สวัสดีครับเพื่อนๆ ในบทความนี้ผมจะขอแชร์ประสบการณ์การไป Work and Travel ณ เมืองซินซินเนติ รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา (Cincinnati, Ohio state, USA) ตามสไตล์บ้านๆ แบบฉบับของผมกันนะครับ Work and Travel คือ โครงการที่เปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยได้ใช้เวลาช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนทดลองใช้ชีวิตการทำงานในต่างประเทศ ระยะเวลาประมาณ 2-4 เดือน และนอกจาก Work แล้วในชื่อโครงการยังมีคำว่า Travel (ท่องเที่ยว) พ่วงท้ายมาด้วยซึ่งเป็นกำไรที่เราได้จากการเข้าโครงการนี้ครับ (แต่เพื่อนหลายๆ คนเลือกที่จะไม่เที่ยวเพื่อเก็บเงินกลับมาใช้ที่ประเทศไทย) โดยในการมาทำงานที่อเมริกาในโครงการนี้ เราจะเดินทางมาด้วยวีซ่า J-1 ซึ่งเป็นวีซ่าที่อนุญาตให้เราทำงานที่อเมริกาอย่างถูกกฎหมาย และยังสามารถอยู่ต่อได้อีก 1 เดือนหลังจากวีซ่าหมดอายุเพื่อท่องเที่ยวครับ เมื่อเราเตรียมเอกสารทุกอย่างทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว (ยกตัวอย่างเช่น จ่ายเงินค่าโครงการกับเอเจนซี่, ทำวีซ่าซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องออกเอง) ก็เตรียมตัวเดินทางตามวัน และเวลาที่เอเจนซี่นัดหมาย โดยในส่วนของผมนั้นค่าโครงการจะรวมกับค่าตั๋วเครื่องบิน และค่ามัดจำที่พัก เรียบร้อยแล้วครับ โดยในการเดินทางสู่จุดหมาย เมือง Cincinnati นั้น เราจำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องทั้งหมด 4 ต่อ ดังนี้ครับ สนามบินสุวรรณภูมิ ---> สนามบินเถาหยวน ---> สนามบินลอสแอนเจลิส ---> สนามบินชิคาโกโอแฮร์ ---> สนามบินซินซินเนติและเคนตั๊กกี้เหนือ และในที่สุดเราก็มาถึง Cincinnati ที่หมายของเรา รวมแล้วใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นประมาณ 20 ชั่วโมง ไม่นับเวลาที่ใช้ในการต่อเครื่องนะครับ โดยเมืองที่เราจะเริ่มต้นชีวิตการทำงานนอกประเทศไทยครั้งแรกนั้น เป็นเมืองขนาดกลางค่อนไปทางเล็ก มีตึกสูงอยู่น้อยจนนับได้เลยครับ อากาศในเมืองถึงแม้จะมาช่วงหน้าร้อน แต่ก็ไม่รู้สึกร้อนมากนัก อาจจะเพราะว่ามีแม่น้ำสายใหญ่ตัดกลางเมือง ทำให้มีลมพัดผ่านตลอด (ลองจินตนาการว่าเราอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาดูครับ) (ภาพโดยผู้เขียน) การคมนาคมหลักในเมืองนี้คือ 'รถเมล์' ครับ โดยรถเมล์ทุกสายเริ่มต้น และสิ้นสุดที่ Down town ทำให้การเดินทางไปบริเวณต่าง ๆ ของเมืองทำได้ครอบคลุม และสะดวกสบายครับ อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับรถเมล์ที่ประทับใจ คือ การตรงต่อเวลา โดยเราจะสามารถดูตารางรถออนไลน์ได้จากแอพลิเคชั่น และไปยืนรอบริเวณป้ายรถเมล์ 'ก่อน' รถเมล์มาถึง ผมขอย้ำอีกทีว่าก่อนนะครับ เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัว ขณะกำลังเดินไปที่ป้ายรถเมล์(ยังไม่ถึงป้าย) แล้วบังเอิญรถเมล์ขับมา เขาจะไม่จอดรอเรานะครับ T^T เพื่อนๆ คนไหนมีแพลนจะไป Work & Travel ควรระวังไว้นะครับผม (ภาพโดยผู้เขียน) ในการมา Work and Travel ในครั้งครั้งนี้ ผมได้โอกาสทำงานที่ Great American Ball Park ซึ่งเป็นสนามแข่งเบสบอลของทีม Cincinnati Red ตำแหน่งพนักงานครัว โดยในสเตเดียมนี้จะแบ่งออกเป็นหลายครัว แตกต่างกันออกไปตามวัตถุดิบ และประเภทอาหารที่ทำ โดยครัวของผมในช่วงแรก คือ 'ครัว product' ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของครัวอื่น ๆ ครับ เนื่องจาก หน้าที่หลักคือการทำวัตถุดิบต้นเพื่อกระจายไปยังจุดต่าง ๆ ดังนั้น ก่อนการทำงานในวันแรก หัวหน้าพ่อครัว หรือ 'เชฟ' ต้องบอกกับพนักงานทุก ๆ คน ว่าตารางการทำงานของครัวเราจะเยอะ และหยุดน้อยกว่าห้องครัวอื่น ๆ ซึ่งเขาเตือนให้เราทำใจไว้ล่วงหน้าว่าอาจจะเหนื่อยกว่า แต่ก็แลกกับรายรับที่จะได้ ก็ยิ้มออกครับ ภายในครัวจะแบ่งเป็นฐานต่าง ๆ เช่น ฐานมันฝรั่ง ฐานทอด ฐานชีส ฐานล้าง เป็นต้น โดยจะไม่มีหน้าที่ตายตัวของแต่ละคน กล่าวคือฐานไหนว่างก็จะต้องมีคนไปทำที่ฐานนั้นครับ ดังนั้นจากคนที่ทำครัวไม่เป็นเลยแบบผม จึงได้เริ่มเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองครับ ส่วนที่ผมประทับใจที่สุดในการทำงานครัวครั้งนี้ คือ การที่ได้เห็นคนจากหลาย ๆ ประเทศทำงานร่วมกันครับ ทั้งได้เรียนรู้วัฒนธรรมของกัน และกันแล้ว ยังได้ฝึกภาษาไปในตัวด้วย ทำให้จากการมา Work and Travel ในครั้งนี้ ผมได้เพื่อนสนิทเพิ่ม 2 คนครับ เป็นชาวจาไมก้า และอเมริกา ภาพแอบถ่ายเพื่อน ๆ ขณะกำลังทำงานครับ ใน 1 วัน การทำงานที่นี่จะต้องทำงาน ประมาณ 13 ชั่วโมง (10 โมงเช้า - 5 ทุ่ม) รายได้คิดเป็นชั่วโมงแตกต่างกันไปตามตำแหน่ง โดยผมได้รับ 9.5 ดอลลาร์ ต่อชั่วโมง คิดเป็นเงินวันหนึ่งจะได้ประมาณ 3 - 4 พันบาทครับ แต่ด้วยชั่วโมงงานที่เยอะก็แลกมากับความเหน็ดเหนื่อย เพราะที่นี่จะไม่อนุญาตให้เรานั่งพักนะครับ นั่งได้เฉพาะตอนทานอาหารกลางวันประมาณ 15 นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าเห็นพระอาทิตย์กันเฉพาะตอนเช้าเท่านั้นเลยครับ เลิกงานอีกทีก็มืดแล้ว แต่อย่างไรก็ตามในแต่ละวันก็จะมีอะไรให้เราต้องตื่นเต้นไปกับมันตลอดเวลา ยกตัวอย่างที่ผมเจอ คือ มีการเพิ่มเมนูใหม่กระทันหัน ทำให้ต้องเรียนรู้กันอย่างจ้าละหวั่น หรือเพื่อนทะเลาะกันภายในครัว แต่เมื่อเรามองย้อนกลับไปกลับพบว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี และสนุกสนาน ที่ถ้ามีโอกาสอีกที ก็ไม่อยากจะพลาดครับ เพราะมีอะไร ๆ หลายอย่างที่อยากจะกลับไปทำ ไปเรียนรู้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากต้องกลับไปเรียนมหาวิทยาลัย ดังนั้นผมจึงทำงานที่นี่แค่ประมาณ 3 เดือนเท่านั้นครับ (เพื่อน ๆ บางคนอยู่ต่อกันอีกหลายเดือน) แต่ก่อนจะกลับประเทศไทยผมก็ไปเที่ยวในเมืองต่าง ๆ อีกมากมายไว้โอกาสหน้าจะมาเล่าให้ฟังนะครับ นอกจากการทำงานแล้ว ตารางงานใน 1 เดือนก็จะมีวันหยุดประมาณ 3 - 4 วัน ผมก็ใช้โอกาสนี้เที่ยวรอบ ๆ เมืองครับ ไม่ว่าจะเป็นสวนสัตว์ หรือชมบรรยากาศเมืองที่ไปมุมไหนก็สวยงดงามมากครับ วันนี้มีภาพที่ผมถ่ายเองมาให้เพื่อน ๆ ได้ชมกัน สุดท้ายนี้เพื่อน ๆ คนที่มีโอกาสจะได้ไปทำงาน หรือศึกษาต่อที่ต่างประเทศ ผมอยากให้ใช้โอกาสนั้นเปิดรับอะไรหลาย ๆ อย่างครับ เพื่อน ๆ จะได้อะไรที่มากกว่าที่คิดแน่นอนครับ โบสถ์ภายในเมืองยามเย็นของเมือง Cincinnati