เมืองหลวงประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ดูจะเป็นไม่เป็นที่นิยมมากนักสำหรับท่องเที่ยวไทย เพราะคนส่วนใหญ่มักจะไปเที่ยวนครวัดนครทม ที่อยู่เมืองเสียมเรียบแทน เพราะนอกจากจะสามารถไปจากชายแดนฝั่งปอยเปต ออกทางสระบุรี แวะเที่ยวบ่อนคาสิโน พนมเปญดูเหมือนจะไกลและไปยาก วันนี้จะพาไปเที่ยวเมืองพนมเปญ เนื่องจากได้ตั๋วราคาถูก Airasia 300 บาทบินจากมาเลเซีย ไปยังเมืองเสียมเรียบ เลยจัดการวางแผนเที่ยวเมืองพนมเปญรวบไปด้วย จริง ๆ ในพนมเปญมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและอนุสรสถานต่าง ๆ มากมาย พร้อมแล้วตามมาเลยค่ะ กัมพูชานั้นมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน เรามักจะได้ยินบ่าย ๆ ถึงอาณาจักรขอมโบราณ ผ่านหลายยุคหลายสมัย กัมพูชามีกษัตริย์ปกครองจนในปี 1866 กลายเป็นรัฐอารักขาภายใต้ฝรั่งเศสจนปี 1970 ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส และเหตุการณ์สำคัญที่พลิกประวัติศาสตร์กัมพูชา เมื่อกองทัพขเมรแดง ภายใต้การนำของพอลพตในปี1975 ผู้คนถูกวาดล้างออกไปนอกเมือง มีการละทิ้งศาสนา วัฒนธรรม ความเชื่อ ทุกอย่างเพื่อเริ่มต้นรัฐในอุดมคติ หรือสังคมใหม่ที่มีการรักษาเผด็จการโดยชนชั้นกรรมกร คนที่คิดต่างก็จะถูกกำจัดทิ้ง มีการสร้างคุกตวลสเลง ( S-21 ) และ Killing fields ประเทศถูกปิดตาย ไม่มีข่าวสารเล็ดลอดออกไปข้างนอก จนเวียดนามปลดปล่อยในสงครามเวียดนาม-กัมพูชา ในปี 1979 สิ้นกองทัพขเมรแดง ผู้นำถูกนำขึ้นศาลโลกเพื่อชำระความคดีฆ่าล้างเผ่าพันธ์คนในชาติ นำไปสู่บาดแผลของชาวกัมพูชาที่ไม่มีวันลืม ในช่วงเย็น ๆ คนกัมพูชามักจะมานั่งริมแม่น้ำโขง เมืองพนมเปญนั้นมีแม่น้ำโขงไหลผ่านเชื่อต่อกับโตนเลสาบ ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะเห็นว่าคึกคักมาก ๆ มีคนขายของและออกกำลังกายในช่วงเย็น ๆ ในวัดถัดมา เราจะไปเยี่ยมชมคุกตวลสเลง ปัจจุบันกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต็วลสเลง เพื่อให้ความรู้แก่บุคคลทั่วไปเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เพื่อให้เราระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตและเรียนรู้เพื่อใม่ทำซ้ำอีกในอนาคต ตัวคุก S-21 หรือตวลสเลงนั้นจะอยู่ในเมือง เดิมทีเคยเป็นโรงเรียนประถมที่หลังจากขเมรแดงมีอำนาจก็ดัดแปลงให้เป็นคุก เอาไว้สอบสวน ทรมานคนที่เป็นปฏิปักต์กับกองทัพขเมรแดง บรรยากาศหดหู่มาก บอกเลยว่าใครไปให้กินข้าวไปก่อนนะคะ เพราะว่าอาจจะซึมจนไม่อยากกินอะไรเลย และควรให้เกียรติสถานที่ ไม่ทำเสียงดังหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพราะที่ ๆ นี้เคยมีคนจำนวนมากถูกทรมารและฆ่าตายค่ะ ควรให้เกียรติคนเหล่านั้นด้วยค่ะ จะมีคนมากมายที่ถูกนำมาทรมานในคุกแห่งนี้ คนใส่แว่น นักวิชาการ ครู หมอ ทนาย คนที่มีความรู้ต่าง ๆ ชาวต่างชาติ หรือคนที่คิดว่าเป็นสายลับและชนกลุ่มน้อยเช่น พวกเวียดนาม เพราะชาวกัมพูชาไม่ชื่นชอบชาวเวียดนามค่ะ เลยโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษ คาดว่า 4 ปีที่ขเมรแดงเรืองอำนาจ คุก S-21 นี้ได้คร่าชีวิตคนไปราว 20000 คน ไม่รวมเด็กที่เขมรแดงฆ่าทิ้ง ปัจจุบันคุกได้แปลเปลี่ยนไปเป็นพิพิธภัณธ์เปิดให้คนเข้าชมได้ โดยรัฐบาลเยอรมันเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณการสร้าง เพื่อจะเตือนคนรุ่นหลังไม่ให้ประเทศกลับไปสู่ยุคมืดอย่างในช่วงขเมรแดง สามารถเข้าชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://tuolsleng.gov.kh/en/ โดยในทุก ๆ วันจะมีผู้รอดชีวิตจากการคุกนี้มาพบเจอกับนักท่องเที่ยวเพื่อให้ความรู้ สามารถพูดคุยกับเขาได้ด้วยค่ะ หลังจากช่วงเช้าได้เยี่ยมชมคุกตวลสเลง (S-21 ) ไปแล้ว ตอนบ่ายเราก็ได้ไปที่ทุ่งสังหารหรือ Killing Field ที่ห่างจากกรุงพนมเปญออกไป 14-15 กิโลเมตร คาดว่ามีคนที่ถูกสังหารตายไปถึง 2 ล้านคน โดยยังมีการเก็บเครื่องมือ จุดฝังศพ และกระดูกไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีิวิตไปแล้ว สามารถเช่า Audio guide เพื่อรับฟังข้อมูลเวลาเราเดินไปจุดต่าง ๆ แนะนำว่าควรทำใจก่อนนะคะ เพื่อค่อนข้างสะเทือนใจมากทีเดียว โดยเฉพาะในภาพข้างบนนั้น ขเมรแดงจะนำเด็กทารกมาฟาดกับต้นไม้จนตาย มีรายงานว่าตอนพบทุ่งสังหารนั้น ยังมีเศษอวัยวะติดอยู่บนต้นไม้ โหดร้ายมากเลยค่ะ และช่วงที่ทำการสังหารนั้นจะมีการเปิดเพลงปลุกใจเพื่อกลบเสียงร้องของเหยื่อ พอฟังถึงจุดนี้ เราถึงกับอยากจะร้องไห้ออกมาเลยค่ะ พอสิ้นสุดทริปของเรานั้น ทำให้เรากลับมามองตัวเอง ว่าเราโชคดีขนาดไหนที่ที่ผ่านวิกฤติในชาติมา และยังมีวัฒนธรรมหลงเหลือ มีแผ่นดิน และบรรพบุรุษที่ไม่ได้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในจุดนึงเมื่อมนุษย์ถูกครอบงำด้วยความคิดบางอยู่จนไม่มีความพอดี ต้องการเปลี่ยนแปลงแม้กระทั้งกำจัดคนที่คิดไม่เหมือนกัน ยุคนั้นสามารถเรียกว่าเป็นยุคมืดได้จริง ๆ ค่ะ เหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ในกัมพูชานั้นพึ่งเกิดไป 40 ปีกว่านี้เอง เปรียบเสมือนแผลสดที่ยังทิ้งรอยแผลไว้ให้คนในชาติ การเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ทำให้เตือนใจเสมอถึงสงครามและความโหดร้ายของการฆ่ากันเองค่ะ โลกคือหนังสือเล่มหนึ่ง คนที่ไม่เคยเดินทางเลย คือ คนที่อ่านหนังสือเพียงหน้าเดียว The world is a book and those who do not travel read only one page - St. Augustine ( รูปทั้งหมดถ่ายโดยนักเขียนใช้ในนามปากกา Whynottravel )