เมื่อพูดถึง “เกาะสีชัง” หลายคนอาจนึกถึงภาพเกาะเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ มีน้ำทะเลใสสะอาด และท้องฟ้าสดใส แต่จริง ๆ แล้ว เกาะสีชังมีอะไรที่มากกว่าความงดงามของธรรมชาติ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายมาสัมผัสกับความเรียบง่าย เกาะสีชังตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี ห่างจากชายฝั่งศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร ถือว่าเป็นอำเภอที่เล็กที่สุดในประเทศไทย เพราะมีพื้นที่เพียง 17.3 ตารางกิโลเมตร ถึงแม้พื้นที่จะเล็ก แต่เกาะนี้เต็มไปด้วยสถานที่ที่น่าสนใจมากมายที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ ที่สำคัญ แถมเกาะสีชังก็ยังเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญในอดีต เพราะในสมัยรัชกาลที่ 5 เกาะแห่งนี้ถูกเลือกให้เป็นที่ตั้งของพระจุฑาธุชราชฐาน ซึ่งเป็นพระราชวังฤดูร้อนแห่งเดียวในประเทศไทยที่ตั้งอยู่กลางทะเล ตำแหน่งที่ตั้งของเกาะสีชังทำให้ที่นี่มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นด้วยหน้าผาสูงชัน หาดทรายสีขาวสะอาด และจุดชมวิวที่มองเห็นความงดงามของอ่าวไทยได้แบบเต็ม ๆ นอกจากนี้ เกาะสีชังยังคงความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนเกาะอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย หรือการผสมผสานระหว่างธรรมชาติกับวัฒนธรรมที่ลงตัว ภาพ 1 หาดทรายขาวสะอาดกับน้ำทะเลสีใสบนเกาะสีชัง (ภาพโดยผู้เขียน) เสน่ห์อีกอย่างของเกาะสีชังคือวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่ยังคงเรียบง่ายและอบอุ่น ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพประมงและค้าขายอาหารทะเล ความเป็นกันเองของพวกเขาทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน และที่สำคัญคือเทศกาลและงานบุญต่าง ๆ ที่จัดขึ้นบนเกาะ เช่น งานบุญที่ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ซึ่งเป็นศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์และศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน เป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่จัดขึ้นทุกปี โดยชาวบ้านและนักท่องเที่ยวมาร่วมงานกันอย่างคึกคัก บรรยากาศของงานเต็มไปด้วยความสนุกสนานและความศรัทธา ไม่เพียงแค่เทศกาลแต่วัฒนธรรมด้านอาหารยังเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด อาหารทะเลสดใหม่จากเรือประมง เช่น ปลาหมึกย่าง กุ้งอบเกลือ และปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว ล้วนแต่เป็นเมนูที่ได้รับความนิยม นอกจากนี้ ยังมีอาหารพื้นเมืองอย่าง “ข้าวหลาม” และ “โรตีกรอบ” ที่ต้องลองเมื่อมาเยือนที่เกาะสีชัง การเดินทางไปเกาสีชังนั้นสามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวหรือจะใช้รถโดยสารสาธารณะก็ได้แต่สำหรับชาวพระจอมเกล้าลาดกระบังสามารถเริ่มต้นได้จากสถานีรถไฟพระจอมเกล้า โดยขึ้นรถไฟสายตะวันออกและลงที่สถานีเขาพระบาท จากนั้นต่อรถสองแถวหรือรถรับจ้างมายังท่าเรือเกาะลอยที่ศรีราชา ซึ่งเป็นจุดขึ้นเรือข้ามฟากไปยังเกาะสีชัง รถไฟสายนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเดินทางที่สะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังทำให้นักเดินทางได้ชมวิวชนบทระหว่างเส้นทางอีกด้วย เมื่อมาถึงท่าเรือเกาะลอย นักท่องเที่ยวก็สามารถเลือกใช้บริการเรือข้ามฟากที่ให้บริการตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40-50 นาที ก็ถึงเกาสีชังแล้ว จากนั้นก็เช่าจักรยานยนต์ หรือจะเหมา 2 แถว สำหรับการสำรวจสถานที่ต่าง ๆ การเดินทางในรูปแบบนี้นอกจากจะได้สัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นแล้ว ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางแบบสบาย ๆ และใกล้ชิดธรรมชาติในทุกช่วงของการเดินทาง ภาพ 2 การเดินทางมาเกาะสีชังโดยการโดยสารรถไฟ (ภาพโดยผู้เขียน) เริ่มต้นกันที่ พระจุฑาธุชราชฐาน พระราชวังกลางทะเลแห่งเดียวในประเทศไทย สถานที่แห่งนี้สะท้อนถึงความงดงามของสถาปัตยกรรมไทยที่ผสมผสานกับความเป็นตะวันตกอย่างลงตัว ภายในบริเวณพระราชฐาน มีสวนไม้ที่ร่มรื่นรายล้อมด้วยดอกไม้หลากสีสัน และภายในยังมีสระน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันให้มีความลงตัวกับพื้นที่โดยรอบ บรรยากาศที่เงียบสงบทำให้สถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการพักผ่อน เดินเล่น และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปพร้อมกัน จากนั้นเดินทางไปยัง ช่องเขาขาด หนึ่งในจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาะสีชัง ช่องเขาขาดเป็นสัญลักษณ์แห่งธรรมชาติที่งดงามและไม่ธรรมดา ด้วยโครงสร้างของเขาที่แยกตัวออกจากกันจนเกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่แถมเส้นทางเดินไปยังเขาช่องขาดนั้นก็ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และหินผาให้ชมระหว่างทาง ที่นี่เป็นจุดที่คนส่วนใหญ่ มักมารอชมพระอาทิตย์ตก เพราะในยามเย็น แสงสีทองของดวงอาทิตย์จะสะท้อนกับผืนน้ำทะเล และเสียงคลื่นทะเลที่กระทบเข้าชายฝั่ง ลมทะเลที่พัดผ่านช่องเขาเพิ่มความรู้สึกเย็นสบาย แถมยังสามารถมองเห็นเรือประมงหรือเรือขนส่งสินค้าลอยลำอยู่ไกล ๆ เป็นฉากหลังที่ช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ของภาพถ่ายได้อย่างสวยงาม ภาพ 3 ชมดวงอาทิตย์ตกที่เขาช่องขาด (ภาพโดยผู้เขียน) สำหรับผู้ที่ต้องการความสงบและความเป็นส่วนตัวขอแนะนำ หาดถ้ำพัง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาด หาดเล็ก ๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาเย็นสบายทั้งวัน น้ำทะเลใสสะอาดสามารถมอเห็นพื้นทรายได้อย่างชัดเจน และแนวชายหาดที่รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ทำให้หาดถ้ำพังเหมาะสำหรับการพักผ่อน สามารถนั่งเล่นใต้ร่มเงาไม้ อ่านหนังสือ ฟังเสียงคลื่น หรือแม้กระทั่งลงเล่นน้ำเพื่อคลายร้อนภาพ 4 หาดถ้ำพัง (ภาพโดยผู้เขียน) ต่อด้วยการเยือน ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่เป็นจุดรวมความเชื่อและความศรัทธาของชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ผู้ที่มาเยือนมักเดินทางขึ้นไปขอพร และใช้เวลาในการชมวิวทิวทัศน์รอบเกาะจากมุมสูงที่สวยงาม นอกจากนี้ยังสามารถสัมผัสถึงบรรยากาศที่เงียบสงบและพลังของสถานที่แห่งนี้ สุดท้าย อย่าลืมแวะที่ สะพานอัษฎางค์ แลนด์มาร์กสำคัญที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาเยือน สะพานไม้สีขาวที่ทอดยาวออกไปในทะเลแห่งนี้ไม่เพียงแต่โดดเด่นในด้านความสวยงาม แต่ยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ เพราะสะพานนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของพระจุฑาธุชราชฐาน พระราชวังฤดูร้อนของพระองค์ ซึ่งสะพานนี้ให้ความรู้สึกโรแมนติก สงบ และเมื่อเดินบนสะพาน นักท่องเที่ยวจะสัมผัสได้ถึงเสียงลมทะเลและกลิ่นไอเค็มของน้ำทะเลที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย แถมยังสามารถตั้งกล้องถ่ายวิดีโอ ไทม์แล็ป พระอาทิตย์ขึ้นได้อีกด้วย ภาพ 5 การชมดวงอาทิตย์ขึ้นที่สะพานอัษฎางค์ (ภาพโดยผู้เขียน) เกาะสีชังมีกิจกรรมหลากหลายที่ตอบโจทย์กับคนทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการขี่มอเตอร์ไซค์สำรวจเกาะ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการชมธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ หรือกิจกรรมทางทะเล เช่น ดำน้ำตื้นชมปะการัง แม้จะไม่หลากหลายเหมือนที่อื่น แต่ยังคงความสวยงามของโลกใต้ทะเล อีกกิจกรรมที่ได้รับความนิยมคือการตกปลา แล้วมาทำกินสังสรรค์กับเพื่อนได้อย่างสนุกสนาน นักท่องเที่ยวหลายคนที่มาเยือนเกาะสีชังมักชื่นชมในความเงียบสงบและธรรมชาติที่ยังคงบริสุทธิ์และนักท่องเที่ยวไทยมักเลือกเกาะสีชังเป็นสถานที่พักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ขณะที่ชาวต่างชาติชื่นชอบวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวบ้าน และรีวิวจากบล็อกเกอร์และอินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลมีเดียทำให้เกาะนี้กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะภาพสะพานอัษฎางค์และช่องเขาขาดที่มักปรากฏใน Instagram หรือช่องทาง TikTok อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !