อินเดียเปิดประเทศแล้ว แต่มาตรการการเข้าออกของอินเดียนั้นจะแปรเปลี่ยนบ่อยนิดหนึ่งต้องค่อยติดตามข่าวสารกันไว้ อย่างที่ผ่านมาในช่วงที่หญิงเถื่อนมาก็คือมีมาตรการการเข้าที่วุ่นวายนิดหน่อย แต่ไม่นานมานี้เขาก็ประกาศยกเลิกไปอีกครั้ง ดังนั้นใครที่คิดจะไปก็ต้องคอยติดตามข่าวสารจากเพจสถานฑูตหรือกลุ่มข่าวอินเดีย หรือถ้าไม่แน่ใจแวะมาถามหญิงเถื่อนที่เพจ แบกกล้องชิลเที่ยวไปเรื่อยก็ได้ ปีนี้หญิงเถื่อนไปอินเดียทั้งปีค่ะ มาถามได้ตลอด แต่ในบทความนี้หญิงเถื่อนจะบอกถึงขั้นตอนการเข้า ณ ตอนที่คงมาตรการไว้ และหลังจากยกเลิกแล้ว รวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่ควรรู้ เพื่อให้มือใหม่หัดเที่ยวอินเดียได้เตรียมตัวเพื่อความสบายใจกันค่ะ 1. เอกสารที่ต้องใช้1.1 Visa หรือ e-Visa ดูการของ e-Visa คลิกเลย 1.2 หากไปใน "ช่วงบังคับใช้มาตรการป้องกันโควิด" สิ่งที่ต้องทำคือตรวจโควิดก่อนไป ภายใน 72 ชม. ซึ่งหากอยากได้ที่ตรวจราคาถูกเราแนะนำเป็น ACC Medical Lab ตั้งอยู่ที่สนามบินดอนเมือง ราคาตรวจปกติ 1200 บาท แต่แล็ปมักจะมีโปรลดเหลือ 700-800 บาทบ่อยๆ ไปติดตามที่เพจของแล็บได้ค่ะลงทะเบียน Air Suvidha ก่อนบิน อัปโหลดผลโควิด และปริ้นใบลงทะเบียนออกมาด้วยนะคะ 1.3 หากไปใน "ช่วงประกาศยกเลิกมาตรการ" ก็ไม่ต้องตรวจโควิดรวมถึงลงทะเบียน Air Suvidha ถือวีซ่าและพาสปอร์ตไปได้เลย แต่ทั้งนี้กรณีที่ไม่บังคับตรวจโควิดนั้น ที่สนามบินอาจจะมีการสุ่มตรวจผู้โดยสารจากประเทศที่กำหนด ซึ่งมีประเทศไทยอยู่ด้วย สุ่มตรวจในสัดส่วน 2% ของผู้โดยสารของเที่ยวบินนั้นๆ ก็อาจจะโดนสุ่มหรือไม่ ส่วนนี้ต้องไปลุ้นหน้างานวันบินจริง 1.4 พาสปอร์ต ที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน *หมายเหตุ หลัง 15 กุมภาพันธ์ 2023 เป็นต้นไป ทางอินเดียได้ยกเลิกมาตรการป้องกันโควิดที่สนามบินแล้ว หากใครจะไปช่วงนี้ เตรียมแค่พาสปอร์ตและวีซ่าหรืออีวีซ่าได้เลย 2. การเลือกใช้ริชชอว์ หรือตุ๊กๆ แนะนำให้เรียกตุ๊กๆ ที่ไม่ได้อยู่ในที่สถานที่ท่องเที่ยว ถ้าออกมาจากสถานีรถไฟ แนะนำให้เดินออกมาจากสถานีรถไฟ มาข้างนอกบริเวณถนน เรียกตุ๊กๆ ที่วิ่งไปมาบนถนนจะถูกกว่าที่จอดรอ จากประสบการณ์หากออกมาจากสถานีรถไฟหรือสถานที่ท่องเที่ยวแล้วโบกมือรับเลยส่วนใหญ่จะชาร์จอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 300 รูปี แปลงเป็นไทยร้อยกว่าๆ อาจดูไม่เยอะแต่เมื่อเทียบกับระยะทางบางที่มันไม่คุ้มจริงๆ หรือศึกษาก่อนว่าเมืองนั้นมีเมโทรไหม เมืองที่มีเมโทร เช่น กรุงนิวเดลี ( มีทั่วเมือง ) หรือจัยปูร์ ( ชัยปุระ ) ที่จัยปูร์นั้นจะมีผ่านจุดท่องเที่ยวเลย จากสถานีรถไฟจัยปูร์ไปยังฮวามาฮาล สะดวกมากๆ หรือที่กัลกาตา หรือบังกาลอร์เป็นต้น 3. การจองรถไฟ หากใครใคร่อยากจะเดินทางด้วยรถไฟแล้วอยากทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่อยากไปหาเอเจนซี่จองนั้นสามารถจองออนไลน์ล่วงหน้าได้ที่เว็ป IRCTC พิมพ์เข้าไปในกูเกิ้ลว่า IRCTC ได้เลย แต่แนะนำให้จองล่วงหน้าเพราะรถไฟอินเดียจะคลาสดีๆ หรือคลาสท้องถิ่นก็เต็มไวมากโดยเฉพาะเมืองยอดฮิต อย่างเช่น จัยปูร์ อุไดปูร์ พาราณสี กัลกาตา มุมไบ เส้นนี้เต็มเร็วมาก และอีกรูทที่เต็มเร็วจนตกใจคือ อากราไปพาราณสี หรือพาราณสีไปกัลกาตา หรือพาราณสีไปมุมไบ หรือจัยปูร์ไปพาราณสี เส้นทางพวกนี้หญิงเถื่อนทำการจองล่วงหน้าหนึ่งเดือนแล้วก็ยังไม่ทันอยู่ดีดูวิธีจองรถไฟผ่านเว็บ IRCTC ด้วยตัวเอง คลิกเลย 4. ภาพลักษณ์นักเดินทางหญิงเดี่ยวที่มาจากไทยหลายคนชอบถามหญิงเถื่อนว่า "ผู้หญิงเที่ยวอินเดียคนเดียว" ทำได้ไหม จริงๆ ก็ทำได้นะคะ ไปได้ เพียงแต่ต้องเตรียมตัวดีๆ และต้องมั่นใจว่าตัวเองเอาตัวรอดได้ในระดับหนึ่ง จะมาตัวอ่อนใจอ่อนยวบยาบตามคำ ตามการยัดขายของอันนี้ไม่ได้ ถ้าใจไม่แข็งบอกเลยว่า "ลำบาก" ค่ะ และอีกเรื่อหนึ่งคือ ภาพลักษณ์โดยรวมของหญิงไทย อันนี้ต้องบอกว่าไม่ใช่ทุกคนจะถูกมองไปในทางลบ และไม่ใช่ทุกคนจะมองคุณผู้หญิงไปในทางลบ เพียงแต่ "อาจจะมี" ทางเราได้คุยกับเพื่อนอินเดียที่เป็นเพื่อนสนิทแล้วได้ทราบว่าปัจจุบันอินเดียมาไทยเยอะด้วยสามสาเหตุ คือหนึ่งมาเที่ยวจริงๆ สองมาเพราะกัญชาบ้านเราถูกกฎหมาย และสามมาเที่ยวบันเทิงใจในยามค่ำคืนทำให้บางคนมองเราไปในทางลบ รอบนี้ทางเราถูกตม. โยนพาสปอร์ต โยนเอกสารทั้งหมดใส่ ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรเพราะเขาไม่คุยด้วย ไม่ถามอะไรเลย เดิมทีเราเห็นช่องเขาว่างเราเลยเข้าไป เราเซย์ฮาย เซย์ฮัลโลอยู่นานเลยกว่าเขาจะเงยหน้ามามองเรา และพอเขาเห็นพาสปอร์ตเขาก็เหลือบตามามองหน้าเรา ไม่มองตรงๆ นะ แบบช้อนตาขึ้นมามอง และค่อยๆ ดึงเอกสารที่เราวางไว้ไปดู บอกให้สแกนนิ้วมือ พอทุกอย่างเสร็จก็โยนทั้งหมดกลับมาให้ ขอย้ำว่า "โยน" ให้ แอบตกใจเหมือนกัน จะว่าไปดึกง่วงนอนเลยไม่พอใจเราก็ไม่ใช่เพราะเราถึงห้าโมงเย็น แต่อย่างไรก็ตาม เขาคือตม. เราไม่อยากมีปัญหาด้วย เขาประทับตามาแล้วก็คือจบ เราเลยคว้าเอกสารทั้งหมดที่เขาโยนให้แล้วไปแต่โดยดี แต่บอกตรงๆ ว่าเราไปอินเดียบ่อยมากนะ แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตม. โยนเอกสารใส่เรา งงเหมือนกัน 5. อินเดียไม่ค่อยมีน้ำแข็งที่นี่ไม่กินน้ำแข็ง ต่อให้เป็นหน้าร้อนก็ไม่ค่อยมีเมนูเย็นแบบมีน้ำแข็ง ในร้านอาหารใหญ่ๆ หรือร้านอาหารนานาชาติอาจจะมีแต่ร้านเล็กๆ หรือร้านอาหารในที่พักจะไม่ค่อยมี โดยเฉพาะกาแฟเย็น หากเราไปสั่ง คาปูชิโน่ เขาจะเขาใจว่าเราสั่งแบบร้อน แต่ถ้าเราย้ำว่าคาปูชิโน่เย็นเขาจะถามเราอีกรอบด้วยความไม่คุ้นชิ้น ส่วนตัวเวลาสั่งคาปูชิโน่เย็นนั้น เขาจะถามว่าเย็นแบบใส่ไอติมหรือป่าว คือประมาณพวกกาแฟปั่น สมูทตี้มาพร้อมไอติมหรือมิลล์เช็กแบบนี้ ซึ่งเราบอกวิทเอาน์ไอศกรีม เขาทำหน้างงใส่ ต้องอธิบายต่อว่าก็คือกาแฟร้อนที่ทำให้เย็น และเป็นคาปูชิโน่เย็น ได้มาแบบรูปร่างเหมือนกาแฟร้อนที่มีน้ำแข็งอยู่แค่ห้าถึงหกก้อน พร้อมเนื้อกาแฟครีมๆ ที่เหมือนเอาไปปั่นกับอะไรสักอย่างมา เหมือนดื่มมิลล์เช็กบวกกาแฟร้อนบวกไอติม งงนิดหน่อยแต่ก็อร่อยดี 6. ถ้าท้องไส้ไม่ดีแนะนำให้เลี่ยงสตรีทฟู๊ดและอาหารบนรถไฟทางเราเที่ยวคนเดียวจะไม่เข้าสตรีทฟู๊ดอยู่แล้วไม่ได้กลัวอาหารนะ กลัวคน เพราะสตรีทส่วนใหญ่จะมีผู้ชายยืนออกันเต็มร้านไปหมด ไม่กล้าเข้า แต่ส่วนตัวกินได้นะเคยกินแล้วไม่เป็นอะไร ที่เป็นคืออาหารบนรถไฟจริงๆ มีคนเคยเตือนแล้วว่าอย่าซื้ออาหารที่เดินขายบนรถไฟต่อให้มันหอมขนาดไหนก็อย่าไปซื้อ แต่มันหอมจริงๆโดยเฉพาะพวกแป้งทอด ซาโมซ่างี้ แต่สภาพการขายก็คือใส่กล่องฟอย์ดมา แล้วพอหมดก็มาแกะแพ็กจากลัง ลังกระดาษที่ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ จับของกินมาเรียงลงในกล่องฟอยด์ เห็นวางอยู่บนฟอยด์สวยก็ซื้อไง แต่เขาใช้มือจับใส่กล่องจับใส่ถุงใส่ถาดให้เรานะ แล้วเราก็ไม่เห็นขั้นตอนการทำด้วยไง วันนั้นก็เข้าส้วมไปค่ะ มันเป็นการถ่ายท้องที่เรารู้ว่ามันไม่ใช่ถ่ายท้องธรรมดาและปวดบิดๆ หน่อยๆ เราเลยรีบกินยาผงถ่านที่พกมาเข้าไป เช้ามาก็เลยดีขึ้น เรื่องอย่าซื้ออาหารที่เดินขายบนรถไฟนี้ทั้งเพื่อนอินเดียทั้งคนรู้ใจพูดเหมือนกันว่า "อย่าซื้อ อย่าลอง" ถ้าหิวให้ซื้อขนมถุง หรือของร้อนเช่นกาแฟร้อนหรือชาร้อน ซึ่งเราแนะนำให้เลือกซื้อจากพนักงาน IRTCT นะ ส่วนใหญ่พนักงานเขาจะใส่เสื้อชัดเจน แต่พวกคนหาบมาจากข้างล่างเราไม่แนะนำ คือที่เราเห็นคือส่วนใหญ่มาในกระติดพาสติกเดิมๆ พาสติกที่ใส่ของร้อนมามันจะไม่ละลายหรอ? ก็บอกไว้ให้พิจารณากันต่อเอง หากใครอยากลอง ชอบลองแบบเราแนะนำพกยาผงถ่านไปด้วย 7. ปิดดีลให้ได้ อย่าทำหน้าสงสารหรือเกรงใจคนไทยคือขนมหวานของอินเดีย ลักษณะการขายของเขาเหมือนกันหมด เพราะเขารู้ว่าคนไทยขี้เกรงใจ ยิ่งหากเขาพูดว่า เราไม่ใช่ลูกค้าแต่เป็นเพื่อนเป็นครอบครัว เราจะซึ้งและไหลตามเขาจนรู้สึกไม่กล้าปฏิเสธ ดังนั้นบางคนเขาไม่ได้เห็นคุณเป็นครอบครัวจริงๆ หรอก เขาเห็นคุณเป็นขนมหวานที่เขากินได้แน่ๆ ดังนั้นหากรู้สึกว่า ไม่ได้อยากได้สิ่งนั้นหรือบริการนั้นจริงๆ ปฏิเสธให้ขาดให้ได้ แนะนำว่าบอก "ไม่" แล้วไม่ต้องบอกอะไรต่อ จากประสบการณ์ถ้าบอกไม่เพราะกังวลเรื่องเงินเขาจะพยายามโน้มนาวใจเราให้เรารู้ว่าราคานี่ถูกและคุ้มค่าแล้ว และถ้าเป็นทัวร์ เราบอกเราไม่สนใจเพราะกังวลว่าปลอดภัยหรือป่าวเขาก็จะพยายามโชว์รูปลูกค้ามากมายให้คุณดู และถ้าคุณบอกว่ามีเวลาจำกัดเขาก็จะตะล่อมคุณด้วยการเสนอแพ็กเก็จอื่นๆ ที่อาจจะใช้เวลาทัวร์เร็วขึ้น เขารู้วิธีดักคุณ ดังนั้นถ้าคิดดีแล้วว่า "ฉันไม่เอา หรือไม่อยากได้สิ่งนี้" บอกโนคำเดียว หรือไม่ก็บอกว่า "ไม่ ฉันไม่สนใจ" ไม่ต้องให้เหตุผลใดๆ เพราะการให้เหตุผลเป็นการมอบช่องทางให้เขาสามารถยกเหตุผลอื่นๆ มาดักคอเรา 8. อย่าให้เงินขอทาน ถ้าจะให้มองซ้ายมองขวาก่อนข้อนี้คิดว่าทุกคนรู้อยู่แล้วทุกบทความบอกเกือบหมด แต่ส่วนตัวเราให้นะ ถ้ามองแล้วว่าไม่มีขอทานคนอื่นก็คือให้ได้ ข้อนี้คนอินเดียด้วยกันเองบางคนเขาก็ให้นะ แต่ที่เราจะไม่ให้คือพวกที่เข้ามาถึงตัวแบบน่ากลัว บอกไม่มีก็ยังตาม บางคนจับแขนเราไว้เลย ซึ่งถ้าเจอแบบนี้ให้เซย์โนดังๆ เพื่อให้คนอินเดียคนอื่นเห็น บางคนอาจเดินเข้ามาช่วยคุณ ล่าสุดที่เรามาอินเดียนั้นมีคุณป้าคนหนึ่งจับแขนเราไว้ที่สถานีรถไฟ เราเซย์โนแล้วสบตาคนแถวนั้น ได้วัยรุ่นชายกับคนขับตุ๊กๆ แถวนั้นเดินมาดันตัวคุณป้าคนนั้นออกจากเรา ถ้ามาแบบนี้เราจะไม่ให้รู้สึกว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่าสงสารและไม่น่ารักแต่อย่างใด แต่ถ้าแบบสุภาพมาขอดีๆ ไม่มาดึงรั้งแขน แล้วไม่มีขอทานคนอื่นแบบนี้เราให้ 9. บางพื้นที่เงียบ และไม่มีไฟ ข้อนี้เราขอเน้นย้ำคนเดินทางคนเดียว เพราะบางที่บางมุมเมืองอาจไม่ควรเดินเตร่ในยามโพล้เพล้เลย และข้อนี้จะไปพ่วงกับการเลือกที่พัก เราจองที่พักที่หนึ่งไปแต่ลืมเช็กรอบๆ ที่พัก ปรากฏว่าที่พักห่างจากจุดท่องเที่ยวมาก และเป็นตรอกซอกซอย ไม่มีไฟ ด้วยความเดินทางคนเดียวทำให้เราต้องรีบออกแล้วรีบกลับที่พัก มันไม่ดีที่จะเดินดุ่มๆ ในตรอกซอกซอยที่ไฟไม่เพียงพอ ดังนั้นจะไปตรงไหน พักตรงไหนอย่าลืมสำรวจบริเวณรอบๆ สถานที่นั่นและวางแผนเวลาด้วย และถ้าเลี่ยงไม่ได้ต้องพักตรงที่ไม่มีไฟ เงียบเกินไป หรือไฟน้อยจนดูวังเวงแนะนำให้วางแผนเที่ยวให้เสร็จในช่วงกลางวันที่ยังมีแสงสว่าง 10. แลกแบงก์ย่อยไปเยอะๆข้อนี้เราว่าเป็นอะไรที่ง่ายในปัจจุบันนะ เมื่อก่อนเวลไปแลกเงินส่วนใหญ่จะเป็นแบงก์สองพัน แต่ปัจจุบันมีโอกาสได้แบงก์ห้าร้อยเยอะมาก แต่ก็ยังไม่วายไม่รอดจากการบอกว่าไม่มีเงินทอน ไม่ทอนนะ และทริปอินเดียล่าสุด 2023 นั้น เราถูกเจ้าหน้าที่ขายตั๋วรถไฟใต้ดินในเดลีโยนเงินทอนใส่ค่ะ เนื่องจากเขาบอกว่าเขาไม่มีเงินทอน และทำท่าจะไม่ทอน เราก็ยังยืนรอเงินทอน ทีนี้พอเราไม่ไปเขาก็บอกว่าให้เปลี่ยนเป็นแบงก์อื่น เราก็บอกเราไม่มี เขาก็บอกเขาก็ไม่มี คือมันจะไม่มีได้ไงคนใช้บริการเมโทรเดลีเยอะมากนะ เราก็ยืนยันว่าเราไม่มีแบงก์อื่นให้เขาทอนมา เขาก็หงุดหงิดและโยนเงินทอนใส่เราจ้าาา ประเด็นคือทอนครบด้วยนะก็คือมีเงินทอนและแต่จะไม่ทอนแล้วพอต้องทอนเพราะเราไม่ยอมคงหงุดหงิดเลยโยนใส่ ประสบการณ์ของเราที่เจอคนไม่ชอบทอนเงินส่วนใหญ่เจอที่เดลี เมืองอื่นๆ ส่วนตัวว่าผู้คนไนท์ดีค่ะ โดยเฉพาะจอร์ดปูร์ เมืองสีฟ้าราชาสถาน ส่วนจัยปูร์และไจไชแมร์นี่แอบดูหิวนักท่องเที่ยวเกินไปนิด 11. ก่อนยกกล้องถ่ายรูปตามตรอกซอกซอย เช็กองค์ประกอบด้วยตาเปล่าก่อนสักนิด คือว่าบางตรอกซอกซอยอาจเป็นโถ่ปัสสาวะสาธารณะของคุณผู้ชายเขาน่ะค่ะ เรามาพักที่ไจไชแมร์ เมืองแห่งทะเลทรายแห่งราชาสถาน วิวห้องพักดีมาก คือมองเห็นเมืองเห็นป้อม เห็นตรอกซอกซอย ขณะชมวิวอยู่นั้นก็มีพี่อินเดียมาปลดกระดุมกางเกงเฉยเลย และที่พาราณสีขณะเราถ่ายรูปแนวสตรีทอยู่นั้นด้วยความมองวิวผ่านเลนส์ โฟกัสแค่กลางภาพเลยไม่เห็นว่าริมขวาสุดของภาพมีคนยืนปัสสาวะอยู่ข้างกำแพง ถ้าไม่เช็กให้ดีเราอาจจะถูกว่าถ่ายภาพอนาจารอยู่ก็ได้นะคะ ก็ประเมินด้วยสายตากันก่อนสักนิดหนึ่งแล้วกันเนอะ 12. การบินโดรนจริงๆ แล้วการบินโครนที่อินเดียนั้นไม่ใช่นึกจะบินก็บินได้นะคะ มันจำเป็นต้องขออนุญาตโดยเฉพาะพวกในป้อมปราการต่างๆ ส่วนมากเขาจะไม่ให้บินนะ แต่ต้องบอกว่าบางป้อมปราการมันไม่ได้ตรวจแบบละเอียด จะมีบางป้อมที่ตรวจแบบเคร่งครัดมากๆ อย่างเช่นป้อมเมห์รานการ์ จอร์ดปูร์ เขาถามเราซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าไม่มีโดรนชัวร์ๆ ใช่ไหม ไม่ใช่ว่าจ่ายเงินเพิ่มแล้วจะเอาเข้าไปได้นะ ยังไงก็ต้องเอาโดรนออกจากกระเป๋าฝากไว้ที่จุดรับฝากเท่านั้น แต่มันก็มีนักท่องเที่ยวบางคนที่สามารถแอบเอาโดรนเข้าไปบิน สกิลการแอบเอาเข้าเก่งจนเรายังงงเลย แต่เราไม่สนับสนุนให้ทำอะไรแบบนี้นะ อยากให้เคารพกฎ กติกามากกว่า เพราะฉะนั้นใครจะบินโดรนแนะนำให้สอบถามและขออนุญาตให้เรียบร้อยก่อน อย่าให้เขาต้องมาติดป้ายเตือนเป็นภาษาไทยแบบที่ญี่ปุ่นเขาทำมันจะพานักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมดีๆ ลำบากไปด้วยค่ะ 13. ระวังมุกโฉบลูกค้าของคนอินเดีย "บริษัทนี่เฟคบริษัทของฉันคือจริงแท้ ดีที่สุด"ขอเน้นย้ำอีกรอบว่าอย่าคล้อยตามคนอินเดียง่ายๆ นะคะ โดยเฉพาะบริษัททัวร์และพ่อค้าแม่ค้า บางเมืองในอินเดียผู้ประกอบการพร้อมโฉบลูกค้าของคนอื่นมากๆ นี่ยังไม่นับเรื่องที่พักบางทีจงใจใช้ชื่อที่พักตามชื่อพักที่มีชื่อเสียงอีกนะ หากคุณคุยมาแล้วว่าบริษัทเขามีตัวตนจริงๆ เช็กมาแล้วว่าชัวร์ก็ขอให้หนักแน่นเข้าไว้ หรือถ้าเป็นไปได้ก็ดีลกับบริษัทไปเลยว่าให้มารับคุณแทนการให้คุณนั่งรถไปบริษัทเขา เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องไปเจอมุกดึงลูกค้าจากคนขับรถตุ๊กๆ ที่เขาอาจจะดีลช่วยหาลูกค้าให้บริษัทอื่น บอกเลยว่าการพูดคุยของพวกเขาไม่ธรรมดาจริงๆ เราหนักแน่นมากนะยังแอบคล้อยตามอยู่บ่อยๆ เลย 14. ที่นี่วัวดุกว่าหมาอันนี้ไม่ใช่มุกแซวขำๆ นะ อันนี้เรื่องจริง เจอเองกับตัว อย่าได้คิดว่ามันน่ารักแล้วเข้าไปลูบหัว ถ่ายรูปสุ่มสี่สุ่มห้าจะโดนขวิดเอานะ ทางเรายืนเฉยๆ แท้ๆ ขอย้ำว่ายืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ไปยุ่งวุ่นวาย หรือแตะต้องตัววัวเลย คือยืนมอง gps อยู่ริมทางเดินเพื่อหาตู้ ATMs รู้สึกตัวอีกทีก็มีบางอย่างกระแทกเข้าที่ช่วงด้านข้างของเอวต่ำไปที่สะโพกแล้ว แล้วพอน้องขวิดแล้วเขาของน้องวัวก็มาเกี่ยวกับกระเป๋าทำท่าจะลากกระเป๋าฉันไปด้วยอีก ต้องรั้งกระเป๋าออกอย่างไวเลย แต่โชคยังดีที่เขาของวัวไม่ได้แหลมมากเลยได้มาแค่รอยฟกช้ำแค่นั้น แต่ในขณะที่เดินเบียดน้องหมาที่หลับๆ อยู่ริมถนนน้องยังแค่ลืมตามามองหน้าเราไม่มางับเรา ก็นะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในอินเดีย ยืนอยู่เฉยๆ วัวยังขวิดได้เลย ฮือออ บอกเลยว่ามารอบนี้แอบกลัววัวไปเลย 15. การกดเงินในอินเดียสำหรับมือใหม่หัดเที่ยวอาจยังไม่รู้ถึงข้อนี้ แต่เชื่อว่าคนชอบเที่ยวจะต้องรู้อยู่แล้วว่าเราสามารถกดเงินในต่างประเทศได้ ไม่ใช่แค่ที่อินเดีย ประเทศอื่นๆ ก็ทำได้ ไม่จำเป็นต้องแลกเงินสดมาเป็นก้อนๆ ให้ดูแลลำบาก เพียงแค่คุณมีบัตรเอทีเอ็มประเภทวีซ่าไว้ก็สามารถกดเงินได้แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมการกดเยอะๆ นั้นแนะนำให้ทำบัตรประเภททราเวลการ์ด เพราะบัตรพวกนี้ทำมาเพื่อจุดประสงค์การใช้งานในต่างประเทศดังนั้นค่าธรรมเนียมการใช้จึงไม่มีการคิดในเรทที่สูง และบางบัตรก็ไม่มีค่าธรรมเนียมเลยอย่างเช่น บัตรกรุงไทยทราเวลาการ์ดที่สามารถรูดใช้ได้แบบไม่มีชาร์จ บอกเลยว่าใช้จ่ายเพลินมากจริงๆ สามารถดูรีวิวบัตรที่ผูเขียนใช้เองจริงที่อินเดียแล้วชอบมากๆ ต่อได้ที่ รีวิวบัตร Travel Card 2556 ที่นักเดินทางควรมี พร้อมบอกวิธีใช้ในต่างประเทศ 16. สายมู ช่างใจก่อนซื้อของ "หากคุณซื้อสิ่งนี้คุณจะโชคดี" เป็นคำที่ได้ยินบ่อยอยู่เหมือนกันในอินเดีย โดยเฉพาะแถวๆ วัดหรือป้อมเก่า ว่ากันตามตรงผู้เขียนก็ไม่ใช่สายมูนะ แต่พอได้ยินแบบนั้นก็ยังเกือบจะคล้อยตามทุกครั้ง เพราะบางอย่างมันมาพร้อมหน้าตาที่ดูขลังอะ แต่จริงๆ มันอาจจะไม่ใช่อะไรที่เกี่ยวกับเครื่องรางเลยก็เป็นไปได้นะ แชร์ตามประสบการณ์ด้วยความที่เราไปโฉบเที่ยวไจไชแมร์คนเดียวมา ก็ไปเจอข้อมือเส้นหนึ่งก็สวยถูกใจแต่ตอนแรกก็ลังเลว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อแต่แม่ค้าบอกว่าถ้าซื้อแล้วจะโชคดี มันจำนำโชคมาให้คุณ ซึ่งเราในตอนนั้นเพิ่งโดนวัวขวิดมาก็เลยซื้อเลย แล้วพอกลับมาเมืองที่อยู่ แล้วเราให้คนสนิทฟังเขาก็บอก "คุณบ้าหรือเปล่า" นี่มันข้อมือแฮนด์เมดธรรมดาๆ นะ ฮ่าๆ เพราะฉะนั้นสายมูทั้งหลายช่างใจดีๆ ก่อนจะควักเงินจ่ายออกไปนะคะ แต่ถ้าคิดว่าซื้อเพื่อความสุขทางใจก็เต็มที่เลยไม่ว่ากันค่ะ 17. การเข้าพักในโรงแรมของคนมีหวานใจเป็นคนอินเดียใครโสด หรือไม่มีแฟนอินเดียข้ามข้อนี้ได้เลยค่ะ แต่ถ้ามีและกำลังจะไปเดทแรก หรือทริปแรกที่เที่ยวด้วยกัน เลือกที่พักที่ระบุว่าอนุญาตให้คู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงานด้วย ให้สังเกตว่าที่พักเขาเป็น For Unmarried couple หรือ For Uncouple หรือ For Couple friendly หรือ For Local ID ไหม จากประสบการณ์ย้อนไปเมื่อหลายปีที่แล้วที่เริ่มเที่ยวด้วยกันครั้งแรกบอกเลยว่าเปลี่ยนที่พักสะบัดเลยเพราะไม่ทราบถึงข้อนี้มาก่อนแล้วเขาไม่ให้เข้าพัก ปัจจุบันเราก็จะถามที่พักก่อนว่าอนุญาตเราซึ่งเป็นชาวต่างชาติและแฟนที่เป็นคนอินเดียไหมตลอดเพราะเหนื่อยจะเปลี่ยนที่พักมากจริงๆ สาเหตุที่เขาเคร่งเพราะที่อินเดียเขามีกฎหมายแนวๆ ว่าหากพบเจอการซื้อขายบริการในโรงแรม โรงแรมก็จะมีความผิดด้วย ดังนั้นพอชายหรือหญิงในอินเดียจะมาพักโรงแรมแทนบ้านเขาเลยกังวลถึงข้อนี้นั่นเอง 18. การซื้อตั๋วเมโทร ( รถไฟฟ้า ) ในต่างเมืองหมายถึงเมืองที่ไม่ใช่เมืองหลวงอย่างเดลี มีข้อสังเกตที่เราพบเจอคือเขาไม่รับแบงก์ขาดๆ หรือเก่ามากๆ คนอินเดียบางคนถูกโยนแบงก์เก่าๆ กลับมาบอกให้ไปเปลี่ยนถ้าไม่มีก็ไม่ต้องมาซื้อ รวมไปถึงการใช้แบงก์ใหญ่ๆ จ่ายค่าตั๋วเราอาจจะอยากแตกแบงก์เลยเอาแบงก์ห้าร้อยไปซื้อตั๋วราคาสิบยี่สิบรูปีหวังให้เขาทอน เขาจะไม่ทอนและไม่รับเงินเอานะคะตอนแรกเราก็คิดว่าเขาคงไม่ทำแบบนั้นกับชาวต่างชาติหรอกมั้ง... แต่ก็โดนเหมือนกันค่ะก็คือถ้าไม่มีเงินพอดีแกก็ไม่ต้องซื้อ ใช่ค่ะเขาบอกเราว่าตั๋วมันแค่ 12 รูปีเองนะมาดาม ไปหาแลกเงินมาหรือจะโอนจ่าย เพราะเขาไม่มีทอนให้หรอก แต่การโอนจ่ายมันต้องคนที่มีแบงก์อินเดียโอนผ่าน PayTM ตอนนั้นเราเลยต้องรื้อกระเป๋าหาเหรียญ โชคดีที่มีเหรียญห้าอยู่ เกือบไม่ได้ขึ้นเมโทรเลย19. การแปรงฟัน ( บนรถไฟ หรือสถานีรถไฟ )ไม่แนะนำให้แปรงฟังในพื้นที่สาธารณะเพราะน้ำมันไม่ค่อยสะอาดค่ะ ถ้าจะแปรงแนะนำให้ซื้อน้ำขวดแล้วใช้น้ำขวดในการแปรง ข้อนี้แม้แต่คนเดียเองก็น้อยคนมาที่จะแปรงฟันจากน้ำก็อกบนรถไฟ หรือที่สถานีรถไฟ ส่วนใหญ่ที่เราเห็นก็คือคนที่แปรงบนรถไฟเขาก็มักจะพกน้ำขวดมาต่างหาก 20. ในสถานีรถไฟจะมีห้องนั่งรอที่แยกหญิงชาย ถ้าใครมีต้องเดินทางด้วยรถไฟ และต้องรอนานไม่ต้องกังวล สามารถไปรอที่สถานีรถไฟได้ เพราะในสถานีจะมีห้องสำหรับนั่งรอ เรียกว่าห้อง Waiting room ซึ่งห้องนี้จะแยกหญิงชายด้วย เราค่อนข้างชอบการเดินทางด้วยรถไฟอินเดียมากกว่าบัสอินเดียมากๆ และหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เราชอบรถไฟก็คือการมีห้องรับรองที่แยกหญิงชายให้นักเดินทางหญิงเดียวสามารถนั่งได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องเจอสายตาของหนุ่มๆ ที่จ้องมาเพราะความไม่เคยชิน ( ไม่ชินที่เห็นผู้หญิงไปไหนมาไหนคนเดียว ) และนี่ก็คือ 20 เรื่องน่ารู้ก่อนไปอินเดีย จริงๆ ก็ยังมีเรื่องหยุมหยิมอื่นๆ อีกนะ แต่บางเรื่องทางเรารู้สึกว่าใช้คอมมอนเซนต์ก็น่าจะรอดกันทุกคนดังนั้นจึงตัดออกไป เหลือแค่ 20 ข้อที่ส่วนตัวเจอคำถามแนวๆ นี้ผ่านการทำเพจจึงคัดมานำเสนอกันเท่านี้ ส่วนใครที่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับรถไฟอินเดีย หญิงเถื่อนขอไปรวบรวมลิสต์ในอินบล็อกเพจมาก่อนนะ และจะมาเขียนเกี่ยวกับรถไฟแบบเต็มๆ กันภายหลัง สุดท้ายนี้ใครชอบบทความนี้ก็สามารถแชร์กันออกไปได้แบบเต็มที่ได้เลยค่ะ หรือถ้าอยากสอบถามอยากปรึกษาก็สามารถทักมาสอบถามได้ที่ twitter ที่ Artinime หรือ Facebook เพจ แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อย ได้เลยค่ะ https://twitter.com/supamas_kpr/status/1598342694824468480?s=61&t=QgQ1jGGV6JCRm2h2cH6lLQ ถ่ายภาพและเรียบเรียงโดย หญิงเถื่อน 🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “ท่องเที่ยว”