รีเซต

รูดบัตรเครดิต ต่างประเทศ ใช้ธนาคารไหน คิดเรทเท่าไหร่ มาดูกัน

รูดบัตรเครดิต ต่างประเทศ ใช้ธนาคารไหน คิดเรทเท่าไหร่ มาดูกัน
แมวหง่าว
31 กรกฎาคม 2562 ( 05:00 )
135.9K
2

     ทุกครั้งก่อนไปเที่ยวต่างประเทศ จะต้องมีการนัดแนะไปแลกเงินกันตามร้านรับแลก ได้เงินมามากบ้างน้อยบ้างก็ตามแต่อัตราแลกเปลี่ยนของเวลานั้น แต่สำหรับกรณีที่เราตั้งใจไปทริปช้อปปิ้ง จับจ่ายใช้สอยให้มันมือล่ะก็ การพกเงินสดติดตัวเป็นฟ่อนๆ คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ บัตรเครดิตจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับกรณีนี้

 

Oliver Hoffmann / Shutterstock.com

 

     แต่ก่อนจะเอาไปรูดปื้ดดดนั้น ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าเวลาที่คุณรูดบัตรเครดิตนั้น นอกเหนือจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ต้องทำใจไว้เลยว่าบางทีอาจจะแพงกว่าอัตราที่แลกเงินสดแล้ว (ยกเว้นจังหวะดีไปเที่ยวตอนค่าเงินบาทแข็ง) ยังมีสิ่งที่เรียกว่า “ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน” ที่ทางธนาคารเจ้าของบัตรจะคิดเพิ่ม โดยปกติจะอยู่ที่ไม่เกิน 2-2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย ค่าบริการนี้ให้เข้าใจเลยว่ายังไงก็เลี่ยงไม่ได้ มีทุกบัตร ทุกธนาคารแน่นอน เพราะธนาคารเองก็ต้องลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินที่ขึ้นๆ ลงๆ ทุกวันเช่นกัน

 

 

ค่าความเสี่ยงบัตรเครดิตต่างๆ ในไทย

 

ธนาคาร, สถาบันทางการเงินค่าความเสี่ยงจากการเแปลงสกุลเงินโปรโมชั่น

ธนาคารกรุงเทพ

ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย-

ธนาคารกสิกรไทย

ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย-

บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน (Central The1)

ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย-

ซิตี้แบงค์

ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย-

ธนาคารทหารไทย

ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย-

บัตรเครดิตเทสโก้-โลตัส

ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย-

ธนาคารไทยพาณิชย์

ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย-

ธนาคารธนชาติ

ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย-

ธนาคารแห่งประเทศจีน

ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย-

ธนาคารกรุงไทย

ไม่เกิน 2% ของยอดค่าใช้จ่าย-

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย-

ธนาคารยูโอบี

ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย-
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์

ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย

-

อเมริกัน เอ็กซ์เพรส

ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย-

กรุงศรีเฟิร์สชอยส์

ไม่เกิน 2.% ของยอดค่าใช้จ่าย-

อิออน

ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย-

ไอซีบีซี

ไม่เกิน 2% ของยอดค่าใช้จ่าย-

 

*ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 2562*

     เมื่อทราบค่าความเสี่ยงแล้วเราก็จะสามารถคำนวนได้แล้วว่าพอไปรูดบัตรเครดิตที่ต่างประเทศ จะถูกเรียกเก็บเป็นเงินบาทเท่าไหร่ ดังนี้

 

1. เมื่อมีการรูดบัตรแล้วไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศใดก็ตาม หากหน่วยเงินไม่ได้เป็นสกุล US Dollars จะต้องนำไปแปลงเสียก่อนเสมอ (เช่นไปเที่ยวญี่ปุ่น ก็ต้องแปลงจากสกุลเงินเยน เป็นดอลล่าร์ก่อน) โดยดูอัตราแลกเปลี่ยนได้จากเว็บไซต์ต่อไปนี้ (แต่ละเจ้าอาจมีการคิดเรทไม่เท่ากัน)


VISA Card
Mastercard
Union Pay
JCB
AMEX

 

2. นำเอาจำนวนเงินที่เรารูด ไปคูณกับอัตราแลกเปลี่ยน (US Dollars—>Thai Baht) ตามข้อ 1 ได้ตัวเลขเป็นเงินบาท

 

3. นำจำนวนเงินที่ได้จากข้อ 2 ไปคูณกับ “ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน” ตามที่แต่ละธนาคารกำหนด เพื่อให้ได้ตัวเลขค่าธรรมเนียมความเสี่ยง

 

4. นำจำนวนเงินที่ได้จากข้อ 2 และ 3 มารวมกัน ก็จะได้จำนวนเงินที่เราต้องชำระให้แก่ธนาคาร

 

     ฉะนั้นแล้วทางที่ดีแนะนำให้คุณเลือกใช้บัตรเครดิตธนาคารที่มีสิทธิพิเศษต่างๆ ตรงตามความต้องการด้านจับจ่ายใช้สอยของคุณเอง เช่น ที่พักราคาพิเศษ ฟรีประกันภัยเดินทาง รับคะแนนสะสมx2 เมื่อใช้ในต่างประเทศ รับเครดิตเงินคืนเมื่อใช้จ่ายที่ต่างประเทศ เป็นต้น

 

 

 

เมื่อรู้วิธีคำนวนค่าใช้จ่ายกันแล้ว ต่อไปนี้ก็เป็นทิปส์เล็กๆ น้อยที่ควรรู้ของการใช้บัตรเครดิตในต่างประเทศกันครับ

 

  1. จดหมายเลขบัตรเครดิตแยกไว้ พร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ของธนาคารเจ้าของบัตรนั้น เผื่อกรณีบัตรหาย หรือถูกขโมยจะสามารถแจ้งอายัดได้ทันที

  2. ก่อนเดินทางควรโทรแจ้งธนาคารว่าคุณกำลังจะเดินทางไปที่ไหน และพกบัตรใบไหนไปด้วย เพราะบางธนาคารจะมีระบบป้องกันการใช้บัตรในต่างประเทศ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าของบัตรเอง

  3. การชำระเงินค่าโรงแรมด้วยบัตรเครดิต บางโรงแรมอาจจะขอดู Passport ด้วย ดังนั้นตรวจดูให้แน่ใจว่าเป็นชื่อเดียวกัน เพราะหากไม่ตรงกันโรงแรมอาจปฏิเสธการใช้บัตรเครดิตใบนั้น

  4. พกบัตรสำรองเผื่อไปด้วยอีกใบ ไว้ในกรณีที่บัตรหลักมีปัญหา สูญหาย หรือวงเงินเต็ม คุณก็ยังมีแผนสำรองกรณีฉุกเฉินได้

  5. หลีกเลี่ยงการใช้บัตรเครดิตในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง ร้านค้าที่ดูไม่น่าไว้วางใจ

====================