เช้าวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2563 ตื่นนอนมาด้วยอาการเพลีย ๆ อันสืบเนื่องมาจากการขับรถตะลอนทำภารกิจในวันศุกร์หรรษา กว่าจะได้หยุดพักที่บ้านญาติแถวชานเมือง ทีแรกตั้งใจว่าจะตื่นสาย ๆ แต่อาจด้วยความเคยชิน ประกอบกับเสียงอึกทึกครึกโครมด้วยความคึกคักของหลาน ๆ สองพี่น้องที่บ้านนั้น ดังผ่านประตูห้องนอนเข้ามาปลุกให้ตื่น เกือบจะเผลอหงุดหงิด แต่นึกได้ว่าวันนั้นเป็นวันเด็กแห่งชาติ และผมสัญญากับพวกเขาไว้แล้วว่า เดี๋ยวจะพาไปเที่ยว โดยคิดว่าคงพาไปไม่ไกลนัก จึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงมาจากห้องนอนชั้นบน เหมือนหลานสาวตัวเล็กจะรอจังหวะอยู่แล้ว เมื่อลงมาได้สักพัก คุณเธอเดินมาเลียบ ๆ เคียง ๆ บอกว่า "คุณอา หนูอยากไปดูเรือหลวงจักรีนฤเบศร" ทำเอาเกือบสำลักกาแฟร้อนในมือ หันไปมองนาฬิกา ตอนนั้นเวลาประมาณเก้าโมง สมองคำนวณแผนการเดินทางอย่างรวดเร็ว จากบ้านนั้นไปยังจุดหมายปลายทาง ท่าเทียบเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ อันเป็นจุดแสดงเรือหลวงจักรีนฤเบศร ระยะทางร่วมสองร้อยกิโลเมตร ใช้เวลาขับรถน่าจะประมาณไม่เกินสามชั่วโมง (ไม่รวมเวลารถติดในพื้นที่จัดแสดง) ถ้าออกเดินทางอีกสักชั่วโมงหลังจากนั้น (เพราะหลาน ๆ ยังไม่ได้อาบน้ำแต่งตัว ^^) ก็น่าจะไปถึงประมาณบ่ายโมง คิดว่ายังพอทันให้เด็ก ๆ ได้ชมการแสดงให้สมอยากได้ จึงตกปากรับคำ ป่ะ! ไปก็ไป (วะ) 😂😅 ออกเดินทางประมาณสิบโมง โดยมีสมาชิกเต็มคันรถ นอกจากหลานสองคนแล้วก็มีคุณแม่และคุณยายของเด็ก ๆ ร่วมเดินทางไปด้วย บึ่งรถฝ่าการจราจรบนถนนรังสิต - นครนายก ที่ยังคงหนาแน่นเป็นช่วง ๆ กว่าจะเข้าสู่ทางด่วนถนนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าไปออกมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ - ชลบุรี วิ่งยาวชนิดที่ว่าน่าหลับในซะเหลือเกิน ดีที่ร่างกายพักผ่อนเต็มที่จึงมีความพร้อม แม้จะแอบอ่อนเพลียนิดหน่อยเมื่อตอนตื่นนอนอย่างที่บอกก็ตาม แต่เมื่ออาบน้ำอาบท่า และได้กาแฟสดเติมความสดชื่นแล้ว ร่างกายก็บอกเลยว่า ถึงไหนถึงกัน ออกจากมอเตอร์เวย์เข้าสู่ถนนบายพาส พัทยา - ระยอง (ทางหลวงหมายเลข 36) ไปกลับรถมาตัดเข้าสู่ถนนหมายเลข 331 มุ่งหน้าสัตหีบ การจราจรทั่วไปคล่องตัวมาก ๆ จนกระทั่งเข้าเขตบริเวณฐานทัพเรือ โดยเฉพาะเส้นทางเข้าไปท่าเทียบเรือ อันเป็นสถานที่จัดงานวันเด็กแห่งชาติ และจุดจัดแสดงเรือหลวงจักรีนฤเบศรนั้น สภาพการจราจรยิ่งกว่าหนอนชาเขียวที่ค่อย ๆ กระดึ๊บ ๆ เล่นเอาเลี้ยงคลัชรถกระบะจนขาชา ทั้งที่เป็นช่วงบ่ายแล้ว และเหมือนจะรู้ซึ้งถึงคำที่พูดกันว่า นั่งจนปวดก้นก็ทริปนี้นี่เอง 😅 ที่จริงก็ไม่ได้เกินความคาดหมายไปมากนักหรอก เพราะอย่างที่ทราบกันว่า ในแต่ละปีที่จัดแสดงเรือหลวงจักรีนฤเบศร มีเด็ก ๆ ให้ความสนใจเข้าชมนับหมื่นคน ยังไม่รวมถึงคนในครอบครัวที่มากับเด็ก ๆ ทั้งที่พาเด็กมาเที่ยว หรือถูกเด็กพามาเหมือนผมก็ตาม 😂 แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการขับรถไปถึงสัตหีบในวันนั้น เพราะเป็นครั้งแรกของหลานสาวหลานชายทั้งสอง ที่ได้มีโอกาสมาเที่ยวชมเรือหลวงอันยิ่งใหญ่อลังการของกองทัพเรือ ไม่ว่าจะเป็นเรือหลวงจักรีนฤเบศร ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แล้วยังมีเรือหลวงสิมิลัน อันเป็นเรือส่งกำลังบำรุงทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดของไทย และเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นเรือฟริเกตสมรรถนะสูงที่สุดของกองทัพเรือ นอกจากนี้ ในงานยังมีการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ทั้งรถถัง ปืนต่อสู้อากาศยาน ปืนใหญ่ รถสะเทินน้ำสะเทินบก มีการสาธิตการแสดงโชว์สมรรถนะของเรือ และเครื่องบินของกองทัพเรือ ที่เรียกความตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจจากเด็ก ๆ ที่มาร่วมงาน ซึ่งแน่นอนว่า รวมถึงเด็กที่ "พาผมมาเที่ยว" ด้วย ^^ เด็ก ๆ ได้สนุกสนานเพลิดเพลินกับกิจกรรมยามบ่ายวันเด็กนั้น จนประมาณสี่โมงเย็น คุณแม่กับคุณยายจึงสะกิดบอกหนุ่มน้อยสาวน้อยทั้งคู่ ว่าได้เวลากลับบ้านแล้วลูก ทีแรกเด็ก ๆ ติดลม ทำท่าจะงอแงไม่ยอมกลับ เพราะทราบว่า กิจกรรมจัดแสดงอยู่ถึงประมาณห้าโมงเย็น แต่คุณแม่กับคุณยายต้องเกลี้ยกล่อมว่า ถ้าออกช้ากว่านั้นคงไม่พ้นสภาพการจราจรที่ติดขัด และอาจจะถึงบ้านค่ำเกินไป พวกแกจึงยอมกลับ ขากลับใช้เส้นทางย้อนกลับมาทางเดิมกับขาไป ซึ่งคือมอเตอร์เวย์กรุงเทพ - ชลบุรี เข้าสู่ถนนกาญจนาภิเษก มาออกถนนรังสิต - นครนายก ในระหว่างที่ชะลอรถให้ไหลไปตามการสภาพจราจร มาถึงแถวคลองสาม และกำลังนึกวาดภาพถึงอาหารมื้อเย็นและการได้พักผ่อนเสียที แต่แล้วเสียงใส ๆ ของหลานสาวที่เหมือนจะเพิ่งตื่นจากการนั่งหลับมาเกือบตลอดทางก็ทำเอาผมเผลอสะดุ้ง ก็จะไม่สะดุ้งได้ไง ในเมื่อแกเอ่ยขึ้นว่า "ยังไม่อยากกลับเข้าบ้านเลย แวะเที่ยวดรีมเวิร์ลต่อก่อนได้มั้ยคะคุณอา"