หากจุดหมายปลายทางเป็นความสำเร็จของการเดินทางในแต่ละครั้ง รายละเอียดในแต่ละเส้นทางเพื่อสู่จุดหมาย ก็น่าจะถือเป็นกำไร หรือ โบนัสของนักเดินทาง ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสทำหน้าที่จิตอาสานำของบริจาคจากผู้ใหญ่ใจดีส่งให้ถึงมือน้อง ๆ เด็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกล และยากกับการเข้าถึง ที่บ้านท่าตาฝั่ง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป้าหมายปลายทางว่ายิ่งใหญ่แล้ว สิ่งที่พบเจอในรายทางน่าจดจำไม่แพ้กัน !! จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่แม่สอด จ.ตาก เพื่อใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 105 สายแม่สอด-แม่สะเรียง เส้นทางที่ได้ชื่อว่า ถนนสายยุทธศาสตร์ เลาะเลียบริมเมยไป ตั้งแต่แม่สอด จ.ตาก ไปสิ้นสุด ที่ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมระยะทางกว่า 230 กิโลเมตร ผ่านชุมชน ผ่านศูนย์พักพิงชายแดน มีด่านความมั่นคงทางทหารเป็นระยะ ๆ เพราะแนวเส้นทางส่วนใหญ่เลียบไปกับแม่น้ำเมย ชายแดนไทย-เมียนมา มีคำแนะนำว่าไม่ควรเดินทางช่วงกลางคืน เพราะนอกจากเป็นเส้นทางเลียบชายแดนแล้ว ยังเป็นเส้นทางขึ้นเขาสูงชัน แถมคดโค้ง โดยเฉพาะช่วงระหว่างอำเภอท่าสองยาง จ.ตาก กับอำเภอสบเมย ของแม่ฮ่องสอน แต่ทั้งป่าไม้ และ ภูเขาทำให้ถนนเส้นนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนสายสวย !! ซ้ายมือเป็นแม่น้ำเมย ฝั่งตรงข้ามเป็นแผ่นดินเพื่อนบ้าน แนวภูเขาทอดยาว ต้นไม้อุดมสมบูรณ์ ยิ่งบ่ายแก่ ๆ แสงแดดตกกระทบผิวแม่น้ำเมยเป็นประกายระยับ อดไม่ได้ถือวิสาสะแวะเข้าไปเก็บภาพวิวสวย ๆ จากระเบียงริมน้ำของสำนักงานหน่วยงานทางหลวง วิวสวยสุด ๆ และอย่างที่บอกว่าไม่ควรใช้เส้นทางนี้ช่วงค่ำคืน และเป็นไปไม่ได้ที่จะขับให้ถึงแม่สะเรียงก่อนค่ำ จึงทำเวลาได้ดีสุดถึงแค่ อ.สบเมย เข้าเขตแม่ฮ่องสอน ไม่มีโรงแรมให้เช็คอิน และเป็นครั้งแรกที่ต้องนอนโรงพัก !! ป่าว .. ไม่ได้ถูกจับ หรือทำผิดอะไร มาขอกางเต็นท์นอน ที่ สภ.สบเมย ตามคำแนะนำของเพื่อนรุ่นพี่ที่เคยมีประสบการณ์บนเส้นทางเส้นนี้มาก่อน และดูเหมือนว่าพี่ ๆ ตำรวจจะคุ้นชินกับการต้อนรับนักท่องเที่ยว คนเดินทางที่ผ่านมา และมาขอกางเต็นท์พักแรม ซึ่งทางโรงพักก็จัดจุดกางเต็นท์ให้แบบ วีไอพี ซะด้วย ไฮไลต์อยู่ที่ ศาลาริมเมย พร้อมป้ายแสดง “สุดเขตแดนสยาม” !!! ลานศาลากว้างริมน้ำเมย มีหลังคาบังน้ำค้าง มีห้องน้ำ มีไฟฟ้า สะดวกสบายสุด ๆ “นักท่องเที่ยวที่เดินทางเส้นนี้ มาค้างที่นี่บ่อยครับ อ้อ..สถานีเรามี WIFI ด้วยนะครับลิ้งค์สัญญาณได้เลย พาสเวิร์ด ****** ” ต้อนรับอย่างมืออาชีพเลยทีเดียว !! ช่วงค่ำหนาว กลางดึกหนาวมาก แต่ช่วงเช้าหนาวและสวยมาก กับบรรยากาศสายหมอกเลี่ยผิวน้ำแม่เมย !! แต่ปลายทาง บ้านท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง รออยู่ ใช้เส้นทาง 105 ช่วงที่เหลือต่อ !! แม้จะบ้านท่าตาฝั่งจะได้ชื่อว่าอยู่แม่สะเรียง แต่ก็อยู่สุดขอบเขตชายแดนริมแม่น้ำสาละวิน ต้องต่อเรือที่ ท่าเรือแม่สามแลบ แต่เส้นทางก่อนถึงท่าเรือ ต้องบอกว่าสุด ๆ จากตัวอำเภอแม่สะเรียง ขับผ่านชุมชน พ้นจากชุมชน ผ่านเรือกสวนไร่นา เข้าสู่ชายป่าขึ้นเขาตลอด ขรุขระ ลูกรัง ถนนพัง และ ซ่อมเป็นช่วง ๆ ในใจคิด คนที่พักอาศัยที่นี่เขาเดินทางเข้าออก ป่ากับเมืองกันยังไง ? ระหว่างกระบะโฟล์วิลขับโขยกเขยกไปตามทางลูกรังแดง ฝุ่นฟุ้ง ขึ้นเขา มอเตอร์ไซค์คันเล็ก ๆ ขี่แซงแบบไม่ไว้หน้า !! กว่าจะถึง ท่าเรือแม่สามแลบ เล่นเอาเจ็บก้นกบ .. ความจริงรถก็ขับเข้าไปถึงบ้านท่าตาฝั่งได้ แต่เพื่อความรวดเร็วกว่า ขึ้นเรือ ล่องไปตามแม่น้ำสาละวิน ผู้นำทางบอกว่าใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง ถึง 45 นาที !!! “ถ้าไปรถละคะ” “ไปได้ครับ แต่ใช้เวลาชั่วโมงกว่า ถึง 2 ชั่วโมง ถนนก็ไม่ดี ถนนเข้าป่า ขรุขระตลอด” ของที่เอาไปให้เด็ก ๆ ใส่รถอีกคันล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ส่วนคนลงเรือ เดี๋ยวดูว่า ใครจะถึงก่อนกัน ไม่เคยคิดว่าจะได้นั่งเรือล่องแม่น้ำสาละวิน ถ้าไม่มีภารกิจนี้ก็คงไม่มีโอกาสที่ว่านี้ .. สายน้ำยิ่งใหญ่ ทำหน้าที่กั้นเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศอย่างยาวนาน ร่องรอยกระแสน้ำกัดเซาะทิ้งหลักฐานไว้บนแนวหินริมฝั่งให้ได้เห็น ระหว่างนั่งเรือได้เปรียบเทียบวิถีริมน้ำของ 2 ฝั่งประเทศ ตลอดแนวฝั่งเมียนมา ริมฝั่งยังหนาตาด้วยต้นไม้หนาทึบ ขณะที่ฝั่งบ้านเรา ชายตลิ่งฝั่งน้ำมีการปรับพื้นที่ทำเกษตรเป็นช่วง ๆ มีบ้านเรือนชาวบ้านปลูกอยู่ห่าง ๆ กัน สิ้นสุดการเดินทางกระทั่งเรือเทียบฝั่ง “ถึงแล้วบ้านท่าตาฝั่ง” เด็กน้อยวิ่งออกมาดูผู้มาเยือน ก่อนพากันวิ่งกลับเข้าหมู่บ้านอย่างอาย ๆ แต่เพียงสักพักก็ได้เจอเด็ก ๆ อีกที่โรงเรียน ตั้งแถวรอที่สนาม จนรถกระบะอีกคันนำของบริจาคมาถึง ส่งมอบของถึงมือเด็ก ๆ เป็นอันจบภารกิจ แม้การเดินทางลำบาก แต่ต้องบอกว่ามีความสุข และสนุกมากจริง ๆ เป็นอีกหนึ่งทริปที่ต้องจดจำ !! ภาพและเรื่อง โดย “เป๋าเป้”