ลุยโลกกว้างที่ดานัง (ตอนที่ 2) highlights: ซื้อซิมงง ๆ ชุลมุนจากสนามบินไป Ba na hills บรรยากาศบน Cable car --------------------------------------------------------------------------------- หลังจากที่เครื่องลงตอน 09.15 [ลุยโลกกว้างที่ดานัง (ตอนที่ 1)] อีเว้นท์แรกที่ยังไม่ทันลงจากเครื่องคือ เราทำฝากเลนส์ตกบนเครื่องแล้วหาไม่เจอ เลยต้องปล่อยไป 555 แล้วก็รีบลงเครื่องตามฝูงชนไปขึ้นชัทเทิลบัสเข้าไปในตัวสนามบิน ผ่านตม. แบบงง ๆ คือผ่านง่ายมากกกกก ถามแค่มากี่วัน วันไหนบ้าง แค่นั้นเลย ภาษาอังกฤษงู ๆ ปลา ๆ ก็รอดอะ จากนั้นเราก็เดินงง ๆ ไปซื้อซิม พนักงานก็สื่อสารภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย ดูราคาจาก 3 สกุลเงิน ถ้าเงินไทย 265฿ เงินดอลลาร์ 8$ เงินเวียดนาม 190.000 VND ตอนนั้นเราตีราคาค่าเงินผิด เลยจ่ายเงินเวียดนามซื้อไป คือถ้าจ่ายเงินดอลลาร์จะถูกกว่า ก็ได้ซิมแบบ Unlimited data แบบโทรออกไม่ได้ (กรอบสีขาว) มางง ๆ ราคา 190.000 VND และเพราะเลือกซิมอันนี้มาทำให้ชีวิตในทริปเวียดนามวายป่วงขึ้นมาทันที 55555555 พอเราได้เน็ตมาปุ๊ป เราก็รีบเอาซิมใส่ใน Pocket Wi-Fi แล้วแชร์เน็ตกันกับเพื่อน ปรากฏว่าตอนนั้นมัน 09.38 แล้ว มันจะไม่ตื่นเต้นอะไรเลยถ้าเราไม่ได้จองรถชัทเทิลบัสที่ระบุจุดขึ้นรถไป Bana hills ตอนสิบโมงครึ่งแล้วเรายังอยู่สนามบินอยู่เลย ของก็ไม่ได้เอาไปเก็บที่ Hostel สักอย่างน่ะ เอาไงดี ๆ แต่ยังดีที่มีแชทไลน์แปลก ๆ เป็นชื่อเวียดนามทักเข้ามา ปรากฏว่ามันคือไลน์ของชัทเทิลบัสที่เราจองไว้ รอดตายแล้วววว *0* เราก็เลยลองคุยดูว่าเขาสามารถมารับเราที่ Hostel เลยได้ไหม เราเพิ่งถึงเวียดนามไม่น่าจะไปทันที่จุดนัดหมาย เค้าก็โอเคที่จะมารับเราที่หน้า Hostel ใจดีม๊ากกกกกกกก การ Speak English ก็ได้เริ่มต้นตั้งแต่บัดนั้นทันทีเลยจ้ะ กลัวภาษาอังกฤษนักใช่ไหม เหยียบถึงพื้นเวียดนามปุ๊ปได้ใช้ทันทีเลยจ้ะ ใช้มากกว่าตอนที่อยู่เมืองไทยมาทั้งชีวิตอีก 55555555 หลังจากเคลียปัญหาชีวิตเรื่องชัทเทิลบัสไปเรียบร้อยแล้ว เราก็รีบเรียก Grab ไปที่ Hostel เลย จากสนามบินไปที่พัก 49.000 VND แต่บวกค่าแกรบผ่านเข้าออกสนามบินอีก 10.000 VND รวมเป็น 59.000 VND สิบโมงห้านาทีแล้วววว ยังอยู่ที่สะพานมังกรอยู่เล๊ยยยย แล้วพอเราไปถึงที่ Hostel พนักงานก็ใจดีม๊ากกกกก ถามเราว่าจะ Check-in เลยไหม คือปกติวิสัยของที่พักจะให้เรา Check-in ได้ตอนบ่ายสอง ถ้ายังไม่ถึงเวลาเขาจะให้เราฝากกระเป๋าไปที่เคาเตอร์ก่อน แต่ที่นี่ให้ Check-in ได้เลย เราก็โอเค ๆ เช็คเลย จำได้ราง ๆ ว่าน่าจะเสียค่ามัดจำกุญแจแสนนึงต่อสองคน แล้วก็มีพนักงานผู้ชายมาช่วยเรายกกระเป๋าด๊วยยยย คืองานดีม๊ากกกกแกรรรร ขาววววว ตี๋ แว่นนน ตายตรงนี้เลยยย 55555 (มารู้ตอนหลังว่านางเพิ่งมาทำงานได้ 3 วัน เลยบริการดีเป็นพิเศษ) เราก็รีบ ๆ เอาของไปเก็บ แล้วก็รีบ ๆ ออกมารอรถที่นัดไว้หน้า Hostel ไม่ทันถึง 5 นาที คนขับก็มาถึงตอน 10.28 คือตรงเวลาสูงม๊ากกกก แล้วคำว่า "ชัทเทิลบัส" อะ เราก็คิดว่ามันจะเป็นรถตู้ที่นั่งกันหลาย ๆ คน แต่คือได้รถส่วนตัวเหมือนนั่งแกรบเล๊ยยยยยยย ราคาถูกกว่าแกรบเป็นเท่า แล้วก็เพิ่งมารู้ตอนนั้นแหละว่าลุงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ คนที่แชทกับเราน่าจะเป็นคนละคนกัน แล้วแกรู้ว่าเราเป็นคนไทยแกก็เปิดเพลงไทยไปด้วยจ้า 5555 นั่งไปเพลิน ๆ ดูวิวข้างทางไป ประมาณ 45 นาที กับระยะทางแค่ 20 กิโล!!!! ที่ช้าเพราะรถที่นี่ขับได้ไม่เกิน 50 km/hr. นะจ๊ะ เลยนานเป็นพิเศษ เป็นบ้านเรายี่สิบนาทีก็ถึงแล้ววววว พอมาถึง Bana hills ลุงคนขับก็ใจดีมาก พาเราเดินจากลานจอดรถไปถึงห้องแลกตั๋วเข้าแล้วก็ยังพาเดินไปจนถึงทางเข้า Cable car ซึ่งมันไกลมากกกก แล้วก็บอกให้เรามารอที่ลานจอดรถที่เดิมนะ ตอน 16.30 นะ ถ้าลงมาช้าคนจะเยอะรถจะติด เราก็เข้าใจที่ลุงพูดแล้วแหละ แต่เหมือนลุงยังไม่มั่นใจ ลุงแกก็พูดใส่ Google Translate แล้วเอามาให้เราอ่านอีกรอบนึง น่ารักสุด ๆ >///< คนเยอะม๊ากกกกกก เยอะสมคำร่ำลือ นี่ขนาดเราเลือกวันที่คนน้อยที่สุดในสัปดาห์แล้วนะ ยังเยอะมากเลยในความรู้สึก คือถ้าวิวที่ Cable car ไม่สวยนะ ไม่ได้เห็นเราอยู่ที่นี่หรอก 5555 ซึ่งตั๋วสำหรับที่นี่เราซื้อล่วงหน้าไป 2 อย่าง คือ ตั๋วค่าเข้า กับ อาหารกลางวัน เพราะอาหารข้างบนแพงมากมากมากมาก ดังนั้นการเลือกซื้อไปล่วงหน้าจะดีกว่า ถึงคนจะเยอะมากก็จริง แต่ยืนรอไม่ถึง 5 นาที เราก็ได้ขึ้น Cable car แล้วววว เร็วมาก ๆ แล้วเขาก็ไม่ได้อัดคนขึ้นด้วย 4-5 คนกำลังสบาย ๆ แล้วไฮไลท์ของการเสียเงินเสียทองเกือบ 900 บาทไทยมันอยู่ตรงนี้ และเพื่อมาดูวิวนี้แหละจ้าาาาา ก่อนที่จะมาก็ถามตัวเองนะว่าถ้าไม่มาจะเสียดายไหม มันแพงนะ คนเยอะมากด้วย จะเสียดายไหมนะ แต่พอมาเห็นวิวจริง ๆ คือควรค่าแก่การมาอย่างที่สุดแล้ว ได้ชมวิวดี ๆ ธรรมชาติแบบ 360 องศา คือเป็น 30 นาทีที่มีค่ามากกกกกกกกก คือดี ต้องไปปป สวยจนหายกลัวความสูงอะจริง ๆ ใกล้จะถึงทางลงแล้ววว ยังไม่อยากลงเลยยย TT^TT พอลงมาจาก Cable car เราก็จะเดินตามทางไปเรื่อย ๆ เพื่อไปตามหาร้านข้าวที่เราแลกตั๋วไว้ ส่วนเราจะได้กินข้าวกลางวันร้านไหนยังไง โปรดติดตามตอนต่อไปจ้าาา หรือติดตามการเดินทางอื่น ๆ ของเราได้ที่ เพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน