สวัสดีเพื่อนๆที่หลงเข้ามาอ่านบทความนี้ทุกคน เพราะผมเชื่อว่า เมื่ออ่านบทความนี้จบ เพื่อนๆจะเป็นหนึ่งใน "ผู้พิชิตยอดเขาหลวง" หรือไม่ก็อาจจะเคยไปพิชิตกันบ้างแล้ว คราวนี้ผมขอพาเพื่อนๆทุกคนเดินขึ้น "เขาหลวง" หรือ อุทยานแห่งชาติรามคำแหง ยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดสุโขทัย และผมเชื่อได้เลยว่าเพื่อนๆหลายคนอาจจะเคยได้ยินถึงชื่อ เขาหลวง จากทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งผมเองเคยขึ้นยอดเขาหลวงตั้งแต่เป็นเด็ก เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันหากมีโอกาสก็จะชวนเพื่อนๆไปเสียกำลังขา หาอากาศบริสุทธิ์ ใส่ปอดกันที่ยอดเขาหลวงกันเสียหน่อย เพียงเพราะที่บ้านเกิดของผมอยู่ห่างจากเขาหลวงแห่งนี้เพียงไม่กี่กิโลเมตรครับ วันนี้จึงขอเป็นเจ้าถิ่นชนิดข้อมูลน้อย มาพาเพื่อนๆไปพิชิตยอดเขาหลวงกันDay1ผมมีนัดกับเพื่อนวัยเด็ก 1 คนในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา จุดหมายคือยอดเขาหลวง โดยเตรียมสัมภาระ อาหาร และอุปกรณ์ดำรงชีพที่จำเป็น ใส่เป้ใบเล็กๆของผม ตัดเสื้อผ้าที่ไม่จำเป็น ลดทุกอย่างที่ไม่จำเป็น ไว้ตั้งแต่คืนก่อนหน้า เมื่อเสียงของไก่โต้งที่คุณตาเลี้ยงไว้ขัน ยามเช้ามาเยือน ผมกุรีกุจอลุกขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวที่จะไปพบกับเพื่อนที่นัดเจอกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ก่อน 7 โมงเช้า เมื่อเจอเรานั่งวางแผนกันอีกครั้ง พร้อมสนทนากันตามประสาเพื่อนเก่าที่ไม่เจอกันมานาน ประมาณ 30 นาที ก่อนจะพากันขึ้นรถของผม เพื่อขับไปยัง ที่ทำการอุทยานแห่งชาติรามคำแหง หรือ สวนลุม ตามชื่อเรียกที่ผมเคยได้ยินตอนเป็นเด็กก่อนถึงพื้นที่จอดรถของ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อนๆจะต้องเสียค่าบริการ โดยเจ้าหน้าที่จะสอบถามว่า เที่ยวแบบวันเดียว หรือว่าค้างคืน เพราะพื้นที่ด้านบนจำกัด และดูแลนักท่องเที่ยวทุกคนที่ขึ้นไปด้านบน เมื่อถึงที่จอดรถแล้ว เราทั้งสองหนุ่ม(ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย) ก็ผูกเชือกรองเท้า แบกสัมภาระขึ้นหลังและเดินมุ่งหน้าสู่......ยอดเขาหลวง เส้นทางพิชิต ยอดเขาหลวงที่ทำการอุทยาน หรือ สวนลุม อย่างผมว่าละครับ ที่นี่เป็นพื้นราบเรียบหากเพื่อนๆคนไหน อยากเปลี่ยนใจไม่ขึ้นแล้วนอนที่นี่สักคืนก็มีลานกางเตนท์ มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำไว้บริการเพื่อนๆ อย่างพร้อมสรรพ เอาเป็นว่าที่นี่เป็นด่านแรกที่มีประตูขึ้นไปสู่ยอดเขาหลวง เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูเข้าไป ด้านขวามือจะพบกับศาลพระแม่ย่า ซึ่งเป็นผู้ปกปักรักษา เขาหลวง แห่งนี้ อย่างไรก็ขอพรท่านแล้วมุ่งหน้าสู่ยอดเขาต่อไปครับประดู่ใหญ่ เดินมาอีกสักหน่อย เส้นทางยังราบเรียบอยู่บ้างเราสองคนเริ่มหยิบไม้ข้างทาง ที่ทางเจ้าหน้าที่ทำไว้เพื่อช่วยในการพยุงตัวในการเดินขึ้นเขา เราพบกับต้นไม้ใหญ่ที่ไม่รู้ว่าต้นอะไรมองเกือบจะไม่เห็นยอด ถึงจุดนี้ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไรมออีหก มาถึงสถานที่ที่ชื่อแปลกๆซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไรสำหรับชื่อ มออีหก ที่นี่เราเริ่มมีอาการหอบนิดๆ จึงเลือกที่จะนั่งพักก่อนที่จะเดินขึ้นต่อจุดชมวิว ถือเป็นจุดหลักที่ผมนั่งพักนานมาก หลังจากทางเริ่มที่จะชันขึ้นเรื่อยๆ บริเวณนี้มีการต่อท่อน้ำลงมา มีผูงผึ้งบินตอมน้ำ น้ำนี้ไหลลงมาจากบริเวณแหล่งน้ำดิบผามะหาด ซึ่งเป็นน้ำแร่ที่ การันตีว่าดื่มได้ครับ สะอาดหายห่วง ฮ่าๆ ส่วนตัวผมเองขอเอนหลังตรงนี้สักแปปตะเคียนคู่ เดินมาอีกแค่ 300 เมตร ไม่รู้เกินหรือผมเหนื่อยไม่รู้ ดูไกลมาก แต่ผมก็้ถึงจนได้ ตะเคียนคู่ มีจุดนั่งพักนั่งเล่น มีแคร่ไม้ ให้วางสัมภาระและนั่งพัก เอาเป็นว่ายิ่งพักนานยิ่งเหนื่อย ไปกันต่อดีกว่าครับน้ำดิบผามะหาด ระหว่างเดินไปพักไป ใจก็เริ่มคิดว่าเมื่อไรจะถึงแต่อย่างว่าครับ ตัดสินใจมาแล้ว ทางเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ ผมเดินมา ปะเข้ากับน้ำกิบผามะหาด แหล่งน้ำดิบธรรมชาติ ที่หาไม่ได้ตรงพื้นล่าง ไปครับ ล้างหน้าล้างตา ดื่มน้ำ เติมน้ำ นั่งพัก แล้วเดินทางต่อชานเบิกไพร เดินมาถึงจุดนี้เส้นทางการเดินเริ่มสบายไม่แน่ใจว่าเพราะเลยครึ่งทางมาแล้วหรือเปล่า ชานเบิกไพรนั้นเป็นบริเวณที่มีหินอยู่สองข้างของผม เป็นที่ที่พรานป่าสมัยก่อน ใช้ทำพิธีเปิดป่า อะอะเดินผ่านแล้วไปต่อ ยอดเขารอเราอยู่ไทรงาม ตามชื่อครับเดินจากชานเบอกไพรมา 300 เมตร มีต้นไทรใหญ่มากอยู่ทางด้านซ้ายมือ ขาขึ้น จุดนี้เดินสบายไม่ต้องปีนป่ายเยอะครับ ถ้ำพระนารายณ์ ถ้ำพระ ถ้ำค้างคาว เป็นจุดเดินผ่านครับ จะป็นผาหินที่มีลักษณะเป็นถ้ำเล็กๆมีไม้ค้ำ หลายๆอัน อย่างไรเสีย 1 ในไม้นั้นมีของผมด้วย ฮ่าๆ ปล่องนางนาค ถัดมาอีกไม่ถึง 300 เมตร จะมีคอกไม้สี่เหลี่ยมล้อมต้นมะขามป้อม จุดนี้มองดีๆนะครับไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่หวงมะขามป้อม แต่ล้อมปล่องที่ชื่อว่าปล่องนางนาค ซึ่งตามตำนานเล่าว่าเป็นประตูสู่เมืองบาดาล มีนางนาคออกมาจากปล่องนี้ จุดนี้เป็นจุดที่ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงไม่อยากลงไป เพราะยังไม่มีใครทราบถึงความลึกที่แน่ชัด เผลอๆตำนานอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้https://intrend.trueid.net/post/361262 พญาแล่นเรือ เอาหละเพื่อนๆดีใจกันหน่อยครับ เพราะนี่เป็นพื้นที่แลนด์มาร์คระหว่างทางจุดท้ายสุดที่เพื่อนๆจะเจอ ก่อนที่จะถึง ค่ายพักแรม พญาแล่นเรือนั้น เป็นบริเวณแอ่งน้ำที่ไหลลงมาจากยอดเขาหลวง แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าทำไมไม่ค่อยมีน้ำไม่รู้ค่ายพักแรม ผมบอกได้เลยว่าโหดยิ่งแมทสุดท้าย ไม่เข้าใจว่าทำไมชันมาก ขาลากจริงๆครับ พอขึ้นมาถึงเป็นพื้นหญ้าโล่งๆเป็นลานกลางเต็นท์ สิ่งแรกที่ผมทำ คือทิ้งตัวลงกลางสนามหญ้าสักแปป ก่อนไปติดต่อเจ้าหน้าที่ หาที่กลางเต็นท์ต่อไป จุดกลางเต็นท์ของเราผมเลือกพื้นที่ที่สามารถหุงหาอาหารได้ เพราะวันที่ผมไปจำนวนนักท่องเที่ยวค่อนข้างบางตา ทำให้เลือกพื้นที่ได้ค่อนข้างเยอะครับ ว่าแล้วก็ทำอะไรง่ายๆแบบบ้านๆกินก่อนครับชมพระอาทิตย์ตกดิน หลังจากทำอาหารและตั้งแคมป์กันสำเร็จแล้ว ผมกับเพื่อนพร้อมที่จะออกไปชมพระอาทิตย์ตก โดยเดินทางตั้งแต่ประมาณ 4 โมงเย็น ซึ่งจุดหมายของเราคือ ยอดเขาพระแม่ย่า ซึ่งต้องเดินไปอีกกิโลกว่าๆ บอกเลยว่ามีแรงจากอาหารและได้พักเหนื่อยแล้ว ออกตะลุยกันต่อครับ อ่อย่าลืมเตรียมไฟฉายไปด้วยนะครับ เพราะพระอาทิตย์ตกดินแล้วขากลับ ต้องเดินทางกลับมากับความมืดแน่นอนหลังจากได้ภาพจนเกือบจะเต็มเครื่อง ก็เดินส่องไฟกลับที่พักดีกว่าครับ และอาบน้ำนอนดีกว่าครับ หนาวๆๆๆๆๆๆDay 2อรุณสวัสดิ์เพื่อนๆครับ เช้าแล้วได้ยินเสียงเครื่องปั้นไฟ ของพี่ๆเจ้าหน้าที่ดังมาไกลๆ ผมตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก ตอน 04.30 น. พร้อมกับเดินไปล้างหน้าแปรงฟัน และปลุกเพื่อน เพื่อจะเดินทางไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่ผานารายณ์ โดยเดินทางจากค่ายพักแรมไป 400 ม. เตรียมไฟฉายแล้วออกเดินทางครับเมื่อเดินขึ้นไปมีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มเดินมารอชมพระอาทิตย์ขึ้นกันบ้างแล้ว บางกลุ่มก็กำลังเดินมา บริเวณผานารายณ์เป็นผาที่ยื่นออกไปอยู่บริเวณทิศตะวันออก มองดีๆ เหมือนน้องหมานอนหมอบรอพระอาทิตย์ขึ้นอยู่เหมือนกันนะครับหลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นและเก็บภาพเรียบร้อย ผมเดินกลับมาหุงหาอาหารกิน พร้อมผลัดกันไปอาบน้ำแบบชิวๆ จากนั้นเตรียมตัวพร้อมที่จะเดินทางลงเขากันในช่วงสายๆ เพราะอากาศไม่ร้อนมากครับขาลงใช้เวลาไม่นานมากอาจเป็นเพราะแรงโน้มถ่วงของโลก หรืออะไรไม่แน่ใจ แต่ผมเองรู้สึกโล่งมากเพราะถึงไวมาก อย่างไรก็ดีทริปนี้เหนื่อย แต่คุ้มค่ามากกับความประทับใจที่อยากให้เพื่อนๆ ได้มาสัมผัสด้วยตัวเพื่อนๆเอง แล้วเพื่อนๆจะได้ชื่อว่า "ผู้พิชิตยอดเขาหลวง" บ๊ายบายยยยยย.....เจอกันทริปหน้าครับhttps://intrend.trueid.net/post/355777ภาพ : JaturongT.ออกแบบตกแต่ง : Canvaอุทยานแห่งชาติรามคำแหง (เขาหลวง)ที่อยู่ : อุทยานแห่งชาติรามคำแหง (เขาหลวง) ตำบล บ้านน้ำพุ อำเภอ คีรีมาศ สุโขทัย 64160พิกัด : https://goo.gl/maps/f4kgVkEPk8FsT5fbAอัตราค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท (ไม่รวมค่ากางเต็นท์)โทร : 0988839297เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/RamkhamhaengNationalPark/อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !