ประเทศอินเดียประเทศซึ่งมีประชากรหนาแน่น จะเริ่มเห็นตั้งแต่การนั่งรถ สองข้างทางที่ผ่าน ถนนหนทางนั้นเต็มไปด้วยรถจำรวยมาก ซึ่งก่อนที่จะเข้าลัคเนาว์นั้นการจราจรค่อนข้างสะดวกสบาย แต่พอคนขับรถบอกว่า เราจะแวะทานข้าวที่ลัคเยาว์เท่านั้น รถติดเป็นสายกันเลย สิ่งที่สำคัญในการเดินทางในเมืองลัคเนาว์ ถนนหนทางอาจจะต้องเป็นคนขับรถที่ชำนาญทางหน่อย เพราะถ้าหากเราเลี้ยวผิดวันนั้นทั้งวันไม่ต้องทำอะไร เพราะการที่จะวนมาในที่เดิมนั้นต้องใช้เวลา เมืองนี้เป็นเมืองที่เจริญและเป็นที่หลักของสายรถไฟทุกขบวน ที่จะต้องผ่านเพื่อต่อไปในรัฐอื่นของอินเดีย คงเป็นครั้งแรกสำหรับการเที่ยวเมืองหลวงของอินเดีย ถือเป็นเมืองหลวงที่ได้รับการพัฒนาค่อนข้างมาก เพราะถนนหนทางกว้าง และมีมาตรฐาน ผู้คนในเมืองนี้แตกต่างจากอินเดียในหลายๆเมือง ซึ่งอาจจะบอกได้ว่า ที่นี่จะเป็นแขกขาวแต่งตัวทันสมัย มีห้างเดินมีเคเอฟซี พิซซ่า การเดินทางเที่ยวในเวลาสั้นๆ ในระหว่างการรอขึ้นเครื่องกลับ สถานที่แรกที่รถจอดนั่นคือ เราจะเที่ยวห้างและทานอาหารที่หายากในอินเดีย นั่นคือ ไก่ย่างห้าดาว หลังจากที่ไม่ได้ทานอาหารแบบนี้ร่วมเดือน ในทุกวันที่อยู่อินเดียอาหารส่วนใหญ่จะเป็นแกงกะหรี่และแป้งจาปาตี แทนข้าว ซึ่งหลังจากที่เราทานข้าว ก็จะเดินห้างผ่อนคลายหน่อย จากนั้นก็จะเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งสถานที่แห่งนี้ ตามประวัตินั้นแม้ว่าจะอยู่ในเมืองของคนที่นับถือและเชื่อในพราหมณ์ฮินดู แต่ก็ยังมีวัดพุทธขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งเราจะเดินทางไปที่นั่น วัดพุทธในลัคเนาว์ สถานที่ที่ชาวพุทธทุกคน ต้องการที่จะเดินทางไปที่นี่ และชมความงามของสถานที่แห่งนี้ตั้งแต่ประตูทางเข้า เนื่องจากว่าวัดนี้เป็นวัดพุทธในลัคเนาว์เป็นวัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ว่าได้ ในพื้นที่ทั้งหมดมากกว่าพันไร่ มีขนาดกว้างขวางมาก สามารถบรรจุคนได้จำนวนมาก กว้างจนต้องยอมและบอกว่าพอแล้วเดินไม่ไหว พอมองเห็นด้านในคำแรกคือความยิ่งใหญ่ ซึ่งเกินคาดเพราะเราคิดว่าสถานที่อาจจะไม่ใหญ่มากนักเพราะเป็นวัดพุทธ แต่พอเจอของจริงเหมือนกับเรานั้นเดินเข้าไปในดินแดนสวรรค์ ที่ทุกอย่างนั้นงดงาม เมื่อเดินพ้นประตูใหญ่เข้าไปด้านใน เราจะมองเห็นลานกว้าง ที่เดินเท่าไหร่ก็ยังไม่ถึง เป็นลานหินอ่อนปูกระเบื้องทั้งหมดทั้งหมด แต่ค่อนข้างจะเดินลำบากเพราะเนื่องจากเป็นลานที่โล่งกว้าง อากาศหนาวแต่แดดก็สุดๆ ซึ่งเมื่อแดดปะทะกับแผ่นหินทำให้เกิดแสงสว่างสะท้อนทาที่ตา ทำให้ลืมตาได้เล็กน้อย สถานที่แห่งนี้ ต้องใช้การเดินเท้าเข้าไปไกลกว่าหนึ่งกิโล และต้องต่อสู้กับแสงแดดจ้า สวนพุทธนี้ สร้างขึ้นโดย ดร.เอ็มเบดการ์ ซึ่งได้สร้างวัดพุทธไว้ เพราะความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา และเป็นผู้นำพระพุทธศาสนากลับสู่ประเทศอินเดีย แม้ว่าท่านเองนั้นจะเกิดในวรรณะศูทร ซึ่งถือว่าเป็นวรรณะที่ต่ำมากในประเทศอินเดีย ชีวิตจึงถูกการดูถูกเหยียดหยามแม้แต่ครูผู้สั่งสอน ความเลื่อมใสครั้งใหญ่ของ เอ็มเบดการ์คือการพาชาวศูทรปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะถึงห้าแสนคน ด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา วัดพุทธในลัคเนาว์จึงเกิดขึ้น พิกัด>>>> Ambedkar Memorial Park เดินเข้ามาซ้ายมือของเราจะพบกับแท่นพระพุทธรูป และที่สำคัญสถานที่แห่งนี้ รูปปั้นช้างจำนวนมากยืนเรียงรายกันเป็นแถว ซึ่งช้างเองเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญของศาสนาพุทธและความยิ่งใหญ่ ต้นแบบของโรงภาพยนต์ สถานที่แห่งนี้ เป็นการออกแบบโรงละครที่เป็นต้นแบบของโรงละครปัจจุบัน ซึ่งในตรงนี้ ก็เป็นสถานที่ชมการแสดงละคร บันไดที่ลาดชันลงไปเรื่อยๆ ซึ่งสามารถมองเห็นได้รอบด้าน บริเวณของที่นี่ทำด้วยหินอ่อนทั้งหมด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาที่นี่ ส่วนมาจะเป็นชาวพุทธที่เดินทางมาแสวงบุญในประเทศอินเดีย และก็จะแวะมาเที่ยวเพื่อดูความยิ่งใหญ่ของวัดพุทธ ความยิ่งใหญ่และอลังการ การสร้างด้วยเงินจำนวนมหาศาล ประตูแห่งนี้เป็นประตูเดินเข้าชมประวัติของบุคคลสำคัญที่เล่าเรื่องราวจุดเปลี่ยนของศาสนา และเมื่อเรามองจากด้านนอกออกไป เป็นภาพที่สวยซึ่งครั้งนั้นที่เดินทางไป เป็นเวลาที่แบตเตอรี่โทรศัพท์หมด ไร้ไฟและคนเองก็เริ่มหมดไฟ แดดก็ยิ่งร้อน การเดินชมสถานที่ เนื่องจากภายในของสถานที่นั้นเป็นพื้นที่โล่ง ไม่มีร่มเงาถ้าต้องการร่มเงา ต้องแอบนั่งหลบอยู่ข้างบันได การชมสถานที่ถ้าจะให้มองได้ถนัดจะต้องสวมใส่แว่นตาป้องกันแสง และสวมใส่หมวกเพื่อให้มองได้ดีขึ้น และควรมีผ้าที่สามรถป้องกันแดดได้ สำหรับคนที่ไม่เคยฝ่าไอแดดร้อนๆ สถานที่แห่งนี้ สามารถเดินไปได้ทุกที่ ไม่มีไกด์อยู่ด้านใน ในวันที่เดินทางเข้าชมนั้นมีเพียงกลุ่มของพวกเราเท่านั้น ด้วยสถานที่กว้างจึงมีอิสระในการเดิน มุมที่ถ่ายรูปสวยคือมุมหลบแดดข้างบันได เพราะสามารถถอดแว่นได้ หินอ่อน เนียนและเย็น หินทรายสีชมพูขัดเรียบ ช่างที่ทำนั้นจะต้องเป็นช่างที่มีฝีมืออย่างมาก และประณีตเพราะผ่านมานานแล้วยังคงสภาพสวยเช่นเดิม สามารถยืนพิงได้ เป็นสถานที่ที่เดินเที่ยวแล้วต้องพึ่งยาดมยาหม่อง เวลาในการเข้าชม เพื่อความสะดวกในการเข้าชมแดดไม่ร้อนมาก เราอาจจะเข้าในตอนเช้า เพราะถ้าเข้าเย็นอาจจะเดินชมไม่พอเพราะกลัวจะถึงเวลาปิด สถานที่แห่งนี้ต้องจ่ายค่าเข้าชมประมาณคนละ 500 รูปี ซึ่งถือว่าราคาไม่สูงมาก กับพื้นที่พันไร่ เพราะเป็นสถานที่ที่ทุ่มทุนสร้างราคาประมาณไม่ได้ สถานที่อันยิ่งใหญ่สำหรับชาวพุทธซึ่งที่นี่อาจจะเป็นวัดพุทธที่เดียวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด การเข้ามาในวัดนี้ทำให้เราได้เห็นถึงความศรัทธาของคนเรา ที่รักในพระพุทธศาสนา แม้ว่าตนเองจะเป็นวรรณะที่ต่ำสุดในอินเดียแต่ความพยายามทำให้ได้ดี ใช่ที่เคยได้ยินคำพูดที่ว่า ใช้คำดูถูกเหยียดหยามของคนเป็นแรงผลักดัน ทำให้ตนเองก้าวข้ามสิ่งที่คนอื่นมองว่าเป็นไปไม่ได้ คนเรานั้นตราบใดที่มีลมหายใจ ไม่มีสิ่งไหนที่เรานั้นจะทำมันไม่ได้ ขอเพียงเราอย่ายอมแพ้ คงเหมือนกับหนทางในการ เดินเข้าไปในวัดพุทธแห่งนี้ ที่ต้องใช้ความพยายามในการเดิน อย่ายอมแพ้ถ้ายังไม่ได้สู้อย่างเต็มที่ เราเองได้เกิดมาแล้วพบพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ดี สักครั้งลองไปสถานที่แห่งนี้แล้วเราจะมีพลังต่อสู้กับทุกสิ่ง ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นของผู้เขียน (อุ้งเท้าแมว)ห้องส่องร้านดังมาแรง รวมของกินอร่อยต้องโดน บอกสูตรเมนูลับที่ไม่ลับอีกต่อไป