กราบหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน สมเด็จพระสังฆราชไทยพระองค์ที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ วัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร (พลับ ) เมื่อเอ่ยถึงหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าท่านคือ สมเด็จพระสังฆราชไทยพระองค์ที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่มากความสามารถทางด้านทางธรรมและการรักษาจิตด้วยการปรับธาตุ ทำให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บได้จากการกรรมฐาน จนได้รับยกย่องให้เป็นครูอาจารย์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ( รัชกาลที่ ๑ ) อีกทั้งประชาชนให้ความเคารพนับถือเป็นพระเถระผู้ทรงอภิญญาท่านหนึ่งในกรุงรัตนโกสินทร์ แห่งวัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร หรือ คนในย่านฝั่งธนบุรีรู้จักกันดี ในชื่อว่า "วัดพลับ" ตั้งอยู่ถนนอิสรภาพ ซอย 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร จากประวัติกล่าวไว้ว่า หลวงปู่สุก ท่านเกิดวันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2276 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศและบวชเป็นพระที่วัดข่อย กรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันวัดนี้เป็นวัดร้าง อยู่หลังวัดพุทไธศวรรย์ ท่านมีพระอาจารย์ชื่อ ขรัวตาทอง ต่อมาท่านได้รับเชิญจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ( รัชกาลที่ ๑ ) และสร้างวัดพลับให้ท่านจำพรรษา หลังจากนั้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ( รัชกาลที่ ๒ ) ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระราชาคณะ มีนามว่า พระญาณสังวร ด้วยการที่ท่านมีความเมตตาสูง ทำให้พระบรมวงศานุวงศ์ต่างมาเป็นลูกศิษย์ เพื่อศึกษาธรรมกับท่านหลายพระองค์ และในที่สุดท่านได้รับแต่งตั้งเป็นสมเด็จพระสังฆราชไทยพระองค์ที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ผู้เขียนได้อ่านประวัติของหลวงปู่สุก มาแบบคร่าว ๆ จึงได้ใจความประวัติของท่านมาประมาณนี้ จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาท่านอีกคนหนึ่ง จึงรีบขวนขวายมากราบไหว้ สักการะท่านถึงวัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร ( พลับ ) และการเดินทางมายังวัดสะดวกสบาย อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT ลงสถานีอิสรภาพ ทางออกซอย 23 แล้วเดินเข้ามาวัดประมาณ 200 เมตร จะพบประตูทางเข้าวัดที่สูงเด่นเป็นสง่าอยู่เบื้องหน้า เมื่อมองไปทางด้านหน้าจะพบเจดีย์ขนาดใหญ่สีขาว ชื่อว่า " พระสิริจุมภฏะเจดีย์ " ตั้งอยู่ ส่วนทางด้านขวาเป็นพระอุโบสถย่อย และหากมองไปตรงกลาง จะเป็นพระอุโบสถขนาดใหญ่ เมื่อเข้ามาภายในอุโบสถหลังใหญ่จะพบพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีเหลืองอร่ามตั้งประดิษฐานอยู่ มีพระนามว่า " พระพุทธจุฬารักษ์ " โดยตามประวัติของวัดกล่าวไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ( รัชกาลที่ ๒ ) ทรงปั้นพระเศียร ส่วนพระวรกาย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ ๓ ) ทรงปั้นได้อย่างสวยงาม นับว่าทรงให้ความสำคัญกับวัดนี้มาก หากเรากราบไหว้ขอพรองค์พระพุทธรูปเรียบร้อยแล้ว ทางด้านหน้าของอุโบสถจะมีศาลาหลังเล็กติดกำแพง นั่นคือ สถานที่ประดิษฐานหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน สมเด็จพระสังฆราชไทยพระองค์ที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เพื่อให้ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาได้มากราบไหว้ขอพร บริเวณวัดกว้างขวางดูโออ่า แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นวัดเก่ามาก่อน สามารถบูรณะได้เหมือนวัดใหม่ ๆ ทั่วไป แต่ในความเป็นจริงวัดนี้มีเรื่องราวมากมายตามประวัติศาสตร์ ผู้เขียนพลางคิดไปเรื่อยเปื่อย จนเดินวนรอบพระอุโบสถได้ 1 รอบ จะพบรูปปั้นสัตว์ต่าง ๆ มากมาย หรือที่เรียกกันว่า ตุ๊กตาจีน เช่น สิงห์ ช้างและสัตว์อื่น ๆ ตั้งวางอยู่รอบพระอุโบสถ ส่วนพื้นโดยรอบพระอุโบสถเป็นหินอ่อนทั้งหมด ทำให้เดินได้อย่างสะดวกสบาย ทางด้านข้างของพระอุโบสถจะมีประตูทางเชื่อมสามารถเดินผ่านเข้าไปยังพระวิหารอีก 2 หลังได้ โดยพระวิหารหลังแรกที่มีสีแดงไม่เปิดให้เข้าชม อาจจะต้องขออนุญาตทางวัดก่อน ส่วนอีกหลังถัดไปเป็นพระวิหารของพระพุทธเมตตา ปางมารวิชัย ซึ่งตั้งประดิษฐานอยู่ด้านใน เป็นพระพุทธรูปทำด้วยหยก โดยจำลองมาจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย สร้างขึ้นโดย แม่ชีอุ่นเรือน เนียมลิ้ม และคณะญาติมิตร ผู้เขียนขออนุโมทนาบุญกับผู้สร้างด้วย นอกจากนี้ภายในพระวิหารหลังนี้ยังมีรอยพระบาทให้กราบสักการะอีกด้วย ก่อนที่จะมาวัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร (พลับ ) ผู้เขียนได้ค้นข้อมูลมาบ้างส่วนหนึ่งและได้รับความเมตตาจากพระครูสิทธิสังวร ผู้ช่วยท่านเจ้าอาวาส หรือ หลวงพ่อวีระ อีกทั้งท่านยังเป็นผู้สอนกรรมฐานที่หลวงปู่สุก ได้สอนไว้สืบทอดต่อ ๆ กันมา โดยท่านรองเจ้าอาวาสได้แบบกรรมฐานมาจากทายาทของปู่เปี่ยม ปานเปี่ยมเกียรติ มีเชื้อสายจีน ซึ่งอดีตท่านเป็นฆราวาสจอมขมังเวทย์ ที่มีจิตสมาธิแน่วแน่มีความสนใจในพุทธศาสนา นับว่าท่านเป็นปูชนียบุุคล ที่เลิศในการเขียนยันต์และพระคาถาต่าง ๆ สำหรับป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ รวมไปถึงตำรับยาสมุนไพร จนกรมหลวงชุมพร ฯ ท่านมาเป็นศิษย์ เมื่อกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดครบหมดแล้ว จึงมุ่งหน้าไปหลังวัดทันที เพราะที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์กรรมฐาน สมเด็จพระสังฆราช(สุก ไก่เถื่อน) อยู่ในซอยคณะ 5 ของวัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร (พลับ ) ภายในพิพิธภัณฑ์กรรมฐานแห่งนี้ นอกจากจะเป็นศูนย์รวมของนักปฏิบัติธรรมที่ศรัทธาในคำสอนของหลวงปู่สุกแล้ว ยังมีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของพระเกจิชื่อดังของเมืองไทย รวมไว้ที่นี่ เช่น ขรัวตาทอง วัดท่าหอย , หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ , สมเด็จพระพุฒาจารย์โต และอดีตท่านเจ้าอาวาส วัดราชสิทธาราม อีกหลายท่าน และยังมีข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณตั้งโชว์ไว้อีกมากมาย สำหรับการเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กรรมฐาน ต้องได้รับการอนุญาตก่อน เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นสถานปฏิบัติธรรม ต้องการความเงียบสงบ และต้องปฏิบัติตามกฎระเบีนบอย่างเคร่งครัด แต่ช่วงนี้เนื่องด้วยการระบาดของโรคโควิด - 19 ทางวัดจึงไม่รับผู้ปฏิบัติธรรม คงต้องรอให้สถานการณ์ดีขึ้น แล้วทางวัดจะประกาศอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการได้มาสัมผัสวัดวัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร (พลับ ) ทำให้รู้ว่าพุทธศาสนาของประเทศไทยนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด ความเลื่อมใสศรัทธาของคนในอดีตที่มีความผูกพันกับวัดมาอย่างช้านาน จนส่งผลให้ลูกหลานในปัจจุบันได้ชื่นชมความวิจิตรสวยงามของวัดสืบต่อมา ก่อนกลับผู้เขียนจะขอฝากพระคาถาพญา ไก่เถื่อน มรดกธรรมของสมเด็จพระสังฆราชไทยพระองค์ที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ดังนี้ ให้ว่า นะโม สามจบ แล้วว่า พุทธัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิ ฯ ( แล้วสวดพระพุทธคุณ 1 จบ ) อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ ฯ แล้วจึงว่าพระคาถา พญาไก่เถื่อน 3 จบ , 5 จบ , 9 จบ ตามสะดวก เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ เพียงเท่านี้ก็ถือว่าได้กราบสักการะ หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน สมเด็จพระสังฆราชไทยพระองค์ที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ อย่างครบถ้วน สามารถติดต่อเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กรรมฐาน ได้ที่เบอร์ 088 651 7023 เรื่องและภาพโดยผู้เขียนทั้งหมด : Chidapa Bam #หลวงปู่สุกไก่เถื่อน #วัดพลับ #วัดราชสิทธาราม #ธนบุรี #อิสรภาพ23 #ChidapaBam อัปเดตบทความท่องเที่ยวตามสถานที่อันหลากหลาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !