ช่วงนี้มีเวลาว่าง จึงอยากไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง อยากไปจังหวัดที่ไม่ไกลจากเชียงใหม่มากนัก เดินทางไปกลับ จึงเลือกไปลำพูน อยากลองไปเที่ยววัดพระธาตุหริภุญชัยด้วย เพราะอยู่เชียงใหม่มาตั้งหลายปีแต่ไม่เคยไปสักครั้งเลย รุ่งเช้าวันอาทิตย์ (วันหยุดเราพอดี) ตื่นเช้าเป็นพิเศษจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะ ๆ เวลาประมาณ 7 โมงนิด ๆ เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว จากตัวเมืองเชียงใหม่ไปลำพูน ใช้ถนนหมายเลข 106 หรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ “ถนนต้นยาง” เพราะจะมีต้นยางสูงใหญ่เกือบ 20-30 เมตร ตลอดถนนสองข้างทาง ต้นยางนี้มีอายุประมาณ 100 กว่าปีแล้ว ลำต้นมีจีวรพระผูกไว้ เรียกว่า การบวชป่า เป็นกุศโลบายคนสมัยก่อน เอาผ้าสีเหลือง หรือจีวรพระ มาผูกที่ต้นไม้ เพื่อไม่ให้คนแอบตัดต้นไม้นั่นเอง ถ้าใครตัดจะบาป ตกนรก ด้วยพิธีกรรมนี้ จึงทำให้ต้นไม้รอดพ้นมาถึงปัจจุบัน เดิมการเดินทางข้ามจังหวัดค่อนข้างลำบาก สมัยก่อนรุ่นคุณปู่คุณย่าทวด จะใช้เชือก ผูก วัว ม้า หรือกระบือ กับ เกวียน เพื่อขนของมาขายข้ามจังหวัดกัน และเพื่อป้องกันไม่ให้หลงทางจึงปลูกต้นยางนำทางไว้สองข้างทาง ถนนก็เป็นดินลูกรังธรรมดา แต่เพื่อให้ประชาชนเดินทางได้สะดวก จึงเปลี่ยนเป็นถนนลาดยางมะตอย เดินทางจากเชียงใหม่ มาตามถนน 106 เชียงใหม่-ลำพูน ตามป้ายบอกทางมาเรื่อย ๆ ระหว่างทางรถค่อนข้างน้อย จึงเหยียบคันเร่งไปประมาณ 120 (จริง ๆ ผิดกฎหมายนะคะ ป่านนี้คงได้ใบสั่งส่งมาที่บ้านละ) มาถึงตัวเมืองลำพูน รถเยอะมาก รถเริ่มติดนิด ๆ คงเพราะวันหยุดคนลำพูนเลยออกมาเที่ยวบ้าง มาถึงลำพูนมองหาป้ายไปวัดหริภุญชัยต่อ ขับตามป้ายมาก็มาถึงวัดหริภุญชัย ใช้เวลาเดินทางจากเชียงใหม่ มาวัดหริภุญชัย ประมาณ 30 นาที รู้สึกว่าขับมาเร็วมาก สงสัย ต้องไปแสดงหนังเรื่อง Fast & Furious ซะละ ขับเร็วเกิน เพื่อน ๆ อย่าเอาเป็นตัวอย่างนะคะ อันตรายจ้า เมื่อมาถึงวัด ก็วนหาที่จอด วนหลายรอบเลย เพราะที่นี่ ที่จอดรถน้อย คนก็มาเที่ยววัดเยอะด้วย ทั้งคนในพื้นที่และคนต่างจังหวัดแบบเรา เพราะเรามาจากเชียงใหม่จ้า ในที่สุดก็หาที่จอดรถยนต์ได้ รีบไปไหว้พระ ขอพรด้านใน วัดพระธาตุหริภุญชัย ตั้งอยู่ถนนรอบเมืองใน ตำบลในเมือง กลางเมืองลำพูนเลย หาง่ายไม่มีหลงค่ะ ป้ายบอกทางเยอะ หรือถ้าใครกลัวหลงก็โทรไปถามทางวัดได้ค่ะ เบอร์โทร 053- 563612 เมื่อเข้ามาในวัดจะดูเงียบสงบ คนลำพูนใจดี น่ารักมาก ๆ เที่ยววัดกันเบา ๆ ไม่ค่อยเสียงดังเท่าไร อาจจะเพราะยังไม่เป็นชุมชนเมืองที่คนหลากหลายก็ได้ เลยค่อนข้างยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีกันเคร่งครัด ในวัดเราจะเห็นพระบรมธาตุที่บรรจุพระสารีริกธาตุตั้งอยู่กลางวัด ก็เข้าไปไหว้พระขอพรกัน และที่นี้ยังเป็นวัดประจำคนเกิดปีระกา (ไก่) ด้วย เป็นวัดที่เราจะได้ยินหมอดูชื่อดังระดับประเทศ นามว่า อาจารย์ ลักษณ์ เรขานิเทศ หรืออีกชื่อที่คุ้น ๆ “อาจารย์ลักษณ์ฟันธง” ซึ่งท่านแนะนำให้คนเกิดปีระกา หรือปีไก่ มาไหว้พระขอพรเสริมดวงชะตาด้วย วัดพระธาตุหริภุญชัย เป็นวัดชื่อดังในภาคเหนือ และเป็นวัดประจำจังหวัดลำพูน คนจึงนิยมเดินทางมาทำบุญในช่วงวันหยุดกันเป็นจำนวนมาก ภายในวัดมีฉากหลังสวย ๆ หลายมุมเราสามารถถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ ด้านข้าง ๆ มีหอระฆัง หอธรรม สร้างแยกออกมานอกอุโบสถด้วย สวยงามมาก ๆ ส่วนด้านข้างวัดอีกด้าน มีรูปปั้นพระแม่จามเทวีให้เราได้สักการะกันด้วย พร้อมร้านจำหน่ายของที่ระลึกให้ติดไม้ติดมือกลับไปบูชาที่บ้านได้ และเพื่อไม่ให้มาเสียเที่ยว นักเขียนก็บูชาเหรียญพระแม่จามเทวีไปด้วยเช่นกัน เมื่อเดินเที่ยววัดจนเหนื่อยแล้ว ก็เที่ยงพอดี แดดร้อน ๆ ลงกลางหัวเลย (ลืมพกร่มไปจากเชียงใหม่) ทั้งร้อนทั้งหิว เลยทำให้เกือบเป็นลม จึงหาร้านนั่งพักและกินข้าวกัน ถามหาร้านนั่งกินวิวสวย ๆ ชาวบ้านแนะนำให้ไปฝั่งตรงข้ามวัด ซึ่งเป็นตลาดชาวบ้าน คล้าย ๆ ถนนคนเดินเชียงใหม่ มีของขายมากมาย โดยคนที่มาขายก็คือชาวบ้านในพื้นที่ เมื่อเดินมาตามทางเข้าไปเรื่อย ๆ ประมาณ 100 เมตรก็เจอกับร้านชื่อดัง ของลำพูน เรียกได้ว่า ถ้ามาลำพูนต้องมากิน “ร้านก๋วยเตี๋ยวลำไย” ซึ่งตอนแรกก็สงสัยว่าทำยังไง แต่พอแม่ค้ามาเสิร์ฟ ก็หายสงสัย เพราะ ในชามมีลำไยแกะเม็ดมาด้วย เพราะลำไยเป็นพืชเศรษฐกิจของลำพูน ชาวลำพูนนิยมปลูกกันมาก และเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าท้องถิ่น จึงนำลำไยมาแปรรูปกัน ซึ่งร้านนี้ ก็ต้องการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน จึงนำลำไยมาแกะเม็ดแล้วต้มในน้ำ ทำเป็นน้ำก๋วยเตี๋ยว ซึ่งก็จะได้ความหวานจากลำไยแท้ ๆ เลย เรียกว่า ไม่ต้องปรุงแต่งสารความหวานแบบอื่นเลยก็ว่าได้ รสชาติจะกลมกล่อม มีกลิ่นหอมของลำไย และรสสัมผัสเนื้อของลำไยก็จะนุ่มลิ้นมาก ใครไม่เคยกินก๋วยเตี๋ยวลำไยต้องมาลองนะคะ เดินเที่ยวจนทั่ว ก็ใกล้ 5 โมงเย็น จึงรีบขับรถกลับเชียงใหม่ เพราะกลัวจะมืดเดี๋ยวมองไม่เห็นทาง เพราะไฟข้างทางเวลากลางคืนค่อนข้างไม่ค่อยสว่าง จึงรีบขับรถออกจากวัดหริภุญชัย ขับกลับทางเส้นต้นยางเช่นเคย ถนนหมายเลข 106 ตามเนื้อเพลงวง CGM48 บอกเลยจ้า แอบเห็นไปเต้นกลางถนนด้วย น่ารักมาก สุดท้ายนี้ หากเพื่อน ๆ คนไหนเกิดปีระกา (ปีไก่) ก็อย่าลืมหาโอกาสไปสักการะวัดแห่งนี้สักครั้งนึงในชีวิตด้วยนะคะ เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิตเราเอง หรือถ้าใครไม่ได้เกิดปีระกา หากไปลำพูนก็แวะไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่อยู่ในนี้วัดนี้ได้ค่ะ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้เราทำงานอย่างมีความสุขและร่มเย็น แล้วอย่าลืมไปชิมก๋วยเตี๋ยวลำไยด้วยนะจ้า อร่อยมาก ๆ จนต้องต่อชามที่สอง (ภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน)