เที่ยวให้สุขใจ ต้องเที่ยวในสถานที่ที่สงบร่มเย็น และ สวยงามสิครับ วันนี้ผู้เขียนจะพาไปเข้าวัด แต่ไม่ได้ไปฟังธรรม ปฏิบัติธรรม ถือศีลภาวนานะครับ แต่จะพาไปเที่ยวชมความงดงามของสถาปัตยกรรมของสิ่งก่อสร้างอันศักดิ์สิทธิ์และน่าเคารพบูชาสักการะบนเขาป่าตอง นั่นคือ วัดดอยเทพนิมิต การเดินทางมาที่ วัดดอยเทพนิมิตนั้นสามารถเดินทางได้ทั้งจากทางฝั่งกะทู้ และ ฝั่งป่าตอง หากมาทางฝั่งกะทู้จะสามารถเลี้ยวซ้ายเข้าได้เลยจะง่ายกว่า แต่หากว่ามาจากทางฝั่งป่าตองจะต้องชะลอเลี้ยวข้ามฟากมาอีกฝั่งซึ่งจุดนั้นอันตรายมาก ๆ หน้าศาลเจ้าพ่อเสือจะเป็นเนินและรถขับขี่กันเร็วมาก แนะนำให้มาจากทางฝั่งกะทู้จะดีกว่า หรือ ไปอีกหน่อยเพื่อกลับรถจะปลอดภัยกว่า ภาพโดย : ผู้เขียน ทางขึ้นนั้นจะชันเป็นระยะที่ยาวหน่อย ฉะนั้นต้องใช้ความระมัดระวังกันให้มากนะครับ แต่ก่อนที่จะมีการบำรุงเส้นทางใหม่เหมือนทุกวันนี้นั้น ขับขี่ยากลำบากกว่านี้เยอะครับ ผู้เขียนเคยเอารถจักรยานยนต์ไปดับกลางทางที่ชันมาแล้ว ล้มหัวทิ่ม ไปสองรอบ แล้วลงมาตั้งหลักกันอีกที แต่ขอบอกว่าระหว่างทางมีจุดที่น่าสนใจอยู่นะครับแวะถ่ายรูปต้นไม้ใบไม้ ชมวิวไกล ๆ ของเมืองกะทู้ได้ มีจุดให้แวะพักอยู่ครับ ซึ่งผู้เขียนแวะถ่ายภาพเป็นระยะ ๆ ชอบใบไม้อ่อนต้องเเสงพระอาทิตย์ เป็นอะไรที่ชอบมาก ๆ ภาพโดย : ผู้เขียน หลังจากชมวิวข้างทางมาเหนื่อยแล้วก็มุ่งสู่เป้าหมายหลัก คือวัดดอยเทพนิมิต เมื่อเข้ามาถึงเขตวัดตรงนี้จะมีจุดนั่งพักชมวิวขององค์พระเจดีย์ และวิวทะเลป่าตองได้อย่างดีทีเดียว เพราะสามารถมองเห็นภาพด้านหน้าได้ทั้งกว้างทั้งไกลขึ้น ผู้เขียนเองก็เล็งอยู่ว่าน่าจะอยู่ที่นี่ถึงยามเย็นรอชมพระอาทิตย์ตกน่าจะได้ภาพที่สวยงามแน่นอน ภาพโดย : ผู้เขียน ก่อนอื่นเรามารู้จักวัดดอยเทพนิมิตกันก่อนสักนิดหนึ่ง จากที่นั่งฟังจากพระคุณเจ้าเล่าให้ฟังคร่าว ๆ ได้ความว่า เดิมที ที่แห่งนี้เป็นที่ดินที่ได้รับการบริจาคจากคุณโยมโกไข่และครอบครัว จำนวน 3 ไร่ อยู่เนินเขานาคเกิดฝั่งกะทู้ ป่าตอง และเดิมตั้งเป็นที่พักสงฆ์ก่อนโดยได้กราบนิมนต์หลวงปู่บุญพิน มาจำวัดที่นี่ หลังจากนั้นหลวงปู่ท่านได้นิมิตว่าให้สร้างพระพุทธรูปปางพระไพรีพินาศขึ้น โดยให้หันหน้าออกไปสู่ทะเล เพื่อช่วยป้องกันและขจัดปัดเป่าภัยพิษัติต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ต่อมาได้มีการสร้างศาลาสำหรับปฏิบัติธรรม ที่พัก โรงครัว ทะนุบำรุงถนน และ ขอไฟฟ้ามาเป็นลำดับ ในปี 2558 หลวงปู่ท่านมีดำริให้จัดสร้าง พระเจดีย์พุทธนิมิต ภูริทัตโต ขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ท่านได้นำมาจากประเทศศรีลังกา และบรรจุทันตธาตุของหลวงปู่มั่น บรรจุอัฏฐิของหลวงปู่เสาร์ หลวงตามหาบัว และอีกหลายองค์ แล้วเสร็จและทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2561 มีพ่อเมืองภูเก็ตมาเปิดงานและพุทธศาสนิกชนมาร่วมงานบุญกันอย่างล้นหลาม นี่คือประวัติที่มาคร่าว ๆ นะครับ หลังจากสนทนากับพระคุณเจ้าสักพักหนี่งแล้ว ผู้เขียนกราบลาขอตัวเพื่อเยี่ยมชม ก่อนเข้าจะมีรูปปั้นยักษ์ และ พญานาคอยู่ฝั่งละองค์ หน้าประตูใหญ่ เมื่อเข้าไปด้านในบรรยากาศโดยรอบพระเจดีย์ เมื่อมองขึ้นไป สวยงามยิ่งนักโดยเฉพาะในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสเช่นนี้ ลักษณะรูปแบบการออกแบบองค์พระเจดีย์ จะคล้ายกับองค์พระธาตุพนมมากทีเดียว ภาพโดย : ผู้เขียน ระเบียงโดยรอบของพระเจดีย์จะเป็นรูปปั้นลำตัวของพญานาคทอดยาวทั้งสองฝั่ง อลังการมาก เมื่อสีเกล็ดของรูปปั้นสัมผัสกับแสงของพระอาทิตย์จะส่องแสงระยิบระยับขึ้นมาทันที สวยงามอีกแบบ รูปปั้นที่อยู่ตรงมุมของฐานพระเจดีย์ทั้งสี่ทิศ น่าจะเป็นเหล่าเทพยดาที่คอยปกปักรักษาสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ภาพโดย : ผู้เขียน เมื่อเยี่ยมชมบริเวณโดยรอบแล้ว ผู้เขียนจึงขึ้นไปรอชมพระอาทิตย์ตก ข้างบน แสงยามเย็นกับองค์พระเจดีย์ และเมืองป่าตอง ทะเลป่าตองน่าจะสวย ขณะที่ผู้เขียนนั่งเพลิน ๆ ก็มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติขี่รถจักรยานยนต์มาจอด แล้ะมานั่งชมในจุดเดียวกับผู้เขียนเลยได้ทักทายปราศัยกันไปเรื่อย และแล้วเวลาที่เฝ้ารอคอยก็มาถึง พระอาทิตย์ค่อย ๆ คล้อยตกลง แสงสีทอง กระทบองค์พระเจดีย์ และท้องทะเล เป็นบรรยากาศที่คุ้มค่าเหนื่อยจากที่รอคอยมาตั้งแต่เที่ยง ยันเย็นขนาดนี้ ภาพโดย : ผู้เขียน หลังจากชมวิว ถ่ายภาพกันจนแสงใกล้จะหมดแล้ว และเริ่มจะหมดแรงกันแล้ว ผู้เขียนและนักท่องเที่ยวรายนี้ก็ได้นั่งชมวิวกันเพลิน ๆ สบาย ๆ ไปสักระยะเพื่อรอให้มืดก็จะเดินทางกันกลับ คุ้มแล้วหล่ะสำหรับวันนี้ ได้ทั้งความสุข ได้ทั้งภาพที่สวยงาม และ แสงที่สวยงามสมกับที่รอคอยอีกด้วย สำหรับท่านที่สนใจมาเยี่ยมชม หรือต้องการมาสักการะพระเจดีย์ หรือเข้าร่วมปฏิบัติธรรม ถือศีล สวดมนต์ ภาวนา สามารถติดต่อได้ที่วัดเลยนะครับ หรือ ที่เฟสบุ๊คของวัด พระอาจารย์ท่านบอกว่า เราจะมีกิจกรรมทำบุญดี ๆ จัดอยู่เรื่อย ๆ โดดยเฉพาะวันพระหรือวันสำคัญต่าง ๆ