หลังจากลงเครื่องที่คูเวตแล้ว ผมก็นั่งรถบัสกลับไปที่เทอร์มินอล 4 เทอร์มินอลเดียวกับที่ผมมาเหยียบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พอไปถึงก็ต้องผ่านด่านตรวจความรักษาปลอดภัย คราวนี้กระเป๋าผมไม่โดนสแกนซ้ำเหมือนตอนอยู่สนามบินอิสตันบูลละ (ก็ใช่สิ กระเป๋าอันนั้นมันใบโหลดใต้เครื่อง จะเอามาสแกนตรงนี้ทำไมละ 555555) หลังจากเดินออกมา ผมก็ขึ้นไปเดินที่ชั้นสองของสนามบิน ซึ่งผมบอกเลยว่า "ไม่มีอะไรเลย" เพราะตอนนั้นอาคารนั้นเพิ่งเปิดได้ไม่นาน หลายๆ อย่างยังอยู่ในช่วงก่อสร้าง ก็เลยมีแค่ดิวตี้ฟรี 2 ร้าน คาเฟ่เล็กๆ คูเวต แอร์เวย์ lounge กับสตาร์บัค ร้านหนึ่งบนชั้น 2 อีกร้านที่ชั้น 1 เดินไปรอบๆ อาคารแล้วก็ไม่มีอะไรทำ เพราะ lounge ก็อยากเข้า แต่ว่าถ้าจะเข้า เราต้องจองก่อนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ค่าเข้าประมาณ 900 บาท* แล้วผมอยู่ที่สนามบินอีกแค่ไม่กี่ชั่งโมง เดี๋ยวก็ต้องบินกลับแล้ว เลยตัดสินใจเดินเล่นต่อไป *ข้อมูลอ้างอิงจาก kuwaitairways.com (https://www.kuwaitairways.com/en/is/maraheb) สักพักนึง ผมก็คิดในใจว่า "ไปซื้อสตาร์บัคดีกว่า อยากหาอะไรดื่มหน่อย" ผมเลยไปที่สตาร์บัค แล้วสั่งช็อคโกแลตร้อนมา 1 แล้ว ตามธรรมเนียมของสตาร์บัค เขาจะต้องถามว่าเราชื่ออะไร จะได้เขียนไว้ข้างแก้ว ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน พนักงานร้านก็ถามผมว่าชื่ออะไร ผมก็คิดว่า "เขาจะฟังชื่อเรารู้เรื่องเปล่าเนี่ย" ผมเลยบอกไปว่า "Here" ยื่นบอร์ดิ้งพาสไปให้ แล้วก็คิดในใจว่า "เอาชื่อไปดูเองเหอะ เดี๋ยวกลัวบอกไปไม่รู้เรื่อง 555555" ไม่แค่นั้น พอผมไปจ่ายเงิน ผมก็ต้องจ่ายเดินดอลล่าร์สหรัฐ เพราะผมไม่มีเงินคูเวต คิดอยู่เท่านั้นแหละว่าไม่มีเงินคูเวต พนักงานเขาทอนมา 0.25 ไดน่าร์คูเวต ผมก็คิดว่า "อะ.... เอาไงดีเรา" ผมก็เดินตระเวนไปทั่วเทอร์มินอลเพื่อที่จะหาวิธีใช้ 0.25 ไดน่าร์คูเวตที่ได้มา เดินไปเดินมาก็ถึงนึกได้ว่า "0.25 ไดน่าร์คูเวตมันเท่ากับ 25 บาท มันจะมีอะไรขายราคา 25 บาทในดิวตี้ฟรีสนามบินละ!! 5555" แล้วก็ยอมรับความจริงว่าเราได้เงินคูเวตกลับบ้านมาละ 5555 เสร็จแล้วก็นั่งเล่นไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาขึ้นเครื่อง ก่อนขึ้นเครื่องไป ผมก็รอเปลี่ยนที่นั่งให้เป็นที่ริมหน้าต่าง ระหว่างนั้นก็มีชาวต่างชาติจากลัตเวีย 3 คน ยืนอยู่หน้าผม เขาก็คุยกับพนักงาน ผมได้ยินมาประมาณว่า "พวกผมบินมาจากลัตเวียมา เขาบอกว่าที่นี่ [สนามบินคูเวต] จะออกบอร์ดิ้งพาสให้ ตอนนี้พวกเรายังไม่มีบอร์ดิ้งพาสเลย" ผมก็ยืนคิดนะ ว่า "น่าจะนานแฮะ ไม่เปลี่ยนที่นั่งแล้วไปนั่งรอดีกว่า..." ขึ้นเครื่องไปแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนัก นอนไปสักพักแล้วก็ตื่นมาทานแซนวิชที่เขาแจก ประเด็นคือแซนวิชที่ผมได้มา (ผมไม่รู้นะว่าอันนี้ตัวผมคนเดียวหรือเปล่า) ผมกัดเข้าไปคำเดียวเท่านั้นแหละ ไอเลย อันนี้แค่กัดนะครับ ยังไม่ได้เคี้ยวหรืออะไรเลย ไอเรียบร้อย ผมแบบว่า "เอาละ... เสียงหายแน่ สัปดาห์นี้" แล้วสุดท้ายเป็นไง? เสียงก็หายตามที่คิดไว้เลย (แล้วยังจะมีหน้าไปกินแซนวิชนั้นหมดเนอะ 5555555) ประมาณ 10:30 เครื่องก็ลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ ถือว่าเป็นการปิดฉากทริปตุรกีครั้งนี้ (และปิดฉากเสียงผมด้วย เสียงหายไปสัปดาห์นึง 555555)