตัวและชอบไปบ่อยๆ เท่าที่มีโอกาส ที่นั้นจะจัดนิทรรศการที่เกี่ยวกับเมืองไทยหรือความเป็นไทยอยู่เสมอ ซึ่งวันนี้ผมไปได้มีการจัดนิทรรศการเล็กๆ เกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ ในเขตพระนคร แต่ละจุดไม่ไกลกันมากสามารถวิ่งหรือเดินเที่ยวได้แบบสบายๆ ต้องบอกว่าผมเองเป็นคนหนึ่งที่ออกกำลังกายโดยการวิ่งอยู่เป็นประจำเพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลย เมื่อได้ไปดูนิทรรศการจบผมหาแผนที่มาดูว่าแต่ละที่สามารถวิ่งไปได้ยากง่ายมากเท่าไหร่และพบว่าระยะทางไม่ไกลมาก ถ้าเป็นการลงสมัครงานวิ่งก็เรียกว่าไม่เกินระยะ Fun Run เพราะฉะนั้น หาวันหยุดแล้วเริ่มออกเดินทางไปในพระนครกันดีกว่า ซึ่งวันหยุดของผมตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม เป็น "วันพ่อแห่งชาติ" ช่างเป็นวันที่เหมาะเหลือเกิน คุณผู้อ่านพร้อมจะ Running Tour พระนคร โดยการวิ่งกับผมแล้วใช่ไหมครับ? เช้านี้ผมขออนุญาตนัดคุณผู้อ่านนักวิ่ง (ใครที่เข้ามาอ่าน ผมขอนุญาตเรียกคุณว่านักวิ่งหนึ่งวันนะครับ) ของผมที่จุด Start บริเวณสถานี Mrt สามยอด ประตู 3 ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพราะนี้คือ "ถนนเจริญกรุง" ถนนสายแรกที่สร้างแบบตะวันตก ตัดมาตั้งแต่สมัย ร.4 หรือมากกว่า 150 ปี ถ่ายรูปพร้อมวิ่งเรียบร้อย... ผมจะพาคุณวิ่งออกไปทางขวาเพื่อเข้าสู่ "ถนนอุณากรรณ" เรียกได้ว่าจากจุด Start ก็พาวิ่งฝ่าดงปืนกันก่อนเลย อย่าพึ่งตกใจนะครับ! ดงปืนที่ว่านี้ไม่ใช่เป็นการดวลปืนยิงกันแต่อย่างใด แต่เป็นถนนเส้นยาวๆ ที่สองข้างทางเป็นร้านขายปืนมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ต้องบอกกันก่อนว่า ปืนที่ขายกันเป็นปืนที่ใช้สำหรับการกีฬาหรือป้องกันตัวเท่านั้น ไม่ใช่เหมาะที่จะนำไปใช้ในเจตนาอื่นแต่อย่างใด สบายใจกันได้เลยครับนักวิ่งทุกคน! เริ่มอยากจะวิ่งเร็วขึ้นกันบ้างไหมครับ? เนื่องจากเป็นเวลาช่วงหกโมงเช้าทำให้หลายร้านยังปิดกันอยู่ เพราะฉะนั้นเราจะค่อยๆ วิ่งผ่านกันไปอย่างช้าๆ ไปกันต่อที่คลองแห่งหนึ่งที่เรียกว่า "คลองหลอดหรือคลองสะพานถ่าน" เพราะคลองนี้เคยมีท่าเรือค้าถ่านอยู่ที่นี้ บรรยากาศบนคลองเส้นนี้ก็น่าเดินเพราะจะได้เห็นวิถีชุมชนเล็กๆ ห้องแถวเก่าน่าดูผ่านลำคลอง รวมไปถึงแสงอาทิตย์งามๆ ที่กำลังขึ้นในช่วงเช้า และตรงด้านข้างของฝั่งถนนมีสถานที่ในอดีตที่น่าสนใจสำหรับหนุ่มวัยกลางคนอย่างผมอยู่ ขอวิ่งเข้าไปดูสักหน่อยครับ แม้ว่าในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้จะไม่มีแล้ว แต่ในอดีตมันเคยมีสถานที่นี้เกิดขึ้นเรียกว่า "ระบำโป๊นายหรั่ง" ที่นี้เคยเป็นตลาดบำเพ็ญบุญ แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นตึกใหญ่ตึกน้อยเปลี่ยนไปจากเดิมหมดล่ะครับ หลังจากยืนชมบรรยากาศอยู่สักครู่ ผมก็ออกวิ่งต่อพาคุณไปชมโรงหนังสุดโก้ในอดีตสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2475 ในคราวโอกาสฉลองกรุงเทพครบ 150 ปี หลายคนยังคงคุ้นตาดี เพราะที่นี้คือ "ศาลาเฉลิมกรุง" แม้ว่าปัจจุบันที่นี้จะไม่ได้มีหนังฉายเหมือนในอดีต แต่ถ้าหากคุณแวะมาที่นี้ช่วง วันจันทร์ถึงศุกร์ ลองแวะเข้าไปชมโขนสั้น ที่ใช่เวลาชมประมาณ 20 นาทีดูนะครับ ราคาบัตร 200 บาท มี 5 รอบต่อวัน ผมลงในลิสต่อไปแล้ว ถ้ามีโอกาสคงจะได้ชมสักรอบ แต่วันนี้ของยืนชมตึกงามๆ ตรงนี้ก่อน จากจุดที่ผมยืนถ่ายรูป มองไปฝั่งตรงข้ามในอดีตเดิมตรงนี้เคยมีห้องแถวเก่า เป็นที่ตั้งของร้าน "โรเบิร์ต เลนซ์" เป็นร้านของช่างภาพชาวเยอรมัน รูปเก่าๆ ของเจ้านายหรือขุนนางทั้งหลายในอดีตส่วนใหญ่ก็มาจากที่นี้ อย่างรูป ร.5 ที่เราคุ้นตาล้วนเป็นผลงานของร้านถ่ายรูปในตำนานแห่งนี้ วิ่งมาได้ยังไม่ถึงชั่วโมงความหิวมาเยือนจากนักวิ่งขอเปลี่ยนเป็นนักกินสักครู่จะดีกว่า บนถนนเส้นเดียวกับศาลาเฉลิมกรุง มีร้านที่ชื่อว่า "ออนล๊อกหยุ่น" เป็นร้านออกแนวจีนๆ จากชื่อและการออกแบบของร้าน สร้างขึ้นมาตั้งแต่มีศาลาเฉลิมกรุงถือว่าเป็นยุคเดียวกัน นี้คือบรรยากาศทางเข้าหน้าร้าน ที่นี้จะขายอาหารเช้าแบบฝรั่ง ไข่ดาว หมูแฮม ชา กาแฟ ซึ่งราคาก็สบายๆ ผมเลยสั่งมาเติมพลังสักหน่อย เซ็ตนี้ราคา 50 บาท ในสมัยหนังไทย 16 มม. เฟื่องฟู คนในแวดวงหนังสมัยนั้นมักนัดกันมาแฮงค์เอ๊าท์ที่นี่ ผมมองไปรอบๆ ดูบรรยากาศผู้คนในร้านเช้านี้ มันช่างเหมือนพาตัวเองย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อนเสียจริง เรามานั่งคุยเรื่องภาพยนต์เรื่องอินทรีแดงกันหน่อยไหมครับท่าน... เบรคไว้ก่อนจะดีกว่า! เติมพลังกันแบบพอดีท้องเพราะเรายังต้องวิ่งกันต่ออีก ถ้ากินเยอะจนอิ่มมากอาจจะมีจุกระหว่างวิ่งได้ หรือใครจะกินจนอิ่มแล้วเปลี่ยนมาเป็นเดินย่อยแทนก็เข้าท่าดีนะ แต่ผมว่าตอนนี้ต้องออกเดินทางไปที่จุดต่อไปกันก่อน แสงอ่อนๆ สวยๆ กำลังมาจากร้านออนล๊อกหยุ่นไปประมาณ 700 เมตรก็จะถึง "ศูนย์การค้าดิโอลด์สยามพลาซ่า" เป็นแหล่งนัดรวมตัวของคุณลุงคุณป้าที่จะนัดกันมาสนทนาเรื่องราวในอดีดกันอย่างออกรสออกชาติ ขณะที่ผมวิ่งมาถึงก็มีกลุ่มคุณลุงนั่งคุยกันอยู่บริเวณบันไดอย่างสนุกสนาน "ผมมองแล้วทำไมคิดถึงอีก 30 ปี ข้างหน้าตอนตัวเองเป็นคุณลุงบ้างจัง" เราเดินตรงกันต่อไปเรื่อยๆ จนมาถึงห้าง "ไนติงเกล-โอลิมปิค" แลนด์มาร์คของย่านพาหุรัด ที่นี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2509 และมีสโลแกนประจำห้างแห่งนี้ว่า "คลังแห่งเครื่องกีฬา ราชาแห่งเครื่องดนตรี ราชินีแห่งเครื่องสำอาง" ถือเป็นห้างที่โด่งดังในอดีตมากๆ ที่สำคัญไนติงเกลที่นี้ของแท้จริงๆ จากแลนด์มาร์คของย่านพาหุรัดอย่างไนติงเกลเดินข้ามถนนมาสู่ "ตลาดพาหุรัด" ของแท้ต้องที่นี่ เพราะเต็มไปด้วยแผงขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปแต่เช้านี้ที่ผมเดินทางมาก็อาจจะเหงาๆ หน่อยเพราะตลาดยังไม่เปิด แต่เราจะได้อีกฟิวลิ่งหนึ่งของตลาดในอดีตแบบคลาสสิก จากตรงนี้เราก็จะเดินตรงตามทางไปเรื่อยๆ จนเจอ "วัดสิกข์" คุรุดวาราศรีคุรุสิงห์สภา ระหว่างที่ไปถึงหน้าวัด ผมได้ยินเพลงแนวแขกอินเดียดัง มันช่างน่าหลงไหลทำให้อยากเดินเข้าไปยิ่งนัก ผมได้ลองเดินเข้าไปข้างในนิดหนึ่งพบว่าข้างในสวยมากแต่ละรหว่างนั้นก็มีพี่ๆ คอยทำความสะอาดวัดอยู่ ด้วยผมแต่งกายด้วยชุดวิ่งจึงคิดว่าไม่เหมาะเท่าไหร่ที่จะเข้าไปข้างในมากกว่านี้ เลยขอถ่ายรูปข้างหน้าและออกวิ่งต่อ เป้าหมายต่อไปคือ ไช่น่าเวิลด์ คุ้นๆ ชื่อไหมครับ? บรรยากาศการเดินระหว่างมาไชน่าเวิลด์ ที่ผมแอบถามว่าคุ้นๆ ชื่อ "ไชน่าเวิลด์" กันไหมครับว่าคล้ายกับห้างเซ็นทรัลชื่อดังที่ไหนสักแห่งของกรุงเทพ ต้องบอกว่าเดิมที่นี้ชื่อว่าห้างเซ็นทรัลวังบูรพา เป็นห้างเซ็นทรัลสาขาแรกของในบรรดาห้างเซ็นทรัลทั้งหมดทั่วประเทศ ได้ข่าวมาว่าที่นี้ชวนน่าเข้าไปสัมผัสบรรยากาศมากๆ เพราะดีไซน์เนอร์หน้าใหม่หน้าเก่าในประเทศมักแอบมาเดินเล่นที่นี้กันบ่อยๆ ต้องมีอะไรที่น่าสนใจแน่ๆ ตอนนี้เราใช้เวลาวิ่งๆ เดินๆ กันมาชั่วโมงกว่าและเหลืออีกไม่กี่สถานที่ ที่ผมอยากจะไป "โรงหนังควีนส์" โรงหนังชื่อดังของวัยรุ่นยุคโก๋หลังวังบูรพา ลองนึกภาพง่ายๆ ว่าแถวนี้ในอดีตไม่ต่างจากสยามสแควร์ในปัจจุบันเป็นที่ ที่ผมอยากมีโอกาสเข้าไปและใช้เวลามากที่สุด ซึ่งเช้าๆ แบบนี้ที่นี้ก็ยังไม่เปิด แต่การที่ได้มีโอกาสมาเห็นสถานที่จริงแบบนี้ มันให้อารมณ์จิ๊กโก๋หลังวังบูรพาชะมัด จากตรงนี้กลับไปที่สถานนี Mrt สามยอด ก็ไม่ไกลมากนักใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ถึงจากเวลาจะเข้าสู่แปดโมงเช้า ทำให้เช้านี้ผมเต็มอิ่มมากๆ กับการได้วิ่ง ได้เดินชมย้อนรอยกลับไปในอดีตย่านพระนครอีกครั้ง ผมกลับมาถึงสถานนี้สามยอดไม่ช้าและยังมีเวลาอีกนิด ตรงสถานนี้ สามยอด มีสถานที่น่าสนใจใกล้ๆ แต่เราต้องเดินย้อนกลับไปที่ประตู 1 ก็จะเจอกันกับ "คชาเบด" เป็นมินิโฮเต็ลเก๋ๆ เดิมตึกนี้เคยเป็นโรงพยาบาลทาเคดะ จริงๆ ยังมีอีกหลายสถานที่ ที่เราได้มีโอกาสผ่านและถ่ายรูปเก็บไว้ ... ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานกี่ปี เสน่ห์ของเมืองหลวงอย่างพระนครก็ยังคงกลิ่นอายชวนให้คนไทยในเมืองหลวงแห่งนี้ ขับเคลื่อนมันต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น แม้เราจะไม่ได้มีโอกาสรับรู้ว่าในอดีตพระนครจริงๆ เป็นแบบไหน แต่ผมเชื่อว่าการได้กลับไปมองสถานที่ต่างๆ ที่ยังตั้งอยู่หรือปัจจุบันยังสามารถเปิดให้เราได้กลับไปเยี่ยมเยือนกันอยู่บ้าง มันคงทำให้หัวใจของเราได้รู้สึกรักพระนครและประเทศไทยมากขึ้นแน่นอน ส่วนใครที่อยากจะลองออกไปวิ่งตามเส้นทางพระนครแบบผม ก็ลองจดสถานที่สำคัญๆ ที่อยากจะไปแล้วใช้ GPS ในโทรศัพท์ค่อยๆ ไปตามเส้นทางในแต่ล่ะที่รับรองว่าไม่มีหลงแน่นอน เส้นทางที่นี้จะวนเป็นเกือบๆ สี่เหลี่ยมถ้าหลงก็กลับได้ไม่อยาก หรือใครที่ไปแล้วมีสถานที่เด็ดๆ ซ่อนอยู่จะชวนผมไปวิ่งด้วยอีกรอบ ก็จะตอบตกลงแบบไม่ขัดเขิน ไม่แน่เราอาจจะบังเอิญเจอกันในเส้นทางนี้ก็ได้นะครับ Running Tour พระนคร "สามยอด-วังบูรพา-พาหุรัด" สวัสดีครับ