ร่มไม้ใหญ่ครึ้มจากต้นก้ามปู บดบังแสงอาทิตย์ในยามเย็น มีเพียงแสงบางส่วนที่เล็ดลอดออกมาจากใต้ใบ ส่องเป็นลำประกายลงมายังพื้นเบื้องล่าง มีฉากหลังเป็นสิ่งปลูกสร้างจากมนุษย์ มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นก้อนหินมหึมา ก่อเรียงกันไปจนกลายเป็นตัวปราสาทขนาดใหญ่ ลมพัดเอื่อยๆ มีเสียงนกท้องถิ่นร้องส่งเสียงจ้อกแจ้ก ผมก้าวเท้าลัดเลาะไปตามกำแพงหินเหล่านั้น เพื่อไปยืนอยู่ตรงด้านหน้า ปราสาทหิน ที่มีชื่อว่า ปราสาทหินพนมวัน Located : ปราสาทหินพนมวัน Nakhon Ratchasima 1005 Rural Rd., Mueang Nakhon Ratchasima, Mueang Nakhon Ratchasima District, Nakhon Ratchasima Creditภาพ : Jirawat Suttipittayasak หากจะพูดถึงปราสาทหินแล้ว ในเมืองไทยเรานั้นก็มีปราสาทหินอยู่หลายหลัง หลักๆเลยก็ได้แก่ ปราสาทหินพิมาย, ปราสาทหินพนมรุ้ง, ปราสาทสต็อกก๊อกธม ฯลฯ ซึ่งทุกๆปราสาทหิน ล้วนแล้วแต่มีอิทธิพลของขอมหรือเขมร เข้ามาเกี่ยวข้องทุกปราสาท ครั้นจะไปศึกษาให้ลึกถ่องแท้ถึงความเป็นมาเป็นไปของแต่ละปราสาท มันก็ดูจะกินเวลายาวนานและจริงจังมากเกินไป หากแต่เราพูดกันในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณคดี ความพิเศษของมันคือเรื่องเล่าต่างๆนาๆต่างหาก ที่พาเราจินตนาการย้อนเวลากลับไปยังยุคที่ปราสาทหินแต่ละหลัง ยังมีความรุ่งเรือง เป็นศูนย์รวมของชุมชน และผู้คนในยุคโบราณ เครดิตภาพ : https://pantip.com/topic/32111981 ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวเมืองโคราช หรือจังหวัดนครราชสีมามากนัก ยังมีปราสาทหินอยู่หลังหนึ่ง ที่ไม่ได้เป็นที่นิยมสักเท่าใดนักเมื่อเทียบกับ ปราสาทหินพิมายที่อยู่ในอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ด้วยเหตุใดก็ไม่อาจทราบได้ ตัวปราสาทเองยังคงมีรูปแบบสถาปัตยกรรมไม่ต่างจากปราสาทหินทั่วๆไป เพียงแต่บางส่วน ยังมีร่องรอยการสร้างไม่เสร็จ และถูกทิ้งเอาไว้ให้เป็นปริศนา ว่าเหตุใด ปราสาทนี้จึงถูกทิ้งค้างคาเอาไว้ ต่างจากปราสาทหินหลังอื่นๆ แต่ทว่าปัจจุบันนี้ กรมศิลปากรก็เข้ามาบูรณะซ่อมแซมจนกระทั่งเป็นปราสาทที่เสร็จสมบูรณ์จนได้ ถนนหมายเลข 2 มุ่งหน้าออกจากตัวเมืองนครราชสีมา ตัดเข้าถนนหมายเลข 1049 ก็พาเราลัดเลาะไปยังสถานที่ที่เป็นจุดหมายของเรา บ้านเรือนรอบๆยังคงมีกลิ่นไอของความเป็นชุมชนโบราณดั้งเดิม บ้างเป็นบ้านทรงโบราณของชาวโคราช เรามองเห็นอาชีพเกษตรกรรมของชาวบ้านในละแวกนี้ ที่ปลูกข้าว ทำการเกษตร โดยใช้ลำแม่น้ำคลองบริบูรณ์ ซึ่งจะไหลไปบรรจบกับแม่น้ำมูล ซึ่งถือเป็นแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชุมชนในละแวกนี้ เรื่อยยาวไปถึงยังปราสาทหินพิมาย ซึ่งหากจินตนาการไปยังอดีตแล้ว สองฟากฝั่งในอดีต คงเป็นเส้นทางการเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างปราสาทหินพิมาย และปราสาทหินพนมวัน เรื่อยยาวไปจนถึงตัวเมืองโคราชในอดีตกาล ไม่นานนักเราก็เข้ามาถึงสถานที่ตั้งของปราสาทหินพนมวัน กองหินขนาดใหญ่ ก่อตั้งสูงเรียงรายขึ้นไปเป็นตัวปราสาท หินเก่าๆสีคล้ำ ทำให้เราจินตนาการเห็นสภาพเดิมที่สร้างไม่เสร็จของมันได้ ซึ่งปะปนไปด้วยหินทรายรุ่นใหม่ ที่กรมศิลปากรพยายามซ่อมแซมตัวปราสาทให้สมบูรณ์ออกอย่างชัดเจน เมื่อเดินเข้ามาด้านใน ยังมีโถงที่มีพระพุทธรูปโบราณตั้งอยู่ Creditภาพ : Jirawat Suttipittayasak หากเอ่ยถึงตำนาน ถึงวิถีชีวิตในแถบลุ่มแม่น้ำมูลแห่งนี้แล้วล่ะก็ มีตำนานที่เกี่ยวข้องกับปราสาทหินพนมวัน และปราสาทหินพิมาย ซึ่งเชื่อมโยงกันอย่างไม่น่าเชื่อ กล่าวว่า ในอดีตกาลนั้น ชุมชนแห่งนี้ล้วนเป็นแหล่งชุมชนที่อุดมสมบูรณ์อยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล ครอบครัวชายหญิงหลายเรือนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งกาลครั้งหนึ่ง ผู้ชายมักถืออำนาจบาดใหญ่ ถือตนเป็นช้างเท้าหน้า โดยไม่ฟังความเห็นจากผู้หญิงเท่าใดนัก สังคมจึงเกิดความเหลื่อมล้ำทางเพศ จนกระทั่งฝ่ายประชาชนเหล่าแม่บ้านภายในชุมชน ก็อดรนทนไม่ได้ ต้องลุกขึ้นมาประชุมกันเป็นการด่วน เมื่อประชุมได้ความกันแล้ว จึงประกาศตัวไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของฝ่ายชาย และขอท้าประลอง สร้างปราสาทหิน แข่งกับฝ่ายพ่อบ้าน... ฝ่ายเหล่าพ่อบ้านได้ฟังแล้วก็หัวเราะร่า ตกลงรับคำท้า โดยพนันกันไว้ว่า หากฝ่ายพ่อบ้านแพ้ ตนจะต้องยอมตกอยู่ในอำนาจของเหล่าแม่บ้าน แต่หากฝ่ายแม่เป็นฝ่ายแพ้ แม่บ้านทั้งหลายก็จะต้องยอมเป็นข้าทาสบริวารของเหล่าพ่อบ้านสืบไป ประชุมกันมั่นหมายก็ได้ความว่า จะต้องแยกกันไปสร้างปราสาทหินแข่งกันคนละที่ หากฝ่ายไหนสำเร็จก่อน ก็ให้จุดโคมประทีปลอยขึ้นฟ้าในยามค่ำคืน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าการสร้างปราสาทสำเร็จลง ทั้งสองฝ่ายต่างแยกกันไปสร้างปราสาท โดยฝ่ายแม่บ้าน แยกตัวไปสร้างยังเมืองพิมาย และสร้างปราสาทหินพิมายขึ้น ส่วนฝ่ายพ่อบ้าน สร้างปราสาทหินพนมวัน บริเวณหมู่บ้านพนมวัน การก่อสร้างดำเนินไปอย่างเข้มข้น ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงต่างขยันขันแข็งในการสร้าง ฝ่ายพ่อบ้านก็ก่อปราสาทขึ้นด้วยความชำนาญ และเข้มแข็ง ในแบบของเรี่ยวแรงที่เหนือกว่าของเพศชาย ไม่นานนัก ปราสาทหินของฝ่ายพ่อบ้านก็เริ่มเสร็จไปแล้ว 80% หันไปดูฝ่ายหญิงที่ก่อสร้างปราสาทหินพิมาย เหล่าแม่บ้านต่างวิจิตรบรรจงและละเอียดละออในการสร้าง บวกกับการสร้างปราสาทที่กว้างใหญ่เกินกำลังของฝ่ายหญิง การสร้างจึงไม่รุดหน้าไปมากมายเท่าที่ควรนัก ทั้งสองฝ่ายต่างส่งสายลับไปเฝ้าดูความคืบหน้าของกันและกันอยู่เป็นนิจ จนกระทั่งวันหนึ่ง ฝ่ายพ่อบ้านก็เริ่มก่อยอดของปราสาทหินพนมวันใกล้จะสำเร็จ สายลับของฝ่ายแม่บ้านเห็นดังนั้น ก็รีบพายเรือไปตามแม่น้ำมูลแล้วรีบวิ่งไปบอกผู้นำฝ่ายแม่บ้านว่า ปราสาทของฝ่ายชายกำลังจะเสร็จในไม่ช้าแล้ว หันมามองปราสาทของตน ยังไปไม่ถึงไหน เพราะมัวแต่วิจิตรบรรจง ฝ่ายแม่บ้านจึงประชุมตกลงกันว่า จะต้องใช้แผนอุบายลวง ให้ฝ่ายพ่อบ้านเข้าใจผิดว่าฝ่ายเรา ก่อปราสาทสำเร็จแล้ว โดยสร้างแต่โครงปราสาท แล้วจึงเอาผ้าสีขาวคลุมยอดปราสาทที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ไว้ พร้อมกับจุดโคมประทีปลอยขึ้นฟ้า พร้อมกับจัดงานรื่นเริงฟ้อนรำ เป็นสัญญาณว่า การก่อสร้างปราสาทหินพิมายได้สำเร็จแล้ว Creditภาพ : Jirawat Suttipittayasak ฝ่ายพ่อบ้านเมื่อได้มองเห็นโคมลอยขึ้นฟ้ามาแต่ไกล ก็ตกใจ แล้วจึงรีบส่งสายลับไปดูยังเมืองพิมาย ก็พบยอดปราสาทสีขาวเห็นเด่นแต่ไกล สายลับจึงกลับไปบอกผู้นำฝ่ายพ่อบ้าน ที่กำลังสร้างปราสาทหินพนมวันจะสำเร็จอยู่แล้ว ครั้นพอได้ฟังข่าวจากสายลับ ก็พากันเข่าอ่อนกันไปตามๆกัน ต่างพากันละทิ้งหน้าที่การก่อสร้างปราสาท และหยุดการก่อปราสาท หันไปดื่มสุราสาโทย้อมใจ ให้กับความพ่ายแพ้ เมื่อเหล้าเข้าปาก ก็อาละวาด พังทลายปราสาทที่สร้างเกือบจะสำเร็จบางส่วนแล้วพังทลายลงมาด้วยความน้อยใจ วันรุ่งขึ้น ฝ่ายชายทั้งหมดก็รวมตัวกันเดินทางไปยังเมืองพิมาย เพื่อแจ้งข่าวการยอมแพ้แก่ฝ่ายแม่บ้าน เมื่อมาถึงเมืองพิมาย ต่างก็ประหลาดใจ เพราะความลับถูกเปิดเผย ว่าปราสาทหินพิมายเองก็ยังไม่ได้สำเร็จตามที่ฝ่ายเข้าใจ ฝ่ายแม่บ้านเองก็ยิ้มแห้งๆหน้าเจื่อนๆไปเพราะจำนนในความผิดที่ตนเองออกอุบายไปหลอกฝ่ายพ่อบ้าน แต่ฝ่ายพ่อบ้านแทนที่จะโมโหโกรธา กลับเป็นฝ่ายที่เริ่มเข้าอกเข้าใจฝ่ายแม่บ้าน และให้อภัยแก่เหล่าแม่บ้าน ประกอบกับความรักและความคิดถึงที่มีอย่างยาวนาน นับตั้งแต่แยกกันไปก่อสร้างปราสาท จึงทำให้ฝ่ายพ่อบ้าน ให้อภัยแก่ฝ่ายแม่บ้าน และลงมือช่วยกันก่อสร้างปราสาทหินพิมาย จนเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่ และวิจิตรงดงาม ส่วนปราสาทหินพนมวัน จึงเป็นปราสาทที่ถูกทิ้งเอาไว้ให้ค้างคา มาจนถึงปัจจุบัน ตำนานเรื่องนี้ อาจเป็นเรื่องเล่าที่ทำให้เราต้องย้อนมอง ถึงการให้เกียรติกันและกันในความเท่าเทียมทางเพศ ชาย หญิง ซึ่งต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกันและกัน ต่างฝ่ายก็ต่างมีความสำคัญกันไปคนละอย่าง แต่หากร่วมมือกันแล้ว ย่อมสร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่าได้อย่างมหาศาล และนี่คือตำนาน ที่หลงเหลือไว้ของปราสาทหินพนมวัน ปราสาทหิน ที่สร้างไม่เสร็จ......หากใครมีโอกาสผ่านเข้ามาในเมืองโคราช ก็อย่าลืม แวะมาเที่ยวปราสาทหินพนมวันแห่งนี้ แล้วลองย้อนนึกจินตนาการถึงความรุ่งเรืองของชุมชน ลุ่มแม่น้ำมูลเหล่านี้ การท่องเที่ยวของคุณจะมีอรรถรสขึ้นมากเลยล่ะครับ...