นิทรรศการงานศิลปะรอบเขตพระนคร AMAZING BLOOMING BANGKOK 2022 ที่ได้จัดขึ้นในช่วงวันที่ 17-26 มิถุนาที่ผ่านมานั้น ได้สร้างสีสรรที่สวยงามให้พื้นที่เขตพระนครในยามราตรีให้โดดเด่นและชวนให้ค้นหา หลังจากที่เมืองหลวงของเราเงียบเหงามาเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง อันเนื่องจากการเกิดขึ้นของโรคระบาด จนทำให้บรรยากาศโดยรวมของเมืองใหญ่ดูเงียบเหงาซบเซาเป็นอย่างมาก พอได้จังหวะ สถานการณ์เริ่มดีขึ้น เหล่าบรรดาศิลปินก็ได้ใช้งานศิลปะเป็นเครื่องมือในการสื่อสารความหมายบางอย่างแก่คนในสังคมเฉกเช่นผลงานชุดนี้ ที่ได้นำการประดับแสงไฟและดอกไม้ประดับในมุมต่าง ๆ ตามจุดสำคัญของเขตพระนคร จึงทำให้ยามค่ำคืนที่เคยมืดหม่นปนเหงากลับมาเบ่งบานความสวยงามและเปล่งประกายแสงแห่งความหวังอีกครั้งหนึ่ง บางครั้งก็เป็นเราเองนั่นแหละ ที่ลืมถามตัวเองว่า “ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง” จุดแสดงผลงานกระจายตัวออกไปยัง 6 จุด แต่มีผลงานแสดงถึง 8 ผลงาน ไม่ว่าจะเป็นที่บริเวณสวนสันติชัยปราการ ที่จุดนั้นมีผลงานอยู่จัดแสดงอยู่ 2 ชุด ได้แก่ BOO IN BLOOMING ที่สื่อถึงเด็กผู้หญิงที่อยู่ท่ามกลางดอกไม้ที่เบ่งบานและความงามของกรุงเก่า งานนี้ได้สื่อสารในมุมที่สดใสและร่างเริง ส่วนอีกชิ้นที่จัดแสดงอยู่ใกล้กันคืองานที่ชื่อว่า Blossoms the town เป็นงานที่สื่อถึงความเบ่งบานที่งดงามบนอัตลักษณ์ของความเป็นไทย เพื่อให้เกิดมุมมองที่ร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น ใกล้กันอีกจุดคือป้อมพระสุเมรุ เป็นงานที่ใช้การฉายแสงสาดไปยังตัวอาคารของป้อมที่สื่อให้เห็นความสดใสและบานสะพรั่งของดอกไม้ในแต่ละช่วงเวลา งานชุดนี้ Season of Bloom จัดแสดงพร้อมกันสองที่คือบริเวณด้านหลังของอาคารมิวเซียมสยาม เมื่อได้ยืนมองนิ่ง ๆ ภาพของเหล่าดอกไม้ที่บานสลับไปมาในเงามืด ได้ดึงเราเข้าสู้โลกแห่งการหลุดพ้นจากการยึดติตัวตน เพราะสัจจะธรรมที่ได้ปรากฏต่อหน้าทำให้เราได้เข้าใจกฏของชีวิตได้เป็นอย่างดี ว่าใดใดในโลกนี้ ล้วนมีที่มาและจากไป ส่วนที่เหลือทิ้งไว้คือความสวยงามในความดีที่จะประดับประดาโลกใบนี้ต่อไป ย้อนกลับมาตรงถนนพระอาทิตย์อีกรอบ ยังมีผลงานอีกชุดหนึ่ง The happiness circle เป็นงานที่สวยงามยิ่งนักเมื่อได้มองใกล้ ๆ ที่หอศิลป์ ณ บ้านเจ้าพระยา อุโมงค์ดอกไม้และแสงสีที่ถูกจัดไว้ประหนึ่งทางเดินสู่สวนสวรรค์ ประกอบกับฉากหลังที่เป็นตัวอาคารเก่าร่วมสมัยสีขาวนวล ดูแล้วชวนให้จิตนาการไปว่านี่คงเป็นดินแดนในความฝันที่ใครสักคนแอบฝันถึงก็เป็นได้ บางงานอาจไม่ต้องมีนัยยะอะไรมากมาย ของเพียงแค่มองแล้วสุขใจก็เกินพอ ขยับมาอีกหน่อยบริเวณหัวมุมถนนจักรพงษ์ ที่พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ กับชิ้นงานที่มีชื่อว่า The blooming bus มันคืออีกหนึ่งชิ้นงานที่สะดุดตาและสะดุดใจผมเป็นอย่างมาก เพราะการเอารถบัสประจำทางที่เราพบเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนนในกรุงเทพฯ มาประดับแสงไปและดอกไม้ให้ดูสดใสและเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น ทำให้ภาพลักษณ์ของรถบัสที่คุ้นชินเปลี่ยนไปได้มาก รถบัสที่ประหนึ่งตัวแทนคนส่วนมากของเมืองกรุงหากมันถูกทำให้ความหวังในชีวิตเบ่งบานและสดใสได้ คงจะดีไม่ใช่น้อย เพราะนี้คือชีวิตนี่คือวิถีที่ใกล้ชิดกับคนกรุงเทพมากที่สุดอีกอย่างหนึ่ง หวังว่ารถบัสคันอื่น ๆ จะสวยงามและเบ่งบานความสุขได้เช่นคันนี้ อาจไม่ต้องประดับแสงไฟหรือจัดดอกไม้ เพียงแค่ทำหน้าที่ของตนให้ดีและเต็มที่กับสิ่งนั้น แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้วสำหรับคนอย่างเรา ๆ Butterfly effect ณ โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ เป็นอีกหนึ่งจุดสนใจที่ใคร ๆ ต่างชื่นชอบ เพราะด้วยจุดที่ตั้งของโรงพิมพ์เองที่อยู่ใกล้เสาชิงช้า และตัวอาคารก็มีเสน่ห์ในแบบฉบับของตัวมันเอง ใครก็ตามที่ได้แวะมาที่นี้รับรองว่าภาพที่ได้เห็นคุ้มค่าแก่การหลงทางจริง ๆ ที่ว่าหลงเพราะงานชิ้นนี้จัดแสดงอยู่ในซอยเล็ก ๆ ที่หากไม่ทันสังเกต เป็นต้องวนเสาชิงช้ากันอีกรอบเป็นแน่ แต่เมื่อได้สัมผัสกับความงามที่ซ่อนตัวอยู่ มันก็คุ้มค่ากับการได้ค้นหา เช่นเดียวกันกับทุกวันนี้ การที่ใช้ชีวิตแบบเร่งรีบจนเกินไป อาจทำให้เราพลาดเรื่องราวดี ๆ จากเรื่องเล็ก ๆ คนใกล้ตัวก็เป็นได้ ด้านหลังอาคารมิวเซียมสยามนอกจากจะมีการสาดแสงไฟที่สะกดตาสะกดใจแล้ว ก็ยังมีลานสนามหญ้าโล่ง ๆ ที่วันนี้ไม่ได้โล่งเพราะมีการจัดกิจกรรมดนตรีในสวน เพื่อสร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาให้คนกรุงในยามเย็น และตรงหลังจุดแสดงของนักดนตรี ก็มีอีกหนึ่งผลงานที่วางตระง่านอยู่ มองจากไกล ๆ ก็สามารถเห็นได้ชัดถึงความงามของเรือดอกไม้ลำนี้ Flower X-Ray คือการจัดวางที่ลงตัว ทั้งรูปและแสงแถมวันนี้ยังมีเสียงประกอบ เรียกว่าครบองค์กันเลยทีเดียว ทันทีที่ท้องฟ้ามืดลงนั้น แสงไฟแห่งเรือดอกไม้ก็เผยให้เห็นความสว่างสดใสและสวยงาม ประหนึ่งนาวาแห่งความหวังที่กำลังฝ่าคลื่นมรสุมเพื่อไปยังดินแดนแห่งความฝัน ในไม่ช้าเรือลำนี้จะลอยไปและส่องแสงแห่งความหวังให้แก่ทุกหมู่มวล มาถึงจุดสำคัญที่ผู้คนมากมายหลงไปกับสิ่งนี้ นั่นคือบริเวณสนามหญ้าหน้าอาคารมิวเซียมสยาม ที่โดยปกติจะมีประติมากรรมหินโค้งตั้งอยู่โดดเดี่ยวพร้อมฉากหลังที่เป็นอาคารเก่าแก่ฝีมือช่างชาวอิตาลี แต่มาวันนี้ กลับมีเก้าอี้หลากหลายรูปแบบ ตั้งเรียงรายอย่างไรระเบียง ราวกับว่าทุกอย่างไร้กฏเกณฑ์และรูปแบบในการจัดวาง ทว่า เมื่อได้เดินดูอย่างช้า ๆ กลับพบรูปแบบบางอย่างที่ซ่อนตัวอยู่ รูปแบบทุถูกสื่อสารออกมาจากตัวอักษรที่ถูกเขียนลงบนส่วนต่าง ๆ ของเก้าอี้เหล่านั้น SEAT A SOUL เก้าอี้พูดได้ เก้าอี้ที่มีค่ามากกว่าการได้นั่ง เพราะเนื้อความที่ศิลปินได้จารึกเอาไว้บนเก้าอีกแต่ละตัว ล้วนมีนัยนะแฝงมากมายให้คิดต่อ ไม่ว่าจะเป็นความหมายโดยตรงจากตัวอักษรที่ปรากฎ ที่บอกให้เรายิ้ม ให้เราสู้ และให้เรามีความหวัง หรืออาจจะเป็นนัยยะที่แฝงไว้ ว่าคราใดที่คุณเหงา เศร้า ท้อแท้ หมดหวัง หรือสิ้นกำลังใจ ก็จงหามุมสักมุมหนึ่งแล้วนั่งลงคุยกับตัวเองสักหน่อย ถามไถ่ตัวเองสักนิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา เพราะไม่ใครเข้าใจเราได้ดีไปกว่าตัวเราอีกแล้ว คนอื่นอาจจะบอกเราได้ ว่าให้สู้ ให้ยิ้ม แต่หากเราไม่บอกกับตัวเองให้สู้และยิ้ม ก็เป็นเรื่องยากที่จะลุกขึ้นแล้วเดินก้าวไป เรื่องราวของชีวิต ก็มีทั้งดีและร้ายเข้ามาในทุก ๆ วัน เราคงเลือกไม่ได้ทั้งหมดว่าจะเจอกับในชีวิต แต่เราเลือกได้ว่าจะเก็บและทิ้งอะไรออกไปจากชีวิต แต่บางครั้งการได้เจอกับเรื่องแย่ ๆ ก็ไม่ได้แย่เสมอไป เพราะแม้แต่ดอกไม้ที่จะแต่ของเน่าใส่ใส่ลงไปในดิน มันยังสามารถเติบโตและเบ่งบานได้เช่นกัน ชีวิตก็เช่นนั้น จงเบ่งบานในวิถีของตน และส่งกลิ่นหอมให้คนที่เคยทำร้ายเราได้เห็นว่า ไม่มีใครทำร้ายเราได้…Facebook By Bike Diary27-6-65#BBD*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565