เมียนมาร์ หรือ พม่า มีพุทธสถานมากมายที่ขึ้นชื่อ ทั้งในเรื่องความสวยงามอลังการ ความศักดิ์สิทธิ์มหัศจรรย์ พร้อมด้วยตำนานประวัติที่น่าทึ่ง จนใคร ๆ ก็ปรารถนาจะได้ไปชื่นชม - ไหว้พระ - ขอพรให้ได้สักครั้งในชีวิต...ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ และเมื่อได้ไปเยี่ยมเยือนแล้ว นอกจากจะได้เที่ยวดูสถานที่สวยงาม - แปลกตา - น่าอัศจรรย์ กับได้สักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์สมใจ ก็ยังได้เก็บเรื่องราวน่าประทับใจของแต่ละสถานที่...ครั้งนี้ผู้เขียนจึงขอนำความประทับใจใน 5 พุทธสถานพม่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาแชร์ เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านที่สนใจหรือกำลังวางแผนเดินทางไปไหว้พระขอพรที่พม่าค่ะ1. พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้งประทับใจในตำนานประวัติเมื่อได้ทราบว่าพระมหาเจดีย์ประดิษฐานเส้นพระเกศาของพระพุทธเจ้าที่ทรงประทานแก่ท่าน "ตปุสสะ" และ "ภัลลิกะ" พ่อค้ามอญสองพี่น้อง ซึ่งนับเป็นอุบาสกคู่แรกของโลก เมื่อตอนเดินทางไปค้าขายที่ชมพูทวีปแล้วพบและถวายพระกระยาหารมื้อแรกแด่พระพุทธเจ้าหลังทรงตรัสรู้ได้ 7 วัน...ผู้เขียนก็ประทับใจเป็นอย่างยิ่งว่า พระมหาเจดีย์มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับเรื่องราวในสมัยพุทธกาล...ไม่สงสัยเลยว่า ทำไมพระมหาเจดีย์จึงได้รับความเคารพศรัทธาอย่างมากมายเช่นนี้นะคะประทับใจในแรงศรัทธาผู้เขียนประทับใจในการที่ผู้คนแสดงออกต่อสถานที่ด้วยความเคารพศรัทธาจริงจัง...เขตพระมหาเจดีย์ดูสะอาดสะอ้าน ทราบว่าแต่ละวันมีประชาชนจำนวนมากไปร่วมกันทำความสะอาด...รอบพระมหาเจดีย์ ทั้งภายในและภายนอกวิหารน้อยใหญ่หลายหลัง ก็มีพื้นที่จัดให้สาธุได้สวดมนต์นั่งสมาธิ ลานสักการะขอพรก็กว้างขวางมาก...แต่ถึงแม้ว่าผู้คนจะมากมาย แต่ก็ไม่วุ่นวาย ต่างคนต่างก็สำรวมกายใจเพื่อเก็บเกี่ยวบุญกุศลของตนอย่างเต็มที่...บรรยากาศช่างสมกับเป็นศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ค่ะจุดเช็กอินที่ประทับใจมีพระพุทธรูปและรูปเทพยดาสวยงามมากมายให้กราบไหว้ขอพรในเรื่องต่าง ๆ มีพิพิธภัณฑ์และการจัดแสดงประวัติพระมหาเจดีย์ให้ศึกษาเข้าชม ดังนั้น การได้อยู่ในบริเวณพระมหาเจดีย์นาน ๆ จึงไม่มีเบื่อค่ะ...ถ้าใครมีเวลา แนะนำให้อยู่ถึงตอนกลางคืน (ปิด 22:00 น.) เพราะจะมีการส่องไฟให้ชื่นชมแสงระยิบระยับของเพชรพลอยเม็ดโตมากมายมหาศาลที่อยู่บนส่วนยอดพระมหาเจดีย์...ความงดงามตระการตาเช่นนี้ ทำให้ผู้เขียนรู้สึกเหมือนอยู่ในแดนเทวดารังสรรค์ทั้งกลางวันและกลางคืนค่ะ2. พระเจดีย์โบตะทอง เมืองย่างกุ้งประทับใจในตำนานประวัติเมื่อได้ทราบว่า ที่ตั้งพระเจดีย์ก็คือจุดแรกที่อัญเชิญพระเกศาของพระพุทธเจ้า (ที่ท่าน "ตปุสสะ" และ "ภัลลิกะ" อัญเชิญกลับสู่บ้านเมืองทางเรือ) ขึ้นบนแผ่นดิน โดยพระเจดีย์ประดิษฐานพระเกศาด้วย 1 พระองค์...และยิ่งได้ทราบว่า ใคร ๆ ก็สามารถเข้าสักการะพระเกศาได้อย่างใกล้ชิดที่ใจกลางพระเจดีย์ โดยภายในพระเจดีย์ทั้งเพดานและผนังบุด้วยทองคำแท้...เรื่องราวเหล่านี้ ทำให้ผู้เขียนมองข้ามรูปลักษณ์ภายนอก มีใจจดจ่อคอยชื่นชมความตระการตาตระการใจภายในพระเจดีย์แทนค่ะประทับใจในแรงศรัทธาภายในพระเจดีย์และวิหารพระ เราสังเกตเห็นได้ว่า มีการจัดพื้นที่ให้สาธุชนได้สวดมนต์นั่งสมาธิไว้หลายบริเวณ และพื้นที่เหล่านั้นก็มีการใช้งานอยู่เสมอ...ทำให้เราผู้ไปเยี่ยมเยือนรู้สึกว่า ต้องทำตัวสงบสำรวมให้สมควรแก่สถานที่...ภาพนักบวชและผู้ปฏิบัติธรรมที่นั่งสมาธิภาวนาในสถานที่ที่มีความพิเศษเช่นนี้ เป็นภาพที่ดูสงบ น่าประทับใจ และน่าโมทนาค่ะจุดเช็กอินที่ประทับใจที่นี่ประดิษฐาน "พระนันอู" พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่ได้รับการยกย่องว่ามีพระพุทธลักษณะงดงามที่สุดองค์หนึ่งของพม่า แถมยังมี "เทพทันใจ" และ "เทพกระซิบ" ที่ผู้คนมากมายหลั่งไหลไปขอพร...อย่างไรก็ตาม จุดที่ผู้เขียนประทับใจมาก ๆ ก็คือจุดที่ได้สักการะพระเกศาของพระพุทธเจ้าที่ใจกลางพระเจดีย์ รู้สึกปลาบปลื้มเสมือนได้สักการะขอพรจากพระพุทธเจ้าพระองค์จริงค่ะ3. พระเจดีย์กลางน้ำเยเลพญา เมืองสิเรียมประทับใจในตำนานประวัติพระเจดีย์ เป็นวัดเจดีย์สร้างบนเกาะกลางแม่น้ำย่างกุ้ง ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าที่อัญเชิญจากศรีลังกา ในยุคที่อาณาจักรมอญยังเรืองอำนาจเมื่อประมาณ 1 พันปีที่แล้ว...ผู้เขียนประทับใจในคำอธิษฐานสร้างวัด ที่เราก็ได้เห็นว่าเป็นจริงตลอดมาคือ แม้น้ำในแม่น้ำจะมากเพียงไรก็ขออย่าให้ท่วมถึงในวัด แม้คนจะไปสักการะพระเจดีย์มากเพียงไรก็ขอให้วัดรองรับได้หมด และขอให้วัดนี้อยู่ยืนยงอยู่คู่อายุพระศาสนาค่ะประทับใจในแรงศรัทธามองดูแล้ว เสน่ห์ของวัดเจดีย์แห่งนี้ ก็คือ สถาปัตยกรรมโบราณที่ตั้งอยู่อย่างงดงามกลางแม่น้ำกว้างใหญ่มากว่า 1 พันปี พร้อมกับตำนานการสร้างที่เริ่มจากศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนา...เหล่านี้เป็นเหมือนมนต์ดึงดูดให้ผู้คนมากมายเดินทางไปสักการะขอพร โดยเฉพาะผู้มีอาชีพค้าขาย...จะว่าไปแล้ว การลงเรือข้ามแม่น้ำที่กระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยว ก็นับเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการไปเยือนวัดแห่งนี้นะคะ...อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนประทับใจคือ อัธยาศัยของคนเรือที่คอยดูแลช่วยเหลือผู้โดยสารที่ไม่ค่อยชินกับการนั่งเรือค่ะจุดเช็กอินที่ประทับใจนอกจากองค์พระเจดีย์แล้ว บนเกาะยังมีรูปบูชาพระพุทธ พระสงฆ์ และเทพ ให้กราบไหว้ขอพร รวมทั้ง "พระอุปคุต" ที่ประดิษฐานในวิหารเล็ก ๆ แยกตัวจากเกาะเหมือนอยู่กลางน้ำ...แต่ที่ผู้เขียนประทับใจมาก ๆ ก็คือ "พระพุทธรูปหินหยกขาวทรงเครื่องจักรพรรดิ" ที่พระพักตร์และพระลักษณะงดงามชนิดไม่มีที่ติ เครื่องทรงเป็นทองและอัญมณีงดงามตระการตามาก...รอยยิ้มที่ดูทรงพลังและเปี่ยมด้วยเมตตาของท่าน เป็นอีกภาพจำอันงดงามไม่รู้ลืมสำหรับผู้เขียนค่ะ 4. พระธาตุอินทร์แขวน เมืองไจ่ก์โถ่ประทับใจในตำนานประวัติองค์พระธาตุเป็นหินก้อนใหญ่ มีพระเกศแก้วจุฬามณีเจดีย์องค์จำลองประดิษฐานอยู่ด้านบน...มีตำนานว่า สมัยพุทธกาล ฤาษีตนหนึ่งได้รับประทานพระเกศาจากพระพุทธเจ้าแล้วเก็บรักษาไว้ในมวยผมตน เมื่อจะละสังขาร พระอินทร์ได้มาช่วยประดิษฐานพระเกศานั้นไว้ในหินก้อนใหญ่รูปร่างคล้ายศีรษะของฤาษี แล้วใช้ฤทธิ์แขวนเอาไว้อยู่ริมผาหินเช่นนี้ ให้เป็นที่สักการะบูชาพระพุทธเจ้า และเป็นอนุสรณ์แด่ฤาษีตนนั้นค่ะ...แม้เป็นเรื่องในตำนาน แต่เรื่องจริงที่น่าอัศจรรย์ที่ใคร ๆ ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ หินก้อนใหญ่อยู่ตรงริมหน้าผาโดยไม่มีอะไรพยุงไว้เลย ไม่เคยกลิ้งตกเหมือนถูกแขวนเอาไว้ สมชื่อ "อินทร์แขวน" ค่ะประทับใจในแรงศรัทธาองค์พระธาตุประดิษฐานอยู่กลางป่าเขาสูง มองออกไปโดยรอบ ก็จะเห็นวัดวาอารามอยู่บนเขาเขียว ๆ สูง ๆ ลูกโน้นลูกนี้...รอบ ๆ เขตองค์พระธาตุเป็นป่าและหมู่บ้าน มีพระเณร - นักพรต - แม่ชี ให้ได้พบเห็น ไม่ใช่ไปเที่ยว แต่พำนักปฏิบัติธรรมอยู่ใกล้ ๆ...ภาพที่ประทับใจผู้เขียนมาก ๆ คือ ชาวบ้านในพื้นที่ เวลาเดินผ่านจุดประดิษฐานองค์พระธาตุ ก็วางข้าวของที่หอบหิ้วมา แล้วทรุดตัวลงนั่ง บรรจงกราบลงกับพื้นด้วยความเคารพนอบน้อม...บรรยากาศเหล่านี้ ทำให้ผู้เขียนรู้สึกเหมือนย้อนเวลาหลุดเข้าไปอยู่ในสมัยพุทธกาลค่ะจุดเช็กอินที่ประทับใจจะขึ้น - ลงเขาไปนมัสการพระธาตุด้วยวิธีใดก็ล้วนน่าประทับใจ นั่งกระเช้า ก็ได้เห็นวิวเหนือเมฆ นั่งเสลี่ยง ก็ได้ชมวิวแบบชิล ๆ เดิน ก็ได้สัมผัสวิถีชีวิตผู้คนและป่าเขาข้างทางไปเรื่อย ๆ แถมประหยัดเงิน...แต่ถ้าผู้เขียนได้กลับไปอีกครั้งและมีเวลาพอ จะขอเลือกเดิน จะได้อินกับอารมณ์จาริกแสวงบุญค่ะ...อีกจุดที่แนะนำให้เช็กอินก็คือ จุดวางเครื่องสักการะบูชาในศาลาหน้าองค์พระธาตุ ซึ่งเราสามารถสวดมนต์นั่งสมาธิได้ค่ะ...ผู้เขียนประทับใจการได้ตื่นแต่เช้ามืด เดินฝ่าสายหมอกไปถวายเครื่องสักการะและสวดมนต์นั่งสมาธิบูชาองค์พระธาตุมาก ๆ กลับออกมาตอนฟ้าสว่างแล้ว สายหมอกก็ยังไม่จาง รู้สึกเหมือนอยู่บนแดนสวรรค์ค่ะ5. พระธาตุมุเตา เมืองหงสาวดีประทับใจในตำนานประวัติพระธาตุเจดีย์มีอายุกว่า 2 พันปี สร้างโดยกษัตริย์มอญ ประดิษฐานพระเกศาธาตุและพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้า จนบัดนี้ก็ยังเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า...พระเจ้าตะเบงชเวตี้และพระเจ้าบุเรงนอง ทรงศรัทธามาก ๆ ไปสักการะขอพรเสมอ ๆ พระธาตุเสมอ ๆ โดยเฉพาะก่อนออกรบทุกครั้งค่ะ...ในปี พ.ศ. 2473 เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง สิ่งก่อสร้างทั้งหลายพังทลาย ทว่าองค์พระธาตุยังคงตั้งอยู่มั่นคง มีเพียงปลียอดที่หักล้มลง แต่ก็ไม่ตกถึงพื้น เหมือนมีอะไรมาพยุงเอาไว้ให้ค้างอยู่ที่องค์พระธาตุอย่างน่าอัศจรรย์ค่ะ...ด้วยเรื่องราวพิเศษเหล่านี้ ผู้คนจึงนิยมไปสักการะขอพรเกี่ยวกับเรื่องการงาน ให้มั่นคง เจริญรุ่งเรือง ไม่ตกต่ำค่ะประทับใจในแรงศรัทธาพระธาตุ เหมือนศูนย์กลางของเมือง และทำให้เมืองคึกคักด้วยผู้คนจากทั่วทุกสารทิศที่ไปเยี่ยมเยือนสักการะขอพรด้วยพลังศรัทธาค่ะ...ภาพพระ นักบวช และผู้ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิภาวนา ที่มีให้เห็นจนชินตาตามศาสนสถานสำคัญ ๆ ในพม่า ก็มีให้เห็นที่พระธาตุมุเตาเช่นกันค่ะจุดเช็กอินที่ประทับใจส่วนปลียอดขององค์พระธาตุถูกบูรณะขึ้นใหม่แทนที่ส่วนที่หัก ในขณะที่ส่วนที่หักก็ยังคงไว้อย่างนั้น จนกลายเป็นจุดเช็กอินยอดฮิตค่ะ...การไปอธิษฐานขอพรตรงส่วนปลียอดที่หักนี้ นับเป็นไฮไลท์ของการไปไหว้ขอพรที่พระธาตุแห่งนี้...วิธีการก็คือ ตอนอธิษฐานขอพร ให้ใช้มือและหน้าผากแตะลงไปตรงส่วนปลียอดที่หัก...ก็รู้สึกขลังดีนะคะ เพราะได้อธิษฐานขอพรพร้อมได้สัมผัสกับปลียอดขององค์พระธาตุเจดีย์โบราณศักดิ์สิทธิ์ค่ะมรรษยวรินทร์.ภาพประกอบทุกภาพ โดย มรรษยวรินทร์พิกัด พระเจดีย์ชเวดากองพิกัด พระเจดีย์โบตะทองพิกัด พระเจดีย์เยเลพญาพิกัด พระธาตุอินทร์แขวนพิกัด พระธาตุมุเตา อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !