เมื่อมีเหตุให้ต้องมาทำธุระไกลถึงเมืองแม่สอด จังหวัดตาก ดินแดนที่ได้ชื่อว่า "สุดประจิมที่ริมเมย" เนื่องจากแม่สอดมีแม่น้ำเมยกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเมียนมาร์ เมื่อทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งแวะเที่ยวและ Shopping ในตัวเมืองแม่สอดก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อนที่แม่สอดบอกขึ้นมาว่า ลองข้ามแดนไปเที่ยวที่ฝั่งเมียนมาร์ด้วยสิ ตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ด้วยผมยังพอเหลือเวลาอีกประมาณ 4 - 5 ชั่วโมงก่อนเครื่องจะออก จึงตัดสินใจในทันทีว่าจะลองข้ามแดนไปฝั่งเมียนมาร์ตามข้อเสนอของเพื่อนเพื่อไปไหว้พระ โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องเดินทางไป - กลับภายในระยะเวลา 2 ชั่วโมง ! สำหรับการเดินทางไปเยือนเมียวดี เมืองแห่งชาวพุทธ และวัดงาม เมืองเมียวดี หรือที่ชาวเมียนมาร์เรียกกันว่า “มยะวะดี” เป็นเมืองเศรษฐกิจชายแดนที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศเมียนมาร์ ปัจจุบันตั้งอยู่ในรัฐกะเหรี่ยง ภายใต้การปกครองแบบท้องถิ่นที่มีการผสมผสานระหว่างทหารพม่าและกองกำลังชนกลุ่มน้อย ซึ่งการจะข้ามพรมแดนจากแม่สอดไปยังเมียวดีได้นั้น จะต้องทำบัตรผ่านแดน สำหรับคนไทยใช้เพียงบัตรประชาชน ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ก็เป็นอันสำเร็จเรียบร้อย โดยมีเงื่อนไขจะต้องเป็นการข้ามแดนภายใน 1 วัน และไปในระยะทางที่ไม่ไกลเกินกว่าที่กำหนด สำหรับด่านฝั่งแม่สอด ประเทศไทย จะมีค่าธรรมเนียมสำหรับทำบัตรผ่านแดน 30 บาท ส่วนด่านทางฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมาร์ จะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 20 บาท เมื่อข้ามสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมาร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงครู่เดียวก็เข้าเขตเมืองเมียวดี ความตื่นตาค่อย ๆ เริ่มขึ้นเมื่อเข้าเขตเมืองเมียวดี สองข้างทางเต็มไปด้วยป้ายตัวอักษรภาษาเมียนมาร์ แต่ก็แอบมีป้ายภาษาไทยพอสมควร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนไทยเข้ามาทำการค้าหรือมาท่องเที่ยวในเมียวดีเป็นจำนวนไม่น้อย ความโดดเด่นที่เห็นได้ชัด คือถนนหนทาง การจราจรมีความสะดวกสบายมากเนื่องจากเป็นเส้นทางเศรษฐกิจสำหรับเมียนมาร์ในการติดต่อค้าขายกับไทย รวมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งเส้นทางสำหรับการเปิดตลาดสู่อินโดจีน ความโดดเด่นอีกประการที่สัมผัสได้ชัดก็คือวัดวาอารามงามเรืองรอง ด้วยประกายสีทองของมหาเจดีย์งามระยิบระยับ สะท้อนถึงความเลื่อมใสศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาของชาวเมียนมาร์เป็นอย่างยิ่ง ราว 10 นาที คนขับรถชาวเมียนมาร์พาผมมาถึงที่วัดเจดีย์ทอง หรือที่คนเมียนมาร์เรียก “วัดส่วยมินวุ่น” เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีประวัติยาวนาน ซึ่งเป็นวัดที่ผมตั้งใจมาเยือนตามคำแนะนำของเพื่อน เพื่อสักการะ “พระมหามุณี” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนในเมียวดีต่างให้ความเลื่อมใสศรัทธา ทันทีที่ถึงวันสิ่งที่ผมเห็นแล้วรู้สึกว่างดงามเห็นจะหนีไม่พ้น มหาเจดีย์ทองคำที่ตั้งตระหง่าน ซึ่งให้ความรู้สึกว่ารูปทรงงานสถาปัตยกรรมนั้นประพิมพ์ประพายกับมหาเจดีย์ชเวดากองที่นครย่างกุ้งเป็นอันมาก วัดเจดีย์ทองแห่งนี้ทราบคนขับรถชาวเมียนมาร์ว่า รูปทรงของเจดีย์องค์นี้เป็ศิลปะแบบมอญ บริเวณด้านบนสุดประกอบด้วยยอดฉัตรซึ่งทำจากทองคำแท้ ประดับด้วยอัญมณีหลากหลายชนิด โดยมีพระพุทธรูป และเจดีย์ลดหลั่นประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ ด้ายนอกสุดมีสิงโตที่มีหัวเป็นคนทำหน้าที่ปกป้องเจดีย์ตามความเชื่อ นอกจากนี้สิ่งที่ผมประทับใจอีกประการก็คือรูปแบบงานสถาปัตยกรรมของวิหาร หรืออาคารต่าง ๆ ภายในบริเวณวัดซึ่งเป็นศิลปะแบบเมียนมาร์ที่ดูวิจิตรบรรจง มีมนต์ขลังมาก ภายในวัดเจดีย์ทองแห่งนี้มีสถานที่สำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปองค์สำคัญมากมาย พระพุทธรูปแต่ละองค์ดูแล้วมีพุทธลักษณะที่สวยงามโดยเฉพาะพระพักตร์มีความเป็นเอกลักษณ์ยิ่ง ซึ่งกว่าที่ผมจะกราบสักการะและชื่นชมกับงานสถาปัตยกรรมได้ครบถ้วนก็ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง ก็ต้องรีบบอกคนขับรถให้พาไปดูตลาดซักเล็กน้อยก่อนกลับออกจากเมียวดี แล้วจริง ๆ แล้วเมียวดียังมีวัดอีกมากมายให้ได้ไปชื่นชม รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนให้ได้ศึกษา แต่ทว่าเวลาของผมที่กำหนดไว้น้อยนิดเหลือเกินเนื่องจากไม่ได้ตั้งใจจะมาเยือนตั้งแต่ทีแรก แต่หลังจากนี้ตั้งใจไว้แล้วว่า มาแม่สอดคราวหน้า คงจะต้องมีเมียวดีอยู่ในโปรแกรมการเดินทางอย่างแน่นอน ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน