(เครดิตภาพหน้าปก : Photo by Aleksandar Pasaric from Pexels) (เครดิตภาพ : Photo by Jérémy Stenuit on Unsplash) ถ้าพูดถึง แหล่งช้อปปิ้งในญี่ปุ่น หลาย ๆ คนอาจจะบอกได้ออกมาเป็น 10 กว่าที่ ซึ่งญี่ปุ่นนั้นเป็น Destination ของหลาย ๆ คนที่ต้องการไปเยือนสถานที่แห่งนี้ เพราะมีทั้งของกิน สถานที่ท่องเที่ยว และ แหล่งช้อปปิ้ง ซึ่งหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินหรือรู้มาว่า "ของมันถูกกว่าที่ไทยเยอะเลย" ซึ่งนั่นก็คือความจริง เพราะญี่ปุ่นภาษีเรื่องของและการนำเข้าต่าง ๆ มันถูกกว่าไทย เลยทำให้ขาช้อปหลาย ๆ คนตัดสินใจไปซื้อของที่ญี่ปุ่นกันไม่น้อย แหล่งช้อปปิ้งของญี่ปุ่นหลาย ๆ แห่งนั้น ค่อนข้างจะแบ่งแยกกันชัดเจน เช่น ถ้าอยากได้ของแบรนด์เนม ให้ไปที่ Ginza หรือถ้าอยากได้ ฟิกเกอร์ ของเล่นต่าง ๆ ให้ไปที่ Akihabara แต่อยากถ้าได้ของหลาย ๆ ประเภท เราไม่ต้องวนไปทั่วญี่ปุ่นเลยหรอ !! ดังนั้นผู้เขียนเลยอยากมาแชร์สถานที่ช้อปปิ้ง อีกหนึ่งแห่งของ ญี่ปุ่น ซึ่งทุกคนอาจจะรู้จักกันดี ว่าเป็นแหล่งรวมของแฟชั่น จริง ๆ แล้ว มันก็สู้ Harajuku หรือ Shibuya ไม่ได้ แต่ !! สถานที่ช้อปปิ้งแห่งนี้ มันรวมทุกอย่างไว้ที่เดียวกันเลย และไม่เพียงเท่านั้น ของที่รวมกันอยู่ในที่แห่งนี้ เราไม่ต้องไปเดิน Harajuku หรือ Shibuya ก็หาซื้อที่นี่ได้ แหล่งช้อปปิ้งแห่งนี้ชื่อว่า ตลาด AMEYOKO (ตลาดอะเมโยโกะ) ตลาด AMEYOKO (ตลาดอะเมโยโกะ) (เครดิตภาพ : https://pixabay.com/images/id-217883/) ตลาด AMEYOKO (ตลาดอะเมโยโกะ) เป็นตลาดที่เป็นซอยยาวประมาณ 500 เมตร มีแบ่งเป็น 2 ฝั่ง อยู่ตรงสถานีรถไฟ อุเอโนะ (Ueno) เมื่อลงรถไฟจากสถานีนี้แล้ว จะเห็นซอยที่คนเดินเข้าไปเยอะ ๆ นั้นแหละครับ ตรงนั้นเลย เด่นมาก ๆ เราจะเริ่มเดินจากฝั่งตรงข้ามกับสวนสาธารณะอุเอโนะ (ฝั่งที่มีป้ายชื่อตลาด) เพราะเป็นจุดเริ่มต้นและจุดนัดหมายที่ดีมาก ๆ มีป้ายเด่นเป็นสง่าเลย พอเราเดินไปช่วงแรกไม่เกิน 50 เมตร ด้านซ้ายมือจะเป็นของทั่ว ๆ ไป มีเครื่องสำอางค์บ้าง เสื้อผ้าบ้าง ส่วนด้านขวานั้น จะมีตึกใหญ่ ๆ เลยประมาณ 5 ชั้น จะเป็นของอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งตึกเลย เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ กล้องดิจิตอล ไมโครโฟน หรือแม้แต่ไดร์เป่าผมก็มี รวมไปถึงของเล่นวีดีโอเกมต่าง ๆ หรือแม้แต่ของที่กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่น อย่างกล้องฟิล์มก็มีด้วย (เครดิตภาพ : Photo by Joshua Newton on Unsplash) ออกจากตัวตึกอิเล็กทรอนิกส์มาแล้ว เดินตรงไปอีกนิดทีนี้จะเจอ ทางแยก เริ่มต้นของวันด้วยพลังขาที่ยังพร้อมและท้องอิ่ม ให้เราเลือกเดินไปทางขวาของทางแยกนั้น ในโซนซอยทางขวานี้ ผู้เขียนจะเรียกว่า ซอยแฟชั่น เพราะจากจุดเริ่มต้น ยาวไปจนสุดจะมีแต่ร้านขายของแฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า น้ำหอม เครื่องสำอางค์ ตลอดทาง ซึ่งร้านขายของที่ดังและมีคนเข้าอยู่เต็มตลอดเวลาคือร้าน ABC-Mart อย่างที่ทราบกันดี ที่แห่งนั้นคือแหล่งรองเท้าถูก !! มีทั้งรองเท้าที่ทางร้านจัดลดราคากันแบบ 50% หรือรองเท้าที่ไม่มีขายในไทย รวมถึงแบรนด์รองเท้าสุดเกร๋ของญี่ปุ่นเอง นั่นคือแบรนด์ มูนสตาร์ นั่นเอง ส่วนราคารองเท้านั้น ต้องขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและโปรโมชั่นของแต่ละร้านด้วย อย่างร้าน ABC-Mart นั้น รองเท้า Converse Jack's Percell ที่ขายกันที่ไทย ประมาณ 2,500-3,250 บาท ผู้เขียนได้จากร้านนั้นมาในราคาเพียง 1,500 บาทเท่านั้นเอง ไม่ต้องห่วงของแท้แน่นอนจ้า เอามาเช็คที่ไทยแล้ว แต่แอบเสียดายนิดนึงที่ร้าน ABC-Mart ไม่สามารถเคลมภาษีได้ การเคลมภาษีนั้น คือเราเป็นนักท่องเที่ยว ให้พก Passport ไปด้วย บางร้านที่มีเคลมได้ เขาจะไม่บวกภาษี 8% ของญี่ปุ่นเข้าไปให้ และ เมื่อเราโดนตรวจเช็คที่สนามบิน สามารถเอาใบเคลมภาษีที่ทางร้านจะแม็คกับ Passport โชว์ให้เจ้าหน้าที่ดูได้ สังเกตได้จากจะมีป้ายสีแดง ๆ ติดไว้ว่า "TAX FREE" นั้นแหละจ้า เดินตรงดิ่งเข้าไปได้เลย (เครดิตภาพ : Photo by Guillaume Meurice from Pexels) (เครดิตภาพ : Photo by Artem Beliaikin from Pexels) หลังจากเดินช้อปปิ้งกันอย่างเมามันแล้ว เชื่อว่าทุกคนคงจะเหนื่อยและหิว เมื่อยล้ากันมากแล้ว ถ้าเราเดินเริ่มต้นจากซอยช้อปปิ้งไปจนสุดซอยให้เราเลี้ยวซ้ายและซ้ายอีกที จะเข้ามาสู่อีกซอยที่ขนาดกัน คือซอยของกิน (แต่ถ้าเริ่มต้นจากด้านหน้าเหมือนกันให้เดินเข้าซอยด้านซ้ายมือจ้า) ซอยนี้คือซอยของกิน ที่มีของกินครบทุกประเภท ทั้งของสด ปลาแซลมอลแบบสด ๆ อาหารแพ็ค ผลไม้ ร้านอาหารญี่ปุ่น หรือแม้แต่ร้านปิ้งย่างแบบบุฟเฟ่ต์ ตลอดทางจะเห็นได้ว่ามีแม้ค้าพ่อค้าเรียกเราอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเราจะไม่เข้าใจภาษาเลยก็ตาม ในแต่ละร้าน เราสามารถชิมได้เลยนะ เค้าจะยื่น ๆ มาให้เลย ไม่ต้องเขินจ้า ชิมเลย ส่วนคนที่หิวจัด ๆ แนะนำให้เข้าร้านอาหารก่อนนะ ไม่งั้นได้ถือผลไม้หนัก ๆ เข้าไปด้วยแน่ ๆ (ร้านอาหารที่ญี่ปุ่นค่อนข้างแคบ) อาหารเลือกตามความชอบได้เลย มีครบมาก ๆ หรือถ้าไม่อยากเข้าร้านเป็นที่ ๆ ก็สามารถเดินซื้อกินระหว่างทางได้เลย มีร้ายขายข้างทางแบบ Street Food แบบบ้านเมืองเราด้วย ข้อแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวนะครับ ถึงแม้ว่าจะมี Street Food ที่ขายอาหารกันข้างทางเหมือนที่ไทยแล้ว แต่วัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น เมื่อซื้อเสร็จเขากินข้าง ๆ ร้านนั่นแหละ ไม่ถือเดินกินนะจ๊ะ กินเสร็จทางร้านมีถุงขยะไว้บริการเรียบร้อยเลย เรียกว่าทานจากร้านนนี้เสร็จ ทิ้งไม่ให้เกะกะ แล้วไปทานร้านอื่น ๆ ต่อได้เลย (เครดิตภาพ : https://pixabay.com/images/id-220688/) (เครดิตภาพ : https://pixabay.com/images/id-3723059/) ตลาด อะเมโยโกะ แห่งนี้ ถือว่าเป็นตลาดที่ยืนหนึ่งในใจของผู้เขียนเลย เพราะมีทุกอย่างครบครันมาก ๆ ไม่ต้องไปเดินตามหาของให้ทั่วญี่ปุ่น แค่มาที่นี่ก็ได้ของครบตามต้องการแล้ว สำหรับผู้เขียนเอง เลือกที่จะมาที่ตลาดแห่งนี้เป็นวันท้าย ๆ ของทริป เพราะถ้ามาตั้งแต่ต้นทริปเลย ของที่เราซื้อนั้นสุดท้ายจะกลายเป็นภาระของเรา หากเราต้องเดินทางไปเมืองอื่น ๆ ก่อน ดังนั้น การที่เลือกมาตลาดแห่งนี้ช่วงท้าย ๆ ของทริปนั้น ทำให้ไม่ต้องแบกของฝากหรือของใช้ส่วนตัวเราที่ซื้อใหม่ ไปไหนมาไหนด้วย และก็เป็นการปิดทริปที่ดีมาก ๆ อย่างน้อย ๆ ถ้าคิดจะซื้อของฝากให้กับเพื่อน ๆ หรือพ่อแม่พี่น้อง ถ้าคิดไม่ออกก็ให้มาที่ตลาดแห่งนี้แหละ เชื่อว่ายังไงทุกคนก็คงจะต้องเสียเงินกับที่นี่ไปเยอะแน่ ๆ