เที่ยวญี่ปุ่นแบบใสใส ที่ “วัดน้ำใส” เกียวโต วันนี้จะขอแนะนำสถานที่ฮอตฮิตอีกแห่งของประเทศญี่ปุ่น ในเมืองเกียวโต นั่นก็คือ “วัดน้ำใส” หรือ Kiyomizu-Dera ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสไปสัมผัสบรรยากาศในระหว่างการแข่งขัน Rally กับเพื่อน ๆ ชาวต่างชาติ โดยการทำภารกิจนั้นจะต้องเดินรอบและสังเกตทุกซอกทุกมุมของสถานที่แห่งนี้ จึงอยากจะมีรีวิวความประทับใจของที่นี่ (รูปภาพจากเจ้าของบทความ) ช่วงที่ผู้เขียนไปเกียวโตคือช่วงประมาณต้นเดือนพฤษภาคมซึ่งตรงกับฤดูใบไม้ผลิ แต่บอกเลยว่าอากาศกว่าฤดูหนาวของบ้านเราเสียอีก อุณหภูมิอยู่ที่ราว ๆ 15-20 องศาเซลเซียส บรรยากาศของวัดน้ำใสนั้นล้อมรอบด้วยธรรมชาติ และจะต้องจอดรถส่วนตัวหรือรถบัสข้างล่างก่อน จึงจะเดินขึ้นมาได้ แม้บรรยากาศจะรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ต้นไม้ ภูเขา แต่สถานที่นี้ก็ถือว่าเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ดังนั้นอาจจะต้องทำใจเรื่องจำนวนคนที่มากและต้องพยามหามุมถ่ายรูปสวย ๆ แบบไม่ให้ติดคน ประมาณหนึ่ง (กรณีที่ซีเรียสมาก ๆ ต้องการหลบคน) (รูปภาพจากเจ้าของบทความ) ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวหลายคนนิยมใส่ชุดประจำชาติอย่างกิโมโนหรือยูคาตะเดินรอบ ๆ วัด ซึ่งชุดนั้นสามารถหาเช่าได้ ลองหาข้อมูลกันดูนะคะ นอกจากชุดประจำชาติแล้ว หนุ่ม ๆ สาว ๆ ยังได้เพลิดเพลินกับชุดนักเรียนในเครื่องแบบของเด็ก ๆ เหมือนหลุดออกมาจากซีรีส์หรือการ์ตูนญี่ปุ่นประมาณนั้นเลย (รูปภาพจากเจ้าของบทความ) ระหว่างทางเดิน (อันยาวไกล) จะมีสิ่งที่น่าสนใจต่าง ๆ มากมาย ที่บางครั้งอาจจะน่าถ่ายรูป หรือบางครั้งอาจจะดูดทรัพย์ในกระเป๋าของเราได้ เช่น ร้านกาแฟ (สตาร์บัคส์ของที่นี่ก็มีนะ) ร้านขายของที่ระลึก รายขนม (ขอแนะนำ Pringle รสทาโกะยากิ) ซึ่งคงบอกในนี้ได้ไม่หมด บอกได้แค่ว่ามีของขายเยอะมาก ๆ (รูปภาพจากเจ้าของบทความ) (รูปภาพจากเจ้าของบทความ) แต่ตัววัดจริง ๆ จะอยู่บนยอดที่เราเดินขึ้นมาถึง เป็นจุดที่ไม่มีร้านค้าต่าง ๆ แล้ว โดยที่จุดนี้จะมีค่าเข้าอยู่ที่ ผู้ใหญ่ 400 เยน (100 บาทนิด ๆ) เด็ก 200 เยน (เกือบ ๆ 60 บาท) ซึ่งถือว่าไม่แพงเลย เมื่อได้ตั๋วแล้วก็สามารถเดินขึ้นไปได้ ซึ่งได้ข่าวว่าส่วนปิดปรับปรุงอยู่นั้น จะสามารถเปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้ในปี 2020 นี้แล้ว (เย้) เนื่องจากจะต้องรองรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 ถึงแม้ว่าช่วงที่ผู้เขียนไปจะมีส่วนที่ปิดปรับปรุงอยู่ ก็ถือได้บรรยากาศบริเวณนั้นดีมาก ๆ และเป็นจุดที่เห็นวิวสวยงามมาก มองไปมุมหนึ่งจะเห็นยอดเจดีของวัด ท่ามกลางต้นไม้และภูเขามากมาย (รูปภาพจากเจ้าของบทความ) วัดน้ำใสถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนมีความเชื่อมักจะมาขอพรที่นี่ เราจะเห็นเด็กนักเรียนมากันเยอะ ซึ่งคาดเดาว่าเด็ก ๆ น่าจะมาขอพรให้สอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดัง (อย่างเช่นโตได) มีทั้งการไหว้พระ การเสี่ยงโชคต่าง ๆ รวมไปถึงน้ำตกโอโตวะ บริเวณทางลงของวัด ที่มีคิวยาวเหยียดไม่แพ้กัน (รูปภาพจากเจ้าของบทความ) น้ำตกโอโตวะเป็นน้ำตกที่ไหลออกมา 3 สาย โดยเชื่อกันว่าจะทำให้ประสบความสำเร็จในเรื่องที่แตกต่างกันออกไปได้แก่ เรื่องอายุยืน เรื่องความสำเร็จในการเรียน และเรื่องชีวิตคู่ โดยการ “ดื่ม” น้ำตกนั้น เรียกได้ว่าจุดนี้แหละคือไฮไลท์ของที่นี่ (รูปภาพจากเจ้าของบทความ) หลังจากต่อคิวดื่มน้ำกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีร้านขนมน่ารัก ๆ น่ารักให้นักท่องเที่ยวแวะพักและรับประทาน ผู้เขียนสั่งเมนูดังโงะและน้ำชา เป็นดังโงะรสชาติหวานและชาญี่ปุ่นรสจืด ก็แล้วแต่คนชอบ ส่วนตัวมองว่าก็โอเคนะ (รูปภาพจากเจ้าของบทความ) (รูปภาพจากเจ้าของบทความ) และจากนั้นก็เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ เป็นอันจบการรีวิวและบันทึกประสบการณ์การเดินทางและท่องเที่ยว สรุปแล้ววัดน้ำใสถือเป็นสถานที่ที่น่าไปสำหรับคนที่ไปญี่ปุ่นครั้งแรก หรือไปเกียวโตครั้งแรก แต่ถ้าใครเคยไปแล้วชอบก็สามารถมาซ้ำได้ ส่วนตัวแล้วมองว่าความโดดเด่นของสถานที่นี้คือธรรมชาติ ลำธารน้ำที่ใส อากาศที่ดี แต่อาจจะขัดใจเรื่องจำนวนคนเล็กน้อย เท่าที่อ่านรีวิวบอกว่าให้พยามไปช่วงสายของวันธรรมดา (รูปภาพจากเจ้าของบทความ) สุดท้ายแล้วข้อแนะนำสำหรับใครที่จะมาด้วยรถไฟฟ้า ถ้ามาจากสถานี Kyoto ให้นั่งสาย JR Nara Line และลงที่ Tofukuji เพื่อเปลี่ยนสายไปยัง Keihan Main Line แล้วลงที่สถานี Kiyomizu-Gojo จากนั้นเดินตามป้ายมาอีกไม่เกิน 30 นาที โอ้