กล่าวถึงเรื่องการทำบุญ ทุกคนที่เป็นศาสนิกชย่อมมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในแต่ละปีประเทศไทยเรามีการทำบุญกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา วันพระ ตลอดจนงานพิธีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทอดพระป่า ทอดกฐิน งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ ก็ล้วนจะต้องมีศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ การได้ทำบุญเป็นการสร้างเสริมความสุขทางจิตใจ ให้ทุกคนได้เข้าถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ในการละเว้นการกระทำชั่ว สร้างแต่คุณงามความดี สะสมบุญไว้มากเมื่อสิ้นลมหายใจไป บุญที่เราสร้างไว้จะไปช่วยส่งเสริมในภพภูมิที่เราจะไปเกิดให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ให้ได้เกิดเป็นมนุษย์ หรือเป็นเทวดานางฟ้า พูดได้ว่าไปเกิดในสิ่งที่ประเสริฐ หากทำแต่ความชั่วไม่ทำบุญทำทาน ชาติต่อไปก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน นี้คือความเชื่อของชาวพุทธที่ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าจะต้องสร้างแต่ความดีละเว้นความชั่ว ไม่ประพฤติผิดในศิล 5 ข้อ ของหลักศาสนิกชนบุคคลทั่วไปที่ไม่ใช้พระภิกษุสงฆ์สามเณร และผู้บวชชีชีพราหมณ์ เข้าเรื่องกันดีกว่า ผมได้มีโอกาสไปที่วัดแห่งหนึ่งในวันหยุดยาวปีใหม่ วัดนี้สวยงานด้านวัตถุอย่างมาก มองไปทางไหนก็จะเห็นแต่องค์พระพุทธรุป สร้างแรงศรัทธาในการทํานุบํารุงศาสนา วัดวีระโชติธรรมาราม ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมือง ฉะเชิงเทรา ประเทศไทย แต่ก่อนวัดแห่งนี้เป็นสำนักสงฆ์ เดิมชื่อ “สำนักสงฆ์ทองธรรมโชติ” เป็นวัดสังกัดมหานิกาย มาตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ อยู่ในที่ดินจำนวนพื้นที่ทั้งหมด ๔๘ ไร่ มีพระครูปลัดกิตติวัฒน์เป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดวีระโชติธรรมาราม ปัจจุบันเปลี่ยนนามเป็น พระภาวนาประชานุกูล (องอาจ อาภากโร) ทำไมจึงชื่อว่า “วีระโชติธรรมารม” ความหมายก็คือ คำว่า “วี” ชื่อของ คุณโยมทวี โชติบรรยง และคำว่า “ระ” มาจากชื่อของ คุณโยมระเบียบ รวมกันเป็นคำว่า “วีระ” ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินถวายให้วัด รวมทั้งเป็นชื่อจริงของพระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) หรือพระมหาวีระ ถาวโร วัดจันทราราม (ท่าซุง) ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ ของท่านพระครูปลัดกิตติวัฒน์ คำว่า “โชติ” หมายความถึง คำนำหน้านามสกุล “โชติบรรยง” เพื่อความเป็นมหามงคลแห่งนาม “วีระโชติธรรมมาราม” เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นไงบ้างครับประวัติไม่ยาวมาเกินไปนะ ได้ขอมูลจากคนในวัดเลยต้องมีการเกริ่นนําเรื่องกันก่อน เริ่มจากศาลแรกกันเลยก่อนไปสถานที่ต่อไป ศาลานี้เป็นศาลาแก้ว เลยประมวลภาพที่ถ่ายมาให้ดูกัน เริ่มจากพระสมเด็จองค์ปฐมที่อยู่ในกรอบแก้วครอบไว้อยู่ประมาณ 4 องค์ สวยงามมาก เนื้อองค์เป็นทองประดับด้วยพลอยและเพชร ส่วนตรงข้ามเป็นรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่ที่มีชื่อเสียงหลายรูป ล้วนแล้วเป็นพระอริยสงฆ์ทั้งสิ้น ช่างที่เป็นคนปั้นหุ่นขี้ผึ้งฝีมือมากปั้นได้เหมือนท่านทุกรูป ด้านหน้าสุดมีพระประทานองค์ใหญ่ มีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของพระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) ส่วนด่านหลังเป็นสรีระสังขาร หลวงพ่อหลุย ธัมมธโร วัดลาดบัวขาว(วัดราชโยธา) แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม. ซึ่งอยู่ในโรงแก้วสูญญากาศ ส่วนด้านหลังของสรีระหลวงพ่อหลุย ไม่ทราบว่าเป็นหลวงพ่อชื่อว่าอะไร แต่คิดว่าน่าจะเป็นรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อ ส่วนด้านปลายเท้าของหลวงพ่อหลุย เป็นรูปภาพของ พระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) หลังจากเดินสำรวจและทำบุญที่ศาลาแก้ว ที่ต่อมาก็คืออุโบสถแก้ว ซึ่งเป็นที่ประดิษฐสถานของพระ 5 พี่น้อง หรือเรียกเป็นทางการว่า “เบญจภาคีวารีปาฏิหาริย์” ซึ่งหมายถึง พระพุทธรูปทั้ง 5 ลอยตามแม่น้ำในเขตภาคกลางทั้ง 5 สาย และมีชาวบ้านต่างนิมนต์ท่านขี้นจากน้ำในแต่ละพื้นที่ที่พบเจอองค์ท่าน ได้แก่ หลวงพ่อโสธร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ จังหวัดสมุทรปราการ หลวงพ่อทอง วัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี หลวงพ่อแหลม วัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม และองค์สุดท้าย หลวงพ่อวัดไร่ขิง วัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม แต่ที่ในอุโบสถไม่ใช่องค์จริงนะครับ เป็นองค์จำลองที่สร้างขึ้นด้วยทองสำริดสวยงามวิจิตรมาก ๆ เมื่อย่างก้าวเข้ามาในอุโบสถก็เห็นถึงความอลังการงานศิลปะที่ประดับไปด้วยกระจกทั้งหมด มองไปไหนก็มีแต่ความสว่างไสว พื้นทำด้วยหินอ่อนเย็นสบายเมื่อได้เข้าไปในอุโบสถแห่งนี้ เจ้าหน้าทีของทางวัดให้คำแนะนำในการสักการะบูชาองค์พระได้ดีมาก และอีกอย่างในอุโบสถแห่งนี้จะไม่มีการจุดธูปเทียนใด ๆ ทั้งสิ้น ใช้วิธีสวดมนต์บูชาองค์พระแทน ออกมาจากอุโบสถแล้วก็แวะเดินชมองค์พระยืนใหญ่มาก ๆ ตั้งตระหง่านสูงเด่น เลยกดชัตเตอร์มาให้ดูอีก 1 รูป เป็นไงสูงจริง ๆ ด้วย เสร็จสับจากการถ่ายรูปองค์พระยืนก็ได้มาปิดทองฝังลูกนิมิตรด้านล่างต่อมาก็เดินชมรูปปั้นองค์ใหญ่แต่สร้างยังไม่เสร็จ เป็นรูปปั้นของ พระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) องค์ใหญ่ที่สุดในโลกหรือเปล่า ก็เลยไม่ได้ถามกับทางมัคทายกด้านล่างองค์รูปปั้น เดินมาก็ไกลเหมือนกันเลยแวะจุดสุดท้าย กราบไหว้ กราบขอพรพ่อปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าปทุมมา ซึ่งเป็นพญานาคราชที่ทุกคนชาวไทยและประเทศเพื่อนบ้านให้ความเคารพสักการะบูชา ต่อไปก็ไปยังเรือที่ลอยอยู่ในสระน้ำด้านหน้าพ่อปูสรสุทโธ เป็นเรือของพระเจ้าตากสินมหาราช เลยเข้าไปกราบไหว้ท่านซึ่งเป็นที่สุดท้ายก่อนกลับ หลังจากจบทริปเที่ยวเดินชมและทำบุญตามกำลังศรัทธา ณ วัดวีระโชติ ก็รู้สึกเหนื่อยล้าเหมือนกัน สายบุญไม่ควรพลาด การทำบุญครั้งนี้เป็นการทำบุญเพื่อนำมาสร้างศาสนาสถานอุโบสถแก้วกลางน้ำ รูปปั้นองค์ใหญ่ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ และยังเป็นที่สงบร่มเย็นน่าที่จะมาปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก CR : รูปถ่ายจากสถานที่จริงของผู้เขียน โดยใช้นามปากกาแฝงในรูปชื่อว่า by..wayha