เช้าวันหนึ่ง โทรศัพท์ของผมดังขึ้น ปลายสายคือเพื่อนของผม โทรมาชวนผมว่า "ไปสังขละบุรีมั้ย" ไปกันตอนนี้เลย ผมนึกอยู่ครู่นึง ว่ามันจะปุ๊บปั๊บไปมั้ย แต่แล้วผมก็ตอบตกลง จากนั้นผมจัดการเอาเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเป้ทันที แล้วผมออกจากบ้านเพื่อไปขึ้นรถตู้ที่สถานีขนส่งสายใต้ จริง ๆ แล้ว ผมอยากจะไปที่สังขละบุรีมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสจะไปสักครั้ง ครั้งนี้เพื่อนชวนไปถึงแม้ว่ามันจะปุ๊บปั๊บมาก แต่เรามีวันหยุด 2 วัน ก็น่าจะไปได้อยู่ เวลา 11 โมงผมนั่งรถตู้จากขนส่งสายใต้มาถึงที่ขนส่งกาญจนบุรีตอนเวลา 13.00 น. แล้วเราต้องนั่งรถไปยังสังขละต่อ รถที่จะไปก็เป็นรถเมล์หวานเย็น กาญจนบุรี-สังขละบุรี รถในตำนาน รถจะออกเวลา 14.00 น. เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง ซึ่งอำเภอสังขละบุรีจะอยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี 220 กิโลเมตร ระหว่างทางที่จะถึงสังขละ ช่วงที่อำเภอทองผาภูมิ จะมีโค้งอยู่เกือบตลอดทาง รถก็ไม่สามารถขับเร็วได้ คนขับก็ต้องชำนาญทางอย่างมาก 6 โมงเย็นผมก็ถึงสังขละบุรี เมืองสามหมอก สามวัฒนธรรม ไทย มอญ และกะเหรี่ยง ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมงเต็มจากขนส่งกาญจนบุรีถึงสังขละ จากนั้นผมกับเพื่อนก็ไปหาข้าวเย็นทานกันก่อน เสร็จแล้วเราก็ได้ไปหาที่พักกัน กว่าจะทานข้าวเย็นและหาที่พักเสร็จ ฟ้าก็มืดเสียแล้ว ผมเดินมาที่สะพานไม้อุตตมานุสรณ์หรือสะพานมอญ สัญลักษณ์ของสังขละบุรี เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ที่มีความยาว 850 เมตร และเป็นสะพานไม้ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสะพานอูเบ็งของพม่า สะพานมอญ สร้างขึ้นโดยหลวงพ่ออุตตมะร่วมกับชาวบ้านไทยและมอญ ร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อข้ามแม่น้ำซองกาเลีย และเพื่อเชื่อมฝั่งไทยและมอญด้วยกัน ผมเดินดูบรรยากาศในยามค่ำคืน ผู้คนค่อนข้างบางตา อาจเพราะว่าท้องฟ้ามืดแล้วหรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมมาวันธรรมดาด้วย หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่แสงไฟสะพานมอญในยามค่ำคืนก็สวยไปอีกแบบนึงครับ ผมเดินอยู่ที่สะพานมอญอยู่ได้ไม่นาน ก็ได้กลับที่พัก เพื่อพักผ่อนเพราะว่าวันนี้ค่อนข้างที่จะเหนื่อยกับการเดินทาง และพรุ่งนี้เช้าจะมาที่นี่กันอีก ตื่นเช้ามาผมได้มาเดินที่ตลาดฝั่งมอญ ที่นี่จะเปิดร้านขายของกันตั้งแต่ตอนเช้าเลย ร้านส่วนมากก็จะขายพวกเสื้อผ้า ของที่ระลึก ผมมาทานอาหารเช้า ที่ร้านโจ๊กนั่งยอง ร้านชื่อดังที่อยู่หัวสะพานฝั่งมอญ ผมได้ทานโจ๊กใส่ไข่ไป 1 ถ้วย ราคา 30 บาท ราคาไม่แพงแถมรสชาติต้องบอกว่าดีเลยครับ บรรยากาศที่สะพานไม้อุตตมานุสรณ์ หรือ สะพานมอญ ในตอนเช้า อากาศดีมากเลย ตอนเช้าที่นี่มองเห็นหมอกด้วย มีผู้คน นักท่องเที่ยว มาเดิน มาถ่ายรูปกันที่สะพานมอญกัน แต่ผู้คนไม่เยอะ เนื่องจากผมมาในวันธรรมดา พี่ที่ดูแลอพาร์ทเม้นท์บอกว่าหากมาวันเสาร์ อาทิตย์ จะมีนักท่องเที่ยวมากันมาก โดยวันเสาร์ก็จะมีถนนคนเดินสังขละด้วย และยิ่งถ้าเป็นช่วงเทศกาลแล้ว นักท่องเที่ยวมากันเยอะมาก เรียกว่ามากันจนแน่นเต็มสะพานมอญเลย และถึงแม้ว่าที่นี่ จะมีทั้ง ไทย มอญ และกะ เหรี่ยง อาศัยอยู่ด้วยกันปะปนกัน แต่ผู้คนที่นี่อยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ทั้งภาษา วัฒนธรรม เป็นเสมือนหนึ่งเดียวกันเลย โดยมีสะพานมอญสัญลักษณ์ของที่นี่เป็นจุดศูนย์กลางศูนย์รวมของผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน มนต์เสน่ห์อีกอย่างนึงที่สังขละก็คือ เจ้ามัคคุเทศก์ตัวน้อย เราจะได้เห็นมัคคุเทศก์ตัวน้อย ๆ บอกถึงประวัติความเป็นมาของสะพานมอญอย่างละเอียด และจะได้ยินเสียงน้อง ๆ พูดเชิญชวนว่า "พี่ทาแป้งมั้ย" หากเราประแป้งแบบชาวมอญ เงินก็แล้วแต่ว่าจะให้น้องเขาเท่าไร่ ก็ถือว่าช่วยเป็นทุนการศึกษาของเด็ก ๆ เขานะครับ มาที่สังขละแล้ว เราก็ต้องมานั่งเรือชมวัดใต้น้ำกันให้ได้นะครับ ซึ่งนี่ถือเป็นอันซีนไทยแลนด์ ค่าเรือปกติจะ 500 บาท สามารถนั่งได้ 6 คนนะครับ แต่วันนั้นผมไปกับเพื่อน 2 คน เขาเลยลดให้เหลือ 300 บาท วัดแรกมานี้คือวัดวังก์วิเวการาม หรือใครหลายคนเรียกวัดจมน้ำ วัดนี้เป็นวัดมอญ ที่หลวงพ่ออุตตมะสร้างขึ้น ที่เห็นคือหอระฆังวัด และก็โบสถ์โผล่มาให้เห็นบางส่วนเท่านั้น แต่ถ้ามาช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน น้ำตรงนี้จะแห้ง เราสามารถเดินเข้ามาชมวัดใต้บาดาลแห่งนี้ได้เลย วัดต่อมาวัดนี้จะเป็นวัดเดียวที่ไม่จมน้ำ ชื่อวัดสมเด็จ เป็นวัดไทย เป็นวัดที่อยู่บนเขาเล็ก ๆ ตรงทางขึ้นไปนั้น มีดอกไม้ ธูป เทียน ให้เราซื้อไปไหว้พระข้างบน เราต้องเดินขึ้นบันไดอยู่หลายสิบขั้นกว่าจะถึงตัวโบสถ์ ด้านในก็จะมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ให้เราได้กราบไหว้ วัดสมเด็จเป็นวัดที่มีความเก่าแก่ จุดเด่นอีกอย่างนึงเราจะเห็นเถาวัลย์พันอยู่รอบโบสถ์ วัดสุดท้ายคือวัดศรีสุวรรณ เป็นวัดกะเหรี่ยง วัดนี้จมน้ำมิดอยู่ในน้ำเกือบตลอด แต่บางครั้งก็มีธงชาติไทยจากหอระฆังโผล่มาให้เห็นอยู่บ้าง ก่อนกลับ ผมได้ไปถ่ายรูปวิวบรรยากาศที่สะพานมอญอีกครั้ง เก็บความประทับใจที่นี่ไว้เป็นครั้งสุดท้าย เสียดายที่ผมมีเวลาน้อยไปหน่อย ยังไม่ได้มีโอกาสข้ามไปที่ฝั่งพม่า ที่เจดีย์สามองค์เลย หากมีโอกาสผมต้องมาอีกครั้งแน่นอน และนี่เมืองเล็ก ๆ สงบ ๆ เมืองสามหมอก สามวัฒนธรรม ที่คุณลองหาโอกาสมาเยือนให้ได้สักครั้งนึง สังขละบุรี ภาพถ่ายโดยผู้เขียน