ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ผมและกลุ่มเพื่อนตั้งใจที่จะไปเที่ยวต่างจังหวัดสักที่นึง บางคนอยากไปเที่ยวทะเลอันดามันที่ภาคใต้ บางคนอยากขึ้นดอยที่ภาคเหนือ แต่ด้วยการแพลนทริประยะสั้น (แบบว่านึกจะเที่ยว ก็เที่ยวเลย) ทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินของสายการบินต่างๆ ราคาค่อนข้างสูง จึงต้องหาที่เที่ยวในระยะทางใกล้ๆ สามารถขับรถไปได้ และต้องเป็นสถานที่แนวธรรมชาติที่กลุ่มของเรายังไม่เคยไป ซึ่งจะมีตัวเลือกให้เลือกเพียงไม่กี่ที่ ก็คือ จังหวัดนครนายกและกาญจนบุรี เลยลงประชามติโหวตกันในกลุ่ม สรุปว่า เราได้ไปเที่ยวสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี :) เรื่องของการเดินทางไปเที่ยวสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี มีได้หลายวิธี นั่งรถส่วนตัว ขับเรื่อยๆ ชิลๆ ไปโลด (แน่นอนครับ เราเลือกวิธีนี้) รถทัวร์-รถตู้โดยสารปรับอากาศ ขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ (ตลิ่งชัน) หรือสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) สามารถเลือกได้ สะดวกที่ไหนไปที่นั้น ^^ รถไฟ ขึ้นได้ที่สถานีรถไฟธนบุรีซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลศิริราช แต่จะไปสุดสายที่สถานีน้ำตกไทรโยคน้อย **สำหรับการเดินทางโดยรถทัวร์-รถตู้โดยสารและรถไฟ จะต้องต่อรถตู้ไปยังอำเภอสังขละบุรีอีกทีจ้า พอมาถึงสังขละบุรีพบว่าคนส่วนใหญ่จะเป็นชาวมอญ กลุ่มเผ่ากะเหรี่ยงต่างๆ ผู้คนที่นี่น่ารักมาก อัธยาศัยดีมาก รวมถึงบรรยากาศธรรมชาติแรกที่สัมผัสได้ รู้สึกประทับใจตั้งแต่ครั้งแรก 📍Landmark ของสังขละบุรี คือ สะพานมอญ (สะพานอุตตมานุสรณ์) เป็นสะพานไม้มีความยาวรวมระยะทาง 445 เมตร ข้ามแม่น้ำซองกาเลีย สร้างขึ้นเพื่อใช้สัญจรไปมาของชาวมอญและชาวไทยที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น โดยสร้างจากดำริของหลวงพ่ออุตตมะ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม โดยใช้แรงงานของชาวมอญ จากนั้นผมและเพื่อนๆ ได้เหมาเรือ 1 ลำเพื่อเที่ยวชมวัดใต้น้ำที่สังขละบุรีแห่งนี้ (ราคา 500 บาท) ตามประวัติศาสตร์ที่พี่ไกด์เค้าบอกมาว่า เมื่อก่อนที่ตรงนี้จะมีวัดด้วยกัน 3 วัด ที่เป็นตัวแทนจากกลุ่มคนต่างๆ คือ วัดวังก์วิเวการาม (ชาวมอญ), วัดศรีสุวรรณ (ชาวกะเหรี่ยง) และวัดสมเด็จเก่า (ชาวไทย) แต่น่าเสียดาย ช่วงเวลาทริปที่ผมไปเที่ยวกัน เป็นฤดูที่มีน้ำมาก ทำให้ไม่สามารถลงไปเยี่ยมชมวัดวังก์วิเวการาม และวัดศรีสุวรรณได้ ซึ่งทั้ง 2 วัดได้จมอยู่ใต้น้ำ แต่ยังคงเห็นหอนาฬิกาที่ยังมีส่วนของหลังคาโผล่เหนือน้ำขึ้นมา ทำให้ผมรู้ว่าระดับน้ำที่ท่วมวัดแห่งนี้มีระดับน้ำที่สูงมาก เมื่อเทียบกับภาพทั้ง 2 วัดตอนที่น้ำลด จากนั้นพี่ไกด์ได้พามาเที่ยวที่วัดสมเด็จ (เก่า) ที่ยังหลงเหลืออยู่บนเนินเขาเล็กๆ ตรงข้ามกับวัดที่จมอยู่ใต้น้ำ โชคดีที่น้ำท่วมไม่ถึงวัด ยังคงความงดงามของวัดไว้ ถึงแม้ว่าปัจจุบันได้มีการสร้างวัดสมเด็จ (ใหม่) ในตัวเมืองแล้วแต่วัดดังกล่าวก็ยังเป็นที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวได้มากราบไหว้ได้ สัญญาว่าจะมาเที่ยวใหม่แน่นอน และจะมาตอนน้ำลด จะได้เที่ยวครบ 3 วัดเลย กลับบ้านก่อนนะ ไว้จะมาหาใหม่ ภาพถ่ายโดยนักเขียน