เที่ยวเวียดนามกลาง ช่วงกลางปี มีอะไรน่าสนใจ ไปดูกันเลย!สวัสดีค่ะ ช่วงปลายพฤษภาคมที่ผ่านมา มุกได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศใกล้เคียงบ้านเรา นั่นก็คือ เวียดนามนั่นเอง ประเทศนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นประเทศที่มีครบทุกสไตล์ เที่ยวได้ทุกภาคของเวียดนามแต่ที่มุกเลือกไปในทริปนี้ มุกเลือกเป็นเมือง "ดานัง" เมืองทางภาคกลางของเวียดนาม ซึ่งทริปนี้จะมีอะไรน่าสนใจ ค่าใช้จ่ายยังไงบ้าง มุกจะมาเล่าให้ฟังค่า1.สายการบินที่เลือกบินการเดินทาง ไป-กลับ รอบนี้ มุกบินกับสายการบิน Thai Air Asia ค่ะ เลือกบินช่วงเช้า 09.45-11.30 จะได้ถึงเวียดนามตอนเช็คอินเข้าโรงแรมพอดี ราคาค่าตั๋วครั้งนี้ไป-กลับตกคนละ 4,290 บาทช่วงบินไปอากาศดีมากค่ะ ไม่มีฝนเลย ท้องฟ้าปลอดโปร่งเครื่องเลยไม่ตกหลุมอากาศมากเท่าไหร่2.ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศการเดินทางไปต่างประเทศ การทำประกันมุกคิดว่าสำคัญมาก ๆ เพราะค่ารักษาพยาบาลที่ต่างประเทศเราไม่รู้ว่าจะถูกแพงแค่ไหน อาหารที่กินจะถูกกับเราไหม กันไว้ดีกว่าแก้ค่าบริษัทที่มุกใช้ในครั้งนี้คือ ทิพยประกันภัย ค่ะ ราคาแพคเก็จที่เลือกอยู่ 213 บาทค่ะ ถูกมาก ๆ แต่ครอบคลุมค่อนข้างโอเคเลยค่ะ3.การแลกเงินสิ่งที่สำคัญที่สุดในทุก ๆ การเดินทางคือการแลกเงินค่ะ มุกเลือกแลกที่ไทยไปก่อนนิดหน่อยเพื่อให้มีใช้จ่ายระหว่างเข้าสู่ดานังค่ะ โดยจำนวนเงินที่แลกไปแค่ 1,000,000 เวียดนามดองค่ะ ตีเป็นเงินไทย ณ เรตเงินช่วงนั้น ประมาณ 1,4XX ค่าที่แลกไปแค่นั้น เพราะมีพี่ ๆ ที่เคยไปก่อนหน้า แนะนำมาว่า แลกเงินที่ร้านเพชรร้านทองในเวียดนาม จะได้เรทราคาดีกว่าค่ะ ซึ่งมุกไม่ซีเรียสเท่าไหร่เพราะมีบัตร VISA ติดตัว ร้านไหนที่รับจ่ายแบบ VISA ก็ยื่นบัตรให้เขาได้เลยปล.อย่าลืมพกเงินสดไทยไปเผื่อด้วยนะคะ เผื่อใช้แลกเงินที่นั่น เพราะมุกประสบภัยไม่มีเงินสดแลกเงินดองช่วงขากลับ เลยไม่ค่อยได้ซื้อของจากที่โลคอล ๆ เลย4.ที่พักสำหรับโรงแรมที่พักในครั้งนี้ มุกพักที่เดิมทั้ง 3 คืนเลยค่ะ เพราะสถานที่ที่ต่าง ๆ เราสามารถนั่ง Grab ไปได้เลย เลยไม่คิดจะย้ายกระเป๋าไปไหนบ่อย ๆ ค่าที่พักที่เลือกพัก ชื่อว่า White Sand Boutique Hotel นะคะ อยู่ใกล้กับหาด My Khe เลยค่ะ เดินไปประมาณ 10 นาทีก็ถึงทะเลเลยที่พักบริการดีเลยค่ะ ทั้งคุณลุงรักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่รีเซปชั่น มุกจองผ่าน Agoda มาค่ะ รวมอาหารเช้า แล้วก็ Early Check-In ด้วยค่ะมุกพักกับเพื่อนอีก 1 คน เป็นเตียง 2 เตียง ห้องซูพีเรีย ราคารวม 4 วัน 3 คืน แค่ 3,060 บาท หาร 2 แล้วตกคนละ 1,530 บาทเองค่ะ ถูกมาก ๆ แนะนำเลยค่ะ5.อาหารการกินบอกก่อนเลยค่ะว่า อาหารที่นี่ค่อนข้างจืด ซึ่งไม่ค่อยถูกปากมุกเท่าไหร่ วันแรกที่ไปถึงฝนตกช่วงบ่าย ทำให้ออกไปไหนไม่ได้+เหนื่อยจากการเดินทาง เลยสั่ง Grab Food ทานก่อนเลยค่ะเมนูที่สั่งมาเป็นภาษาเวียดนาม อ่านไม่ออกเลยค่ะ แต่ยังดีที่มีรูปภาพ มุกกับเพื่อนเลยเลือกสั่งมาเป็น ข้าวผัด ไก่ผัดซอส แล้วก็เฟรนช์ฟรายด์ค่ะ ราคามื้อนี้รวม ๆ แล้ว 500 กว่าบาท ซึ่งราคาค่อนข้างสูงแต่เข้าใจได้ค่ะว่าเป็นอาหารจาก Delivery เลยไม่ซีเรียสเท่าไหร่พอตกหัวค่ำวันแรก ประเดิมด้วยอาหารเกาหลีไปเลยค่ะ อยากกินปิ้งย่างมาก ๆ ร้านที่เลือกไปชื่อว่าร้าน Golden Meat House ห่างจากที่พักไปประมาณ 1 กิโลเมตรค่ะแต่นั่ง Grab ไปเพราะกลางคืนและค่อนข้างแปลกที่ ร้านอยู่ในซอยด้วย เน้นความปลอดภัยดีกว่าร้านนี้บริการดีมาก ๆ ค่ะ พนักงานย่างให้ตลอดการรับประทาน เพื่อนของมุกที่ไปด้วยมีอาการปวดท้อง พนักงานสังเกตเห็นเลยนำน้ำร้อนมาให้เพื่อนของมุกด้วยค่ะ บริการดีมากเลย แถมราคาไม่แพงอีกด้วย มุกกินร้านนี้ 2 วันเลยราคารวมที่กิน 2 วัน ตกคนละ 1,000 นิด ๆ แต่ได้เยอะมาก ร้านนี้แนะนำเลยค่ะอีกร้านที่แนะนำคือร้านก๋วยเตี๋ยวค่ะ ชิมครั้งแรกรู้สึกเป็นเหมือนก๋วยเตี๋ยวต้มยำบ้านเรา พอหันหลังไปอ่านป้ายชื่อร้าน ร้านชื่อ ก๋วยเตี๋ยวไทย ถึงว่าถูกปากเราเหลือเกิน ราคาที่กินไปประมาณคนละ 120 บาทค่ะ ร้านอยู่ตรงหางสะพานมังกร เดินเจอ Miniso Pink แล้วให้ตรงไปเรื่อย ๆ เลยค่ะส่วนของกินอื่น ๆ ที่มุกกินมาก็มีเป็นขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นส่วนใหญ่ค่ะ 6.สถานที่ท่องเที่ยวในดานังที่แรกที่เราไปวันแรกเป็นตลาด SonTra Night Market ค่ะ เป็นตลาดที่เปิดช่วงกลางคืน ในตลาดส่วนใหญ่จะขายซีฟู้ด ของฝากที่เป็นพวกHandmade ผลไม้ บาร์บีคิว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านซ้ำ ๆ กันค่ะเราไม่ได้ซื้ออะไรกลับมาเลย เน้นไปเดินดูบรรยากาศว่าเป็นอย่างไรบ้าง ขอบอกเลยว่าแม่ค้าพ่อขายที่นี่ พูดภาษาไทยคล่องมาก เราไม่ได้บอกเลยด้วยซ้ำว่ามาจากประเทศไทย แต่เขารัวภาษาไทยใสไม่ยั้งเลย เก่งมากที่ที่สอง วันรุ่งขึ้น เราเดินทางไป Bana Hills ค่ะ สถานที่ขึ้นชื่อของเมืองดานังเลย วันที่เราไป ฝนตกเกือบทั้งวันเลยค่ะ แต่เป็นฝนตกที่ทำให้บรรยากาศสวยมาก ๆทั้งหมอก ทั้งสถาปัตยกรรมของที่นี่ เข้ากันไปหมด เหมือนอยู่ยุโรปเลยค่ะ ใครไปที่นี่อย่าลืมแวะ สะพานมือ จุดเช็คอินของที่นี่นะคะแล้วที่สำคัญที่ Bana Hills ก่อนจะขึ้นไปได้ ต้องซื้อตั๋วก่อนนะคะ จะซื้อที่นั่น หรือซื้อผ่านออนไลน์ก็ได้ค่ะมุกเลือกซื้อผ่านออนไลน์ ด้วยแอปพลิเคชั่น Klook ค่ะ กรอกรหัสแนะนำเพื่อน MMMC8T ได้ส่วนลด 200 บาทนะคะ ซื้อง่าย ได้ราคาดีด้วยค่ะ ของมุกไม่ได้นอนพักที่โรงแรมเมอร์เคียวนะคะ เป็นตั๋ว 1 day ค่ะ ราคา 1,267 บาท ค่าเราไปกินขนมเหรียญ 10 บนนั้นมาด้วยค่ะ อร่อยดี ราคาประมาณ 40 - 50 บาท ได้มา 2 ชิ้นค่าวันที่สามเราช่วงเช้า เราแวะไปถ่ายรูปที่ชายหาด My Khe คนไม่ค่อยเยอะมากเนื่องจากเราเลือกไปเที่ยววันธรรมดาค่ะ ที่หาดกว้างมากค่ะ มีร้านของกินขายหลายอย่างเลยค่ะ ลองมาเดินเล่นถ่ายรูปดูนะคะทุกคนส่วนช่วงบ่ายเราไปที่เมืองเก่าฮอยอันค่า เป็นเมืองสีเหลืองมัสตาร์ด ประดับไปด้วยโคมไฟหลากสี ตอนกลางวันให้ความคลาสสิคมาก ๆ ค่ะ พอตกกลางคืนจะมีล่องเรือที่แม่น้ำทูโบนพร้อมเปิดโคมไฟ ลอยกระทงกระดาษ แสงไฟตัดกับความมืดยามค่ำคืน สวยงามมาก ๆ เลยค่ะและแน่นอนว่าใครมาที่นี่ จะพลาดสถานที่ยอดฮิตนี้ไปไม่ได้ นั่นก็คือ Faifo Coffee คาเฟ่ที่มีดาดฟ้าเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของที่นี่นั่นเองค่า ใครมาที่นี่อย่าลืมซื้อเครื่องดื่ม แล้วขึ้นชั้น 3 ไปถ่ายรูปบนดาดฟ้ากันนะคะ วันสุดท้ายของการอยู่เวียดนาม เราไปห้าง GO! เพื่อไปซื้อขนมฝากที่บ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ เช่น ขนมเปี๊ยะทุเรียน ชีสวัวแดง ขนม Bon กาแฟG7 และอื่น ๆ นิดหน่อยค่า ราคาก็ไม่ได้แพงมากนะคะ ซื้อฝากที่บ้านได้สบายเลย แต่มุกไม่ได้โหลดกระเป๋า เลยซื้อนิดเดียวดีกว่า แหะ ๆลืมบอกเลยว่าแวะทานกาแฟมะพร้าว เมนูขึ้นชื่อของเวียดนามด้วยนะคะ ร้านที่ไปทานชื่อว่า Cong Ca Phe ค่ะ เมนูกาแฟมะพร้าวอร่อยมาก ๆ ค่ะ มุกให้ 10/10 เลย หอม ละมุน ทานง่าย แถมร้านบริการดีมากด้วยค่ะ ใครไปเวียดนามอย่าลืมแวะนะคะ 7.วิธีการเดินทางตลอดทั้งทริป มุกกับเพื่อนเรียก Grab Car อย่างเดียวเลยค่ะ ซึ่งใช้แอปเดียวกับที่ไทยเลย เราไม่ต้องปรับอะไรในแอปเลยค่ะ ส่วนการจ่ายเงิน มุกผูกบัตรกับแกร๊บไว้ เลยง่ายต่อการใช้จ่ายในส่วนนี้ Grab Car ที่นี่มีเยอะมาก ๆ ค่ะ ไม่ต้องรอนานเลยค่ะ เท่าที่สังเกตส่วนใหญ่คนที่นี่ใช้รถมิตซูบิชิกันค่ะ Grab Car ที่ได้บ่อยมาก ๆ เลยเป็นยี่ห้อดังกล่าวค่าราคา Grab ไม่แพงเท่าไทยค่า แต่มุกเรียกไปค่อนข้างไกล เที่ยวนึง 400 - 500 กว่าบาทค่ะ แต่หารกับเพื่อนเลยไม่รู้สึกแพงมากเท่าไหร่ค่ะ รวม ๆ ค่าเดินทางที่ใช้ในทริปนี้ ตีกลม ๆ ประมาณ 1,500 บาท ต่อคนค่ะ8.อื่น ๆ เบ็ดเตล็ด, ข้อควรรู้ตอนอยู่เวียดนามเรื่องที่มาเวียดนามแล้วหลัก ๆ เลยจะเป็นเรื่องของการใช้รถใช้ถนนค่ะ ที่นี่จะขับรถพวงมาลัยซ้าย ใช้เลนส์ขวา ซึ่งต่างจากไทยนะคะ เวลาข้ามถนนอาจจะต้องมองดี ๆ และหากนั่งรถสาธารณะแล้วได้ยินคนขับบีบแตร ไม่ต้องตกใจไปนะคะ ไม่มีเรื่องกันแน่นอนค่ะ ที่นี่บีบแตรเป็นเรื่องปกติเลยค่ะ อาจจะเห็นว่าที่นี่ขับรถไม่ค่อยโอเค แต่มุกบอกเลยว่าคนใช้มอเตอร์ไซค์ที่นี่ ทั้งคนขับคนซ้อน สวมหมวกกันน็อคทุกคนจริง ๆ ค่ะ อยู่มา 4 วัน ไม่เคยเห็นใครไม่สวมหมวกกันน็อคเลย ซึ่งถือว่าดีมาก ๆ เลยค่ะปลั๊กไฟ ที่นี่เต้ารับเหมือนที่ไทยเลยค่ะ ไม่ต้องใช้ปลั๊กแปลงเลย แต่มุกพกไปเผื่อนะคะ แต่ใครไม่อยากหนักกระเป๋าไม่ต้องพกไปก็ได้ค่าภาษาที่ใช้ มุกใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารค่ะ พนักงานโรงแรม พนักงานBana Hills ใช้ภาษาอังกฤษพูดคุยได้คล่องแคล่วเลยค่ะ แต่ถ้าเป็น Driver ที่ Grab Car เข้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ต้องใช้แอปแปลภาษาคุยกับเราแทน บางทีก็มีภาษามือปนไปด้วยค่ะ การแต่งกายที่เข้ากับช่วงที่ไป มุกไปช่วงปลายพฤษภาค่ะ ซึ่งสภาพอากาศ ณ ตอนนั้น จะเป็นฝนตก ปนอากาศร้อนค่ะ แนะนำพกรองเท้าแตะ กับกางเกงขาสั้นมานะคะช่วงนี้ แต่ใครขึ้น Bana Hills เตรียมเสื้อกันฝนมาด้วยก็ได้ค่า ข้างบนแพงค่ะ ซื้อข้างนอกเตรียมไปดีกว่าเวลา เวลาบ้านเค้าตรงกับไทยเลยค่ะ ไม่ต้องปรับนาฬิกาหรือเผื่อเวลานะคะสรุปค่าใช้จ่ายโดยรวมค่าเดินทางในทริปทั้งหมดรวมค่าตั๋ว ประมาณ 6,000 บาท/คน (รวมค่าเดินทางไปสนามบินและกลับจากสนามบินในไทยด้วย)ค่าที่พัก 1,530 บาท/คนค่าตั๋วเข้า Bana Hills 1,267 บาท/คนค่าประกันการเดินทางส่วนตัว 213 บาทของฝากตีกลม ๆ ประมาณ 1,000 บาทค่ากินทั้งอาหารคาว หวาน เครื่องดื่ม ประมาณ 2,000 บาทค่ากล่องสุ่ม (ฮ่า ๆ) เราซื้อมา 2 กล่อง ประมาณ 750 บาทรวมแล้ว ประมาณ 12,760 บาท ใครที่อยากลดงบประมาณมากกว่านี้ สามารถทำได้เลยนะคะ ส่วนเราอยากเที่ยวชิลล์ ๆ ทำงานมาครึ่งปี ขอผ่อนคลายนิดนึงค่ะขอบคุณสำหรับทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวของเรานะคะ แล้วเจอกันทริปหน้าค่า บ๊ายบายที่มารูปภาพ : ถ่ายเองทั้งหมดตลอดทั้งทริปเลยค่า อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !