เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.) มีคำกล่าวว่า “ได้ดื่มน้ำจากบ่อแล้วอย่าลืมถามหาคนขุดบ่อ ได้พักพิงใต้ร่มเงาไม้ อย่าคิดหักโค่นทำลาย” สวัสดีครับนักเที่ยวทั้งหลายวันนี้ ผู้เขียนมีสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูนมานำเสนอ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ ที่ประชาชนในจังหวัดลำพูน และผู้ที่ผ่านไปผ่านมาหรือผู้ที่มาทำงานในจังหวัดแห่งนี้โดยเฉพาะข้าราชการหากจะบรรจุหรือโยกย้ายมาทำงานใหม่ต้องเข้ากราบขอฝากเนื้อ ฝากตัวเป็นลูกหลานก่อน ซึ่งเชื่อว่าจะเจริญในหน้าที่การงาน ชีวิตรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปครับ เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.) สถานที่ที่ผู้เขียนจะนำเสนอวันนี้คือ “อนุสาวรีย์ พระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย” ครับชาวลำพูนมักเรียกติดปากว่า “ลานเจ้าแม่” หรือ “ลานเจ้าแม่จ๋ามะเตวี” (คนถิ่นเหนือจะออกเสียงแบบคำหลัง) สำหรับอนุสาวรีย์แห่งนี้ได้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2525 ในสมัยของ นายจริญญา พึ่งแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนในสมัยนั้นพร้อมคณะสงฆ์ เจ้านายฝ่ายเหนือ ข้าราชการ พ่อค้าประชาชนทั่วไปได้ร่วมกันอันเชิญขึ้นประดิษฐาน เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.) จุดแรกที่หากนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงหากต้องการเข้ากราบสักการะด้านขวามือจะมีร้านจำหน่ายของถวายครับ มีพวงมาลัย มีถาดถวายเครื่องสักการะ (น้ำมันตะเกียง กล้วย ขนมคาว-หวานต่าง ๆ )ให้บริการ หากไม่ได้เตรียมมา เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.) จุดสะดุดตาจุดที่สองก่อนเข้าสักการะผู้เขียนเห็นว่า มีบายศรีใบตองดอกดาวเรืองซ้าย-ขวา ความพิเศษคือสูงตระหง่านนับได้ 16 ชั้น ที่มีผู้ทำมาถวายเป็นเครื่องสักการะ(มักจะเห็นผลัดเปลี่ยนเป็นประจำไม่ได้ขาด) สำหรับอนุอนุสาวรีย์ของพระนางจามเทวีนั้นประดิษฐานสูงสง่าเป็นองค์สีน้ำตาลพระหัตถ์ซ้ายทรงถือดาบ พระหัตถ์ขวาทรงผายออกมาข้างหน้า ผู้เขียนได้มีโอการพูดคุยกับน้องคนหนึ่งที่วันนี้เขาบอกว่ามาแก้บนซึ่งเขาได้บนขอให้สอบเข้าเรียนต่อในที่แห่งหนึ่งได้และก็สอบได้สมใจขอจริง ๆ วันนี้จึงนำดอกไม้ ธูป เทียน เครื่องสักการะมาถวายแก้บน เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.) จุดสุดท้ายหลังอนุสาวรีย์ ซ้ายมือของเราหากหันหน้าเข้าทางอนุสาวรีย์จะมีรูปปั้นช้างตัวใหญ่ (ป้ายบอกให้ทราบว่าเป็นเจ้าพ่อกู่ช้าง (ช้างผู้กำงาเขียว หรือภาษาเหนือจะออกเสียง “จ้างปู๊ก่ำงาเขียว” หมายถึง ช้างที่มีสีคล้ำ มีงาสีเขียว เป็นช้างคู่บารมีของพระนางจามเทวี และด้านขวามือจะมีรูปปั้นม้า ตามประวัติผู้เขียนทราบว่าเป็นม้าทรงของพระเจ้ามหันตยศ พระราชโอรสของพระนางจามเทวี ตั้งอยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย สำหรับการเดินทางมานั้นไม่ยากเลยครับอนุสาวรีย์แห่งนี้จะอยู่กลางเมืองลำพูนเลยครับ ตรงข้ามคิวรถสองแถวลำพูน-ลี้ ติดตลาดหนองดอก และบิรเวณด้านข้างอนุสาวรีย์จะมีลานกว้างหากตอนกลางคืนจะมีตลาดโต้รุ่งมีอาหารคาว หวาน และอาหารพื้นเมืองให้บริการแก่นักเที่ยว นักชิม อีกด้วยนะครับ...แม้...รู้อย่างนี้แล้วรออะไรอยู่ มา มะ มา เลย.....