Kolmanskop ในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการขุดเพชร แต่ในปัจจุบัน อาคาร บ้านเรือน ถนน และทางรถไฟของเมืองนี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรมกลางผืนทะเลทรายนามิบ ภายในตัวอาคารทุกหลัง ก็ถูกอัดแน่นไปด้วยเนินทรายซึ่งถูกลมพัดมาทับถมสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นเวลานานกว่าหนึ่งร้อยปี เมืองแห่งนี้ร้างผู้คน และถูกทิ้งไว้เนิ่นนาน กระทั่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตของคนทั่วโลกที่มาเยือนประเทศนามิเบีย และ เมือง Kolmanskop ได้รับการยอมรับว่าเป็น “หนึ่งในเก้าแห่งเมืองผีที่ดีที่สุดในโลก” วันนี้ ผมขอแนะนำ Kolmanskop เมืองแห่งการขุดเพชร ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองและ เหมืองที่โด่งดังและ ร่ำรวยแห่งหนึ่งของโลก เมืองผีแห่งนี้ตั้งอยู่ในทะเลทรายนามิบของประเทศนามิเบียตอนใต้ หรือในเขตที่เรียกว่า “เขตต้องห้าม” ประวัติที่มาของเมือง “Kolmanskop” เมื่อในปี ค.ศ.1908 คนงานรถไฟ ชาวนามิเบีย ซึ่งมีชื่อว่า Zacherias Lewala ในขณะที่เขากำลังขุดรางรถไฟอยู่นั้น เขาก็เห็นก้อนหินก้อนหนึ่งส่องแสงวิบวับระยิบระยับอยู่กลางทะเลทรายนามิบ จนกระทั่งนายจ้างชาวเยอรมันสานต่อจากคำบอกของ Zacherias ด้วยการขุดค้นจนพบว่าที่แห่งนี้เป็นแหล่งขุดเพชรขนาดใหญ่และ มีจำนวนมาก จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1912 กลุ่มผู้สำรวจชาวเยอรมันลงมาในพื้นที่ และ เมืองนี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เมืองนี้เคยผลิตเพชรเป็นล้านกะรัตต่อปี หรือ 11 เปอร์เซ็นต์ของการผลิตเพชรทั้งหมดของโลก ซึ่งถือเป็นอัตราส่วนที่ค่อนข้างมากเลยทีเดียว คิดดูสิว่า กลุ่มผู้สำรวจชาวเยอรมันในยุคนั้นจะร่ำรวยขนาดไหน ซึ่งในยุคสมัยนั้น ชาวนามิเบียกลับเป็นทาสนายทุนจากชาวเยอรมัน ความเจ็บปวดของชาวนามิเบีย ยังฝังลึกอยู่ภายใต้ก้นบึ้งของหัวใจจนถึงทุกวันนี้ มิหนำซ้ำ ชาวนามิเบียผู้ค้นพบผู้นั้น กลับไม่ได้ค่าตอบแทนใดๆ ในฐานะที่เขาเป็นผู้ค้นพบเป็นคนแรกแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริงที่ถูกกล่าวขานมายังรุ่นลูกรุ่นหลาน และถือเป็นความเจ็บปวดของชาวนามิเบีย วอลเปเปอร์สีวินเทจ ถูกลอกออกตามกาลเวลา ร่องรอย ข้าวของเครื่องใช้บางอย่าง ถูกตั้งวางไว้อยู่ที่เดิม เมื่อกาลเวลาผ่านไป สิ่งของเหล่านั้น ช่วยบอกเรื่องราวความเป็นมาของเมืองผีแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ภาพความทรงจำของกลุ่มอาคารแห่งเมือง Kolmanskop ที่ตั้งอยู่บนผืนทะเลทรายแห่งนี้ บอกเรื่องราวว่า ครั้งหนึ่ง จากผืนทะเลทรายเปล่าๆ มีความศิวิไลซ์ ความรุ่งโรจน์เกิดขึ้น บนผืนทะทรายแห้งแล้งแห่งนี้ มีอาคารบ้านเรือน ไปรษณีย์ โรงงานน้ำแข็ง ร้านอาหาร เกิดขึ้นมากมายกลายเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา แต่สุดท้ายกลายเป็นความเวิ้งว้างที่ทิ้งให้ความศิวิไลซ์กลับมาร้าง จนกลับกลายเป็นเมืองผีกลางผืนทะเลทรายในที่สุด ในปัจจุบัน ก็ไม่ต่างกับในอดีต ผมเดินทางท่องเที่ยวรอบประเทศนามิเบีย ผมเห็นกิจการอันใหญ่โต ไม่ว่าจะเป็น ซุปเปอร์มาเก็ต โรงแรม ร้านอาหาร และบ้านพักตากอากาศหรูๆ ล้วนเป็นของชาวเยอรมันที่อาศัยอยู่ในนามิเบียทั้งสิ้น มีอยู่วันนึง ผมไปทานขนมเค้ก และกาแฟ ในสวนกระบองเพชร ผมเห็นชาวนามิเบียเป็นคนสวน ส่วนเจ้าของสวนคือคนเยอรมัน แม้ทุกวันนี้ นามิเบียจะได้รับการประกาศอิสรภาพจากแอฟริกาใต้และ นายทุนในยุคก่อนๆ ก็ได้คืนดินแดนจำนวนมากให้กับทางการนามิเบียแล้วก็ตาม แต่ทั่วทั้งแผ่นดินนามิเบีย ผมก็ยังคงเห็นว่า ชาวนามิเบีย ยังเป็นแรงงานให้กับคนเยอรมันอยู่ อดีตเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็ยังคงเป็นแบบนั้น Kolmanskop ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศนามิเบีย ห่างจากเมือง Lüderitz ประมาณ 10 กิโลเมตร ค่าเข้าประมาณคนละ 250 บาท แต่หากต้องการถ่ายภาพเมืองนี้ด้วย ตั๋วเข้าก็จะมีราคาประมาณคนละ 700 บาททันที ก่อนการเดินทาง ควรอัพเดทสถานที่ท่องเที่ยว โดยเข้าไปดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ทางการ https://kolmanskop.net/visit-kolmanskop/ ภาพถ่ายทั้งหมดในบทความนี้เป็นผลงานของผู้เขียน