เกาะสีชังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรีที่สามารถเดินทางได้สะดวกจากกรุงเทพโดยรถไฟสายตะวันออก รถตู้ หรือรถทัวร์ และหากเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพเท่านั้น ในการเดินทางครั้งนี้เราเลือกเดินทางโดยรถไฟ เนื่องจากเป็นนักศึกษาที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังที่มีทางรถไฟผ่ากลางมหาวิทยาลัย และการไปท่องเที่ยวครั้งนี้จะพักอาศัยอยู่ที่บ้านของตนเองค่ะ โดยจะเดินทางดังนี้ 1.นั่งรถไฟจากพระจอมเกล้า-เขาพระบาท 2.นั่งรถสองแถวสีส้มที่ป้าย-ท่าเรือเกาะลอย 3.นั่งเรือโดยสาร ในขั้นแรกเราจะเริ่มเดินทางจากการนั่งรถไฟสายตะวันออกขบวนที่ 283 ในเวลา 8.10 น.ที่ป้ายพระจอมเกล้าและลงที่ป้ายเขาพระบาท สำหรับท่านใดที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองกรุงเทพสามารถขึ้นรถได้ตามสถานีรถไฟหัวลำโพงได้ในเวลา 6.45 น. ควรไปก่อนเวลารถออกประมาณ15นาทีเพื่อเตรียมตัว และรถไฟที่สามารถไปถึงสถานีเขาพระบาทมีเพียงแค่เที่ยวเดียวต่อวันเท่านั้น หากเป็นวันหยุดยาวขบวนรถจะแน่นมากส่วนใหญ่แล้วจะต้องยืนจนถึงที่หมายโดยที่รถไฟจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อลงรถที่สถานีเขาพระบาทแล้วจะเจอกับรถสองแถวสีส้มจอดรอรับคนจากรถไฟเพื่อไปส่งที่ท่าเรือเกาะลอยในราคา 50 บาท และสามารถลงรถไฟได้ที่สถานีชุมทางศรีราชาด้วยโดยจะมีวินมอเตอร์ไซค์รอให้บริการอยู่ เมื่อมาถึงเกาะลอยแล้วก็ทำการซื้อตั๋วเรือขาไปในราคา 60 บาทและสามารถลงไปนั่งรอในเรือได้เลย เรือโดยสารจะออกทุกๆชั่วโมงแต่หากเป็นช่วงเทศกาลก็จะปรับเวลาการออกเป็นแบบเต็มออกแทน ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีในการเดินทาง เมื่อมาถึงเกาะแล้วจะสามารถเช่ารถมอเตอร์ไซค์ได้ที่ท่าเรือ และจ้างรถสามล้อนำเที่ยวได้ทั้งวันโดยจ่ายแค่รอบเดียว แต่ถ้าไม่อยากขับรถก็สามารถเดินได้เหมือนกันเพราะเป็นเกาะเล็กๆจึงสามารถเดินเท้าได้ในเวลาไม่นาน โดยเราจะวางแผนการเดินทางดังนี้ 1.กินข้าวกลางวัน 2.ไปเยี่ยมชมพระจุฑาธุชราชฐาน 3.เดินเล่นที่ช่องเขาขาด 4.เล่นน้ำทะเลที่หาดถ้ำพัง 5.กินหมูกระทะบนเขา 6.พักผ่อน โดยสามารถดูแผนที่ของเกาะละคำแนะนำการท่องเที่ยวได้ที่เว็บไซต์ https://kohsichangth.com/ เรากินข้าวกลางวันที่บ้านแต่ขอแนะนำร้านป้าหน่อยริมทาง รสชาติอาหารเข้มข้นปริมาณสมราคาและบริการดีแต่ถ้าคนเยอะอาหารก็จะออกช้าบ้างนิดหน่อย เมนูที่เราแนะนำคือ โป๊ะแตกทะเล ไข่ตุ๋นทะเล ปลากระพงทอดราดน้ำปลา และหอยแครงลวก เป็นเมนูที่บ้านเราสั่งเป็นประจำเมื่อมาทานอาหารที่ร้านป้าหน่อย หรือถ้าหากอยากทานอาหารที่มีความสากลก็ขอแนะนำ ร้านป้าปั่น&ลุงวิศ วัตถุดิบดี อาหารรสชาติคงที่ มีทั้งอาหารไทยและเทศ เป็นร้านโปรดของที่บ้านเลยทีเดียว บ้านเรามักจะมาสังสรรค์วันสำคัญกันที่ร้านป้าปั่นเสมอ เมนูแนะนำคือฉู่ฉี่ปลาอินทรีย์ กุ้งแช่น้ำปลา แกงป่า และทีเด็ดของร้านคือของหวานและไอศกรีมฝีมือป้า เมนูของหวานที่เราชอบคือช็อคโกแลตลาวา เครมบรูเล่ และไอศกรีมรสพีแคน ป้าปั่นที่เป็นเจ้าของร้านใจดีมากอัธยาศัยดีคุยเก่งแกจะออกมาพูดคุยกับลูกค้าเสมอ คอยเล่าถึงวัตถุดิบและวิธีการทำ ดูรายการอาหารและตรวจสอบวันเปิดร้านป้าหน่อยริมทางได้ที่ เพจเฟสบุ๊ก ป้าหน่อยริมทางทะเลเผา ดูรายการอาหารและตรวจสอบวันเปิดร้านป้าปั่น&ลุงวิศได้ที่ เพจเฟสบุ๊ก Pan & David Restaurant จุดหมายต่อไปนั่นคือพระจุฑาธุชราชฐานเมื่อขับรถบนถนนเส้นหลักของเกาะมาจนสุดทางก็จะพบกับประตูรั้วใหญ่ ภายในนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของเกาะสีชังนี้อยู่ เมื่อเข้ามาจะพบกับวิวชายหาดสวยน้ำใสอยู่ทางด้านซ้ายและสะพานสีขาวทอดยาวลงไปในทะเล ชื่อของสะพานนั้นคือสะพานอัษฎางค์นั่นเอง เป็นอีกจุดเช็คอินหลักของเกาะเลยก็ว่าได้ หากได้มาเกาะสีชังแล้วก็จะต้องมาถ่ายรูปบนสะพานสีขาวนี้ทุกคน ภายในพระจุฑาธุชราชฐานจะมีน้องๆมัคคุเทศน์คอยให้บริการอยู่สามารถติดต่อได้ที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าเลย หรือถ้าหากไม่ต้องการใช้บริการก็สามารถเดินเล่นได้ด้วยตัวเอง หลังจากที่เดินเล่นในวังเสร็จแล้วก็ไปดูช่องทางธรรมชาติที่ด้านหลังเกาะกันบ้าง นั่นคือช่องเขาขาดนั่นเอง หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือช่องอิศริยาภรณ์ เป็นจุดท่องเที่ยวที่สวยงามอีกที่หนึ่งของเกาะ มีร้านอาหารให้บริการและสามารถเดินลงไปสำรวจและถ่ายรูปกับวิวทะเลอลังการได้ที่โขดหินด้านล่าง ที่ช่องเขาขาดมีน้องแมวคอยอ้อนนักท่องเที่ยวอยู่ด้วย ระวังจะตกหลุมพรางความน่ารักของน้องๆเข้านะ และยังสามารถสำรวจบนเขาได้ด้วย มีสัตว์ท้องถิ่นขนปุยอย่างกระรอกขาวอยู่บนต้นไม้เป็นอีกหนึ่งความน่ารักของที่นี่ และถ้าหากมาในตอนเย็นจะสามารถดูวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้อีกด้วย พนักงานต้อนรับ หลังจากที่เดินสำรวจธรรมชาติมาครึ่งวันก็ถึงเวลาได้ผ่อนคลายกับการเล่นน้ำทะเลที่หาดถ้ำพัง โดยการเดินทางขึ้นมาบนหาดอาจจะมีความหวาดเสียวอยู่บ้างสำหรับคนที่กลัวความสูง เมื่อขับรถขึ้นเขามาก็จะพบกับวิวทะเลกว้างสุดสายตาโดยที่สามารถมองเห็นทั้งหมดได้ระหว่างทางลงมาที่หาด มีร้านค้าขายอุปกรณ์สำหรับเล่นน้ำ ร้านอาหาร และเตียงผ้าใบ ร้านขายเรือพายกับห่วงยางอยู่ที่หาดด้วย การมาเล่นน้ำที่นี่ต้องเดินระวังเป็นพิเศษเนื่องจากมีหินอยู่มาก เมื่อถึงตอนเย็นก็สามารถดูพระอาทิตย์ตกได้เหมือนกัน เมื่อเหนื่อยกับการเล่นน้ำแล้วก็ถึงเวลาเติมพลังด้วยอาหารประจำชาติสาขาปิ้งย่าง นั่นคือหมูกระทะนั่นเอง ร้านที่เรามาชื่อ อบอวนหมูกระทะ จะอยู่บนเขาซึ่งต้องขับรถขึ้นมาทางวัดถ้ำยายปริก จริงๆแล้วมี 2 ที่อีกที่อยู่ตรงสามแยกทิวไผ่ แต่ที่เรามากินเป็นร้านที่อยู่บนเขาจึงต้องออกแรงเดินขึ้นบันไดกันนิดหน่อย แต่ถ้าใครเดินไม่ไหวทางร้านก็มีบริการรถรางให้ด้วย เมื่อขึ้นมาถึงร้านแล้วก็จะพบกับความน่ารักของพนักงานตัวนุ่มทั้งหลายมีทั้งน้องหมาน้องแมวคอยต้อนรับอย่างอบอุ่น ชมวิวหลักล้านพร้อมกับกินหมูกระทะอย่างเอร็ดอร่อย ที่ตรงนี้ก็สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้เหมือนกันค่ะ ถ้าหากได้ย่างหมูไปพร้อมกับการดูพระอาทิตย์ตกกับคนพิเศษก็จะเพิ่มความสุขขึ้นอีกทวีคูณเลย เมื่อกินข้าวเย็นเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลากลับบ้าน แต่เราชอบขับรถวนรอบเกาะสักหน่อยก่อนจะเข้าบ้าน โดยที่ที่ต้องไปนั่นก็คือสะพานท่ากลาง ขอนที่ขี่รถอยู่บนสะพานจะสามารถมองเห็นแสงไฟจากประภาคารได้ แสงไฟสะท้อนกับน้ำระยิบระยับลมเย็นๆตีเข้าหน้า ทำให้ผ่อนคลายขึ้นมากเลยค่ะ สามารถตกหมึกและปลาที่สะพานได้ด้วย จบวันด้วยการขับรถตากลมและเข้าบ้านพักผ่อน ทุกคนสามารถตรวจสอบสถานที่ท่องเที่ยวได้ที่เว็บไซต์ https://kohsichangth.com/ มีสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำมากมายและยังมีเรื่องราวของเกาะเขียนไว้ด้วย และสามารถตรวจสอบตารางเวลารถไฟได้ที่เว็บไซต์ https://www.railway.co.th/Home/index และการเดินทางกลับนั้นก็เหมือนกับตอนมาเลยค่ะ รถไฟกลับกรุงเทพจะมีรอบ 14.52 น.ต้องมาก่อนเวลารถออก 15 นาทีเสมอ แต่ขากลับนี้จะนั่งจากสถานีชุมทางศรีราชาแทน ถ้าหากขึ้นจากเรือเที่ยว 14.00 น.จะมาไม่ทันรถไฟจึงต้องมาตั้งแต่รอบ 13.00 น.โดยที่สามารถมาเดินตากแอร์รอเวลาที่ห้าใกล้เคียงก่อนได้ มี 2 ห้างนั่งคือ Pacific Park Sriracha และ central sriracha ลำดับการเดินทางมีดังนี้ 1. ขึ้นเรือโดยสารข้ามฟากมายังเกาะลอยเที่ยว 13.00 น. 2. นั่งรถรับจ้างมาที่สถานีชุมทางรถไฟศรีราชา (ถ้าไม่พักที่ห้างก่อน) 2.1 นั่งรถมารอเวลาที่ห้างใกล้เคียง 3. ขึ้นรถไฟสายตะวันออกขบวนที่ 284 กลับกรุงเทพ เนื่องจากเกาะสีชังนั้นเป็นบ้านของเรา จึงไม่สามารถแนะนำโรงแรมดีๆให้ทุกคนได้ แต่เรามั่นใจว่าจะได้รับประสบการณ์ดีๆกลับไปแน่นอน ยังมีอีกหลายที่ดีๆที่เรายังไม่ได้เขียนลงไปให้ทุกคนได้ไปสัมผัสกับความเป็นธรรมชาติที่ผสมผสานกับวิถีชีวิตของที่นี่ และหวังว่าทุกคนจะกลับมาอีกครั้ง เกาะของเรายินดีต้อนรับเสมอ เครดิตรูปภาพโดยผู้เขียนทั้งหมด อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !