กลับมาอีกแล้วค่ะ ช่วงนี้เราเขียนรีวิวจากการที่เราไปเที่ยวเยอะหน่อย วันนี้ก็เป็นการไปเที่ยวคนเดียวอีกเช่นเคยค่ะ กับหัวข้อการแชร์ประสบการณ์ แบกเป้เที่ยวพม่าคนเดียว 3 เมือง Yangon-Bagan-Mandalay กำเงิน 6,500 บาท เที่ยวพม่า ระยะทางกว่า 1,400 กม. แถมได้เพื่อนต่างชาติกลับมาอีก 6 สัญชาติ! ...ขอเริ่มที่ ** สกุลเงินพม่าคือ Kyat (MMK) 47 MMK = 1 บาทไทย แนะนำให้แลกดอลล่าห์ไปจากไทย ต้องไม่ยับ ไม่พับ เป็นแบงค์ใหม่ เพื่อไปแลกเงินพม่า จะได้เรทดีกว่านำเงินไทยไปแลก ...การเที่ยวครั้งนี้เป็นการเที่ยวด้วยเงินของตัวเองจากการเก็บแบงค์ 50 ค่ะ ถ้าเจอก็เก็บเลยค่ะ ทำช่องลับในกระเป๋าสตางค์ อาจจะนานหน่อยกว่าจะได้เงินก้อนแต่ได้มาแล้วคุ้มค่ะ เที่ยวสบายเลย ...เราเริ่มต้นจากการจองตั๋วของ Air Asia ไป-กลับ กรุงเทพ-ย่างกุ้ง ราคาประมาณ 1,900 บาท เราจองล่วงหน้านานมากๆ ตอนนั้นก็ไม่รู้คิดอะไรอยู่ คิดเพียงแค่ว่า “ฉันต้องเที่ยว และฉันจะเที่ยว” จองไปโดยไม่รู้ว่ามหาวิทยาลัยเปิดวันไหนหรือมีเรียนไหม แต่ในใจคิดไว้แล้วว่าถ้ามหาวิทยาลัยเปิดก็จะโดดเรียนไปเที่ยว ...DAY 1- Yangon... - เราขึ้นเครื่องที่ดอนเมืองเป็นเที่ยวบินเช้า ซึ่งต้องออกจาก มธ รังสิต ประมาณ ตี 4 แต่โชคร้ายมากที่รถใน มธ ไม่มีเลย เรียก GRAB ก็ไม่มีสักคัน ทุ่งรังสิตมันคงเป็นทุ่งจริงๆ เลยต้องเดินไปขึ้นที่หน้ามอ ระยะทางประมาณเกือบ 1 กิโล จากนั้นเรียกพี่แท็กซี่ให้ไปส่ง ไปถึงก็เช็คอิน เช็คกระเป๋า ตรวจหนังสือเดินทางและรอขึ้นเครื่อง ระหว่างรอก็ได้คุยกับชาวฝรั่งเศส 2 คน เป็นพ่อลูกกัน บิน flight เดียวกับเรา ลูกเค้าน่ารักมากๆ แก้มนี่ชมพูไม่ต้องปัดบรัชออนเลยอ่ะ - เราโชคดีมากที่ติดต่อเพื่อนที่พม่าให้มารับที่สนามบิน รู้จักเพื่อนจากการทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ทำให้ไม่ต้องเสียค่าแท็กซี่เข้าเมือง เพื่อนใจดีมาก ๆ ขับรถพาไปเที่ยวในเมืองและพาเราไปส่งที่โฮสเทลในตัวเมือง Yangon การเดินทางเข้า Yangon ต้องเผื่อเวลาๆดีเพราะรถจะติดมากและคนที่นี่จะขับรถเร็ว บีบแตรตลอดเวลา เวลาจะข้ามถนนจึงต้องระวังมากๆ -เราพักที่ The Lodge Hostel ราคาตกคืนละประมาณ 145 บาท เป็นห้องนอนรวมชาย-หญิง รวมอาหารเช้า มีห้องอ่านหนังสือ มีห้องน้ำแยกเป็นส่วนๆ มีคอมให้เล่นและเสิร์ชหาข้อมูลได้ สตาฟที่นี่ใจดีมากๆ ช่วยขนกระเป๋า บริการทุกระดับประทับใจ ยิ้มให้ตลอดเวลาเลย555555 พอตอนเย็นเราก็เดินไปเจดีย์ชเวดากอง อยากรู้ว่ามันสวยจริงแบบในรูปหรือเปล่า เราไม่อยากเสียค่าแท็กซี่เลยเดิน เดินวนไป 2.5 กิโลเมตรก็ถึง ต้องเสียค่าเข้าชมสถานที่ 10,000 MMK การแต่งกายให้ใส่กระโปรงหรือชุดที่ยาวๆ ไม่รัดรูปไปค่ะ ไม่งั้นจะต้องจ่ายค่ามัดจำผ้าถุง 3,000 MMK ช่วงเวลาที่เราคิดว่าถ่ายรูปแล้วจะได้รูปเจดีย์สวย ๆ คือตอนที่พระอาทิตย์กำลังจะตก แสงจะสวยมาก แต่คนก็เยอะมากเช่นกัน ต่างคนต่างหามุมถ่ายรูปสวยๆ เราก็ต้องสู้ค่ะ อยากได้มุมไหนสวยๆ ก็เข้าไปถามคนที่เค้าดูเหมือนจะเป็นช่างภาพมือโปร แล้วก็แอบตีสนิทถามเค้าและหามุมดีๆถ่าย - หลังจากชมเจดีย์ก็หาทางกลับไปหาไรกินแถว China Town แต่เราไม่อยากเสียค่าแท็กซี่ที่แพงเกินไป มืดแล้วด้วยไม่อยากเดินกลับ ทำไงละคราวนี้ หาเป้าหมายค่ะ ส่องนักท่องเที่ยวบริเวณนั้น และก็เจอเป้าหมายค่ะ เค้าเป็นชาวออสเตรีย (หล่อด้วย5555) เที่ยวคนเดียวเหมือนกัน กำลังดูแผนที่อยู่ ในใจเราเลยคิดว่า เค้าต้องกลับเข้าเมืองแน่ๆ เลยแบกความมั่นหน้าเดินไปสะกิดว่าจะเข้าเมืองไหม เค้าก็บอกว่าใช่ ราเลยบอกว่า ขอแชร์ค่าแท็กซี่ด้วยได้ไหม เค้าก็โอเค และไปถามราคาแท็กซี่ แต่พีคกว่าคือ นางต่อราคาแท็กซี่จ้า ต่อเก่งกว่าเราอีกจ้า ต่อสุดๆไปเลย จนคนขับยอมอ่ะ ยอมใจนางจริงๆ พอไปถึง China Town ก็ไปหาไรกินและก็เจอพ่อลูกชาวฝรั่งเศสที่นี่อีกเลยขอแจมด้วย เลยได้นั่งคุยกับพ่อลูกคู่นี้ปรากฎว่าคุณพ่อซึ่งทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษกำลังจะทำบังกะโลติดชายหาดที่พม่าด้วย เค้าโชว์รูปให้เราดู ซึ่งน่าไปมากๆ ถ้ามาพม่าคราวหลังเราคิดว่าจะไปเที่ยวที่นี่เค้าเลยให้ Email ไว้ติดต่อ และอาหารมื้อนี้เพื่อนชาวออสเตรียออกให้จ้า รอดจ้ามื้อนี้ชั้นรอดตังไปอี้กกก ...DAY 2- Yangon... - ตอนเช้าเราเดินไปเที่ยวตลาด Bogyoke Market จะขายพวกเสื้อผ้า ของกิน สร้อยและหยกต่างๆ มีให้เลือกโคตรเยอะ จากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆดูเมืองเค้าว่าเป็นยังไง เดินดูอาคาร ตลาด ผู้คนต่างๆ จนประมาณเที่ยงก็เดินกลับมาโฮสเทลรอเพื่อนมารับประมาณ 4 โมงเย็นเพื่อไปขึ้นรถ Night bus ไปเมือง Bagan ระยะทางห่างจากย่างกุ้งประมาณ 620 กว่ากิโล รถจะออก 2 ทุ่ม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง ราคาตั๋ว 11,000 MMK เราก็รอที่สถานี ซึ่งสถานีรถบัสที่นี่ไม่เหมือนบ้านเราค่ะ ยังไม่สะดวกเท่าที่เมืองไทย พอขึ้นรถก็หาเป้าหมายเพื่อนต่อไปค่ะ เพื่อช่วยหารค่าแท็กซี่และคนถ่ายรูปให้เรา เราเลยเจอเป้าหมายสาวตุรกี นางก็เที่ยวคนเดียวเหมือนกัน เลยถามว่าจะไปไหนบ้างอะไรยังไง เราเลยวางแผนเที่ยวกับนาง หารค่าแท็กซี่และค่ามอไซต์ขับใน Bagan ...DAY 3 – Bagan... - รถบัสไปถึงประมาณ 6 โมงเช้า เราเช็คอินที่ Royal Bagan Hotel คืนละประมาณ 300 บาท อาหารเช้าฟรีและหรูมาก ห้องดีมาก กว้างมากโดยเฉพาะห้องน้ำ สตาฟยิ้มทั้งวันเลยค่ะ เอาไปค่ะ คะแนนบริการดี 10 10 10 ปังๆ -ค่าเข้าชมสถานที่ คนละ 25,000 MMK - เราตกลงหารค่าแท็กซี่กับรถจักรยานยนต์ ตกคนละ 13,000 MMK ขับรถมอไซต์ไปตามหาเจดีย์ต่างๆ ตอนเช้าจะหนาวมากๆ อุณภูมิประมาณ 18-19 องศา หนาวก็ต้องทนค่ะถ้าอยากได้รูปสวยๆ เราได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกในวันเดียวกัน แต่แค่นั้นไม่พอเราอยากได้รูปสวยๆแบบเหมือนของจริงแต่กล้องไอโฟนมันถ่ายแบบนั้นไม่ได้ ทำไงดีล่ะ ใช้ความมั่นหน้าอีกรอบ เลยขอรูปจากชาวจีนคนนึง เค้าเป็นช่างภาพมือโปร ถ่ายภาพเป็นอาชีพ เลยเดินไปพูดกับเค้าและขอรูปจากเค้า เท่านั้นไม่พอนี่ก็ขอช่วยให้เค้าถ่ายรูปให้ด้วย เค้าก็ถ่ายให้และส่งรูปให้ ใจดีไปอีกกกกกก กราบพี่งามๆเลยค่ะ ...DAY 4 and Day 5 – Mandalay... - วันที่ 3 เราจองรถไป Mandalay รอบ 9 โมง ค่ารถ 9,000 MMK ระยะทางประมาณ 170 กม. แต่!!!เดินทางใช้เวลา 5 ชม.! นานมาก เพราะถนนที่นั่นยังไม่ได้พัฒนาเหมือนบ้านเรา ถนนขรุขระตลอดทาง คนพม่าชอบกินหมาก นึกจะคายก็คายเลย อันนี้ต้องระวัง55555 ระหว่างทางเราก็ได้แต่บ่นกับคนข้างๆที่เป็นสาวเกาหลี นางก็เที่ยวคนเดียวแบบเราเหมือนกัน ตอนเที่ยงก็ได้นั่งคิดข้าวกับนาง กับข้าวที่พม่ามีเครื่องเคียงให้เยอะมาก เลยงงว่านี่ฟรีหรือต้องจ่ายตัง แต่ก็คือฟรีค่ะ รอดตังไป5555555 - เราไปถึง Mandalay ประมาณบ่ายสอง แต่ฝนตกไปไหนไม่ได้ เลยได้แต่นอนตายอยู่โฮสเทล เราพักที่ KAUNG Hostel ราคาคืนละประมาณ 200 กว่าบาท มีอาหารเช้าให้ มีห้องนั่งเล่น อ่านหนังสือ มีห้องคอม และที่ชอบมากคือมีชาพม่าให้ดื่มจ้า จะกินกี่ซองก็ได้ชงเองได้เลย ฝนตกๆก็นั่งดื่มชาวนไปแบบฟินๆ เรามีรูมเมทคนนึงเป็นชาวโรมาเนีย ก็ทำตีสนิทถามนู่นนี่นั่นว่าจะไปไหนบ้าง นางก็บอกจะไปที่นี่ๆๆ เราก็ขอแจมด้วย นางก็ตกลง แต่พอวันถัดมานางไม่ไปจ้า บอกว่าฝนตกไม่อยากออกไปไหนในสภาพอากาศแบบนี้ แต่คือเราอยากไปมาก มาถึงนี่แล้วถ้าไม่ได้เที่ยวไหนเลยก็เหมือนกับมาไม่ถึงอ่ะ ทำให้วันนั้นเรานั่งหาข้อมูลว่าจะไปไหนดี ระหว่างนั่งหาข้อมูลก็เจอคนที่พักโฮลเทลเดียวกันเล่นคอมอยู่เหมือนกัน เค้าเป็นชาวอิตาลี เค้าก็ถามเรามาจากไหน ก็ตอบไปว่าไทย จากนั้นก็ชวนคุย ในใจคิดว่าเอาล่ะต้องได้เพื่อนเที่ยว แต่ก็ไม่ได้ตามเป้าหมายค่ะ เหมือนเค้าเที่ยวคน เดียวอ่ะ หลังจากนั้นเค้าก็หายไปจากห้องคอม เราก็ทำไงดี เราจะต้องเที่ยววัดให้ได้ถึงฝนจะตกก็ตาม เลยขอยืมร่มที่โฮลเทลแล้วออกไปยืนข้างถนนรอแท็กซี่ และก็ถามราคาแต่พอถามราคาแล้วรู้สึกว่าแพงไปเราก็ไม่ไป เพราะคนอื่นๆ บอกว่าค่ารถไม่ควรเกิน 2,000 MMK ถ้าจะไป Kuthodaw Pagpda หยิ่งจ้าเชิ่ดใส่คนขับ และยืนรอคันใหม่ แต่ระหว่างรอนั้นมีผู้ชายคนนึงขับรถมอไซต์มาจอดข้างๆเราแล้วก็ถามประมาณว่า where are you going? Can I drive you? You’re beautiful. Can I have you? How much? ตอนนั้นแบบเอาแล้วกูทำไงดี น่ากลัว ยืนอยู่ข้างถนนคนเดียวด้วย สิ่งที่ทำคือตะโกนใส่ดังๆแล้วบอกว่า I am calling the police!!! พอเค้าได้ยินคำว่า Police ก็ขับรถหายไป ตอนนั้นตกใจมาก เลยหันไปถามพี่ผู้หญิงข้างๆว่าพี่ค่ะไปเจดีย์นี้ไปยังไง พี่เค้าก็บอกรอแท็กซี่ได้ และไม่ทันได้เดินไปหาแท็กซี่ ผู้ชายคนนั้นก็ขับรถวนกลับมาจ้าแล้วก็ถามอยู่นั่นแหละว่าจะไปไหน จะไปส่ง ตอนนั้นเราโวยวายมากเสียงดังไว้ก่อน ตอนนั้นไม่สนอะไรทั้งนั้น จนพี่พนักงงานธนาคารเดินมาถามว่ามีไรให้ช่วยไหม ผู้ชายคนนั้นก็ขับรถหายไปจากตรงนั้น เราก็บอกว่าจะไป Kuthodaw Pagoda พี่พนักงานก็บอกให้ไปขึ้นรถฝั่งหัวมุมถนน เราก็เดินไปสักพักพี่ผู้หญิงที่เราเคยถามก็ขับรถผ่านมาแล้วถามว่าเราโอเคไหม เราก็ตอบไปเลยไม่โอเคค่ะและก็เรียกคะแนนความน่าสงสาร55555 พี่เค้าเลยอาสาไปส่งเราที่เจดีย์ ตอนนั้นโล่งใจมากในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ พอไปถึงเจดีย์ก็โชคดีอีกที่เจอเพื่อนชาวอิตาลีที่พักโฮสเทลเดียวกัน ก็เลยขอจอยด้วย เดินรอบวัดและเดินขึ้นเขา Mandalay Hill กะจะไปดูวิวแต่ฝนตกมีแต่หมอก แต่ก็ได้วิวที่สวยไปอีกแบบ เราขอให้เค้าถ่ายรูปให้และก็ได้รูปสวยๆมาพอสมควร ขากลับก็หารค่าแท็กซี่กลับที่พักด้วยกัน ทริปนี้มีแต่หารกับการหารจริงๆ55555 DAY 6 – Yangon – BKK - เราถึงย่างกุ้งประมาณ 6 โมงเช้า โทรให้เพื่อนมารับ เพื่อนใจดีมากๆ ขับรถมารับและให้เราอาบน้ำที่บ้าน จากนั้นก็พาไปหาไรกินใกล้ๆบ้าน เราขอให้เพื่อนพาไปตลาดอีกรอบเพราะอยากซื้อเสื้อที่ตลาด เพื่อนก็ขับรถพาไป จนประมาณบ่ายสองเพื่อนก็ขับรถมาส่งที่สนามบิน ก่อนขึ้นเครื่องเพื่อนที่มารับเราวันแรกที่เรามาถึงก็มาส่งเราที่สนามบินด้วยเหมือนกัน เรากอดเพื่อนทั้งสองคนที่มาส่งที่สนามบิน ความรู้สึกเราตอนนั้นแบบว่าเค้าดีกับเรามากๆ สละเวลาพาเราเที่ยวแบบไม่บ่นอะไรสักคำ อีกอย่างคนที่พม่าดูเป็นคนใจดี ยิ้มเก่งและช่วยเหลือเราในการเที่ยวคนเดียวของเราครั้งนี้มาก ...ขอจบการรีวิวทริปเที่ยวพม่าคนเดียวครั้งนี้ค่ะ หวังว่าบันทึกการเดินทางของเราจะช่วย Encourage เพื่อนๆหลายคนให้กล้าที่ออกมาจาก comfort zone ของตัวเองมากขึ้น ตอนที่เราจองตั๋วเราไม่รู้เลยว่าเราจะเที่ยวที่ไหน ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างและจะเจอกับอะไรที่มันไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือเปล่า แต่เราคิดว่าถ้าเราเจอปัญหาสิ่งที่ต้องทาให้ได้คือการแก้ปัญหาค่ะ การเที่ยวคนเดียวทาให้เรากล้าพูดมากขึ้น กล้าที่จะตัดสินใจมากขึ้น มีความคิดเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ยังทำให้เราเจอเพื่อนใหม่อีกซีกโลกหนึ่งที่บางคนอาจจะไม่เคยไป แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถเล่าประสบการณ์ความเป็นอยู่ของพวกเขาอยู่ให้เราฟังได้ ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ที่หาในห้องเรียนไม่ได้แต่เราสร้างประสบการณ์แบบนี้โดยเริ่มจากตัวเราออกจาก comfort zone แล้วทำในสิ่งใหม่ ลองในสิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยลอง “Will you take a risk or lose a chance?” Source from my facebook Whan Pemika