จากบทความ เรื่อง(ขอ)เล่า ภูกระดึงครั้งแรกกับเรื่องบังเอิญล้านแปดพันเก้า บทความแรกในชีวิตของบัว บัวหวังว่าเพื่อน ๆ จะสนุกกับการผจญภัยของบัวนะคะ คราวนี้บัวจะมาเล่าภาคต่อกับสถานที่ที่ชื่อไม่ค่อยถูกกับคนโสดเอาซะเล้ยยยย "เชียงคาน" จังหวัดเลยนี่เอง ย้อนความไปเมื่อคืนสุดท้ายบนภูกระดึง ในเต็นท์ที่ความหนาวทะลุผ่านเข้ามา ก่อนจะเข้าเฝ้าพระอินทร์ บัวและเพื่อนผู้หญิงของบัวก็เกิดอาการไม่อยากกลับบ้านค่ะทุกคน เลยมีความคิดผุดขึ้นมาตรงกันว่าเราเหมือนต้องหาที่ไปนะ โหว ไปไหนดีล่ะทีนี้ ที่ที่ไม่ต้องใช้ความทรหดอดทนมาก ไปเที่ยวแบบชิว ๆ รีแล็กซ์ ๆ อ้อ! เชียงคาน ไง๊ มาจังหวัดเลยทั้งที ขอปิดทริปแบบเก๋ ๆ ละกัน โชคดีที่เราอยู่ในยุคแห่งความสะดวกสบายและรวดเร็ว แค่มีมือถือและอินเทอร์เน็ตก็สามารถทำอะไร ๆ ได้ ฮ่า บัวไม่รอช้าค่ะ หาที่พักก่อนเลย เพราะการจองก่อนไปกระชั้นชิดแบบนี้ มีโอกาสที่ห้องพักจะเต็ม แต่โชคดีมากค่ะทุกคน ที่เชียงคานสไมล์โฮมสเตย์มีห้องพักว่าง และที่สำคัญที่พักอยู่ริมแม่น้ำโขงและอยู่เส้นถนนคนเดินพอดีเลยค่ะ คือดีงามมาก เมื่ออุ่นใจเรื่องที่พัก ก็หาอ่านรีวิวว่าที่เชียงคานมีอะไรให้เที่ยวบ้าง ซึ่งใครจะไปคิดว่าไปที่เดียว แต่ที่เที่ยวเยอะมากนะคะ อยากดูทะเลหมอก ที่นี่มี อยากใส่บาตร ทำบุญเสริมบารมียามเช้า ที่นี่มี อยากเดินตลาดของกินเยอะๆ ที่นี่มี อยากเดินตลาดของแฮนด์เมด ที่นี่มี อยากฟังดนตรีสดชิวๆ ที่นี่มี อยากล่องเรือ ที่นี่ก็มี! อือหือ ไม่มาไม่ได้แล้วจ้า พวกเรารีบเข้านอน รอให้พระอาทิตย์ขึ้น และ The next station is "เชียงคาน". หลังจากที่บัวและผองเพื่อนเดินทางลงมาจากภู พวกเราก็มาขึ้นรถสองแถวสีแดงที่คุ้นเคย ลงหน้าร้านเจ๊กิมเหมือนเดิม และรอขึ้นรถบัสเพื่อไปลงที่ บขส. จังหวัดเลย ซึ่งบัวและเพื่อนผู้หญิงของบัวแยกตัวลงรถที่นี่เพื่อต่อรถสองแถวคันบิ๊กบึ้มไปที่เชียงคานค่ะ บัวอยากจะกระซิบบอกว่าระหว่างทางลงจากภู รองเท้าบัวเกิดมีฟันขึ้นมาซะงั้น กัดเท้าบัวซะ ใจร้ายมาก ขอบ่นนิดนึงนะคะ แฮร่ และในที่สุด! บัวและเพื่อนก็มาถึงเชียงคานพร้อมกับการจากไปของพระอาทิตย์ค่ะ แต่อย่าได้เกรงค่ะ ลุย! เมื่อลงรถสองแถวจะเจอรถสามล้อเครื่องจอดรอพวกเราค่ะทุกคน มีลุงคนนึงเดินมาและถามพวกเราว่าจะไปไหนกัน ยอมรับว่าเงอะงะมาก ๆ ค่ะจังหวะนั้น พวกเราเลยให้เค้าไปส่งที่พัก พอจะขึ้นรถปรากฏว่ามีพี่ผู้ชายคนนึงนั่งอยู่ก่อนแล้ว และพี่ผู้ชายคนนั้นคือคนที่นั่งสองแถวคันเดียวกัน บังเอิญจัง ฮ่า ๆ สรุปเลยได้ไปพร้อมกัน เพื่อน ๆ คิดว่าครั้งนี้ เรามาเที่ยวกัน 2 คนใช่มั้ยคะ อ่าห้าาาา บอกเลยค่ะ ครั้งนี้บวกมาอีก 1 เป็นสาม! เหตุมันเกิดจากการที่ลุงใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเสนอขายทริปพาเที่ยวเชียงคานนี่แหละค่ะ ทำให้เรื่องตัวหารเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าพี่ไปคนเดียว พี่ไม่มีตัวหารน้าาา พี่คิดถูกแล้วค่ะที่เลือกเดินทางนี้ พวกเรา 3 คนยอมรับการเสนอขายของลุง และแยกย้ายกันเข้าที่พัก โดยที่ลุงจะมารับตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น งือ ตื่นเต้นจัง! แต่เดี๋ยวก่อน! ถนนคนเดินล่อตาล่อใจขนาดนี้เราจะพลาดได้ไงคะ บัวและเพื่อนไม่รอช้า เอาของเก็บและไปตะลุยหาของกินค่ะ หิวมากที่สุดเนื่องจากเดินทางมาไกล ฮ่า ๆ อิ่มแล้วค่อยเข้าที่พัก อาบน้ำ และนอนแบบหมดสภาพเบา ๆ ระดับเลเวล 1 ตือ ตื่อ ดือ ดึ๊ด...(เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น) โอ้ยยยยย ระบม ไม่อยากตื่นเลย ลุงนัดตี 5 ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิด ตี 5 ต้องมาพร้อมขึ้นรถแล้ว เพราะเรากำลังจะไปดูทะเลหมอก! ที่จุดชมทะเลหมอกเชียงคานค่ะ อยากจะบอกว่าอากาศมันหนาวมากเลย การที่ใบหน้าต้องปะทะกับลมและหมอกตอนนั่งรถสามล้อเครื่อง เป็นอะไรที่อะเมซิ่งมาก ชามากค่ะทุกคน เมื่อไหร่จะถึงคะลุงงงงง โอเคถึงแล้ว แต่เป็นแค่ทางขึ้นนะคะ ยังไม่ถึงจุดชมทะเลหมอก เราต้องซื้อตั๋วแล้วนั่งท้ายรถกระบะขึ้นไป อันนี้บัวชอบ สนุกดีค่ะ วิวก็สวยมากด้วย ซึ่งในระหว่างที่อยู่บนหลังรถกระบะ ก็ได้ภาพสวย ๆ มาภาพหนึ่งและทำให้บัวนึกถึงประโยคคม ๆ ที่ว่า "ถ้าเรามองย้อนกลับไปหาบางสิ่ง สิ่งนั้นมักจะเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ" น่อวววว คมคาย มันก็จริงนะคะ ที่ผ่านมาเราผ่านอะไรมาบ้าง ก่อนจะมาชิว ๆ ที่เชียงคาน เราผ่านการเดินขึ้นเขา ฝ่าป่าฝ่าดงมาตั้งมากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ มันก็คงเหมือนชีวิตคนเรา ที่ระหว่างทางเดินของชีวิตมันจะดูไม่ราบเรียบและสวยงาม มีทั้งทุกข์และสุขปะปนกันไป แต่เมื่อเราผ่านมันมาได้แล้วมองย้อนกลับไป มันจะเป็นเรื่องราวที่ทำให้เรารู้สึกโอเคกับตัวเองมาก ๆ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความสตรองของเรา อะนอกเรื่องเก่ง แฮร่ กลับมาที่ทะเลหมอกกันค่ะ จุดชมทะเลหมอก สวยมากกกกก นี่เป็นการชมทะเลหมอกครั้งแรกของบัว เพราะตอนแรกบัวคิดว่าจะได้ชมทะเลหมอกที่ภูกระดึง แต่เสียดายว่าสภาพอากาศมิอำนวยเลยอดไปค่ะ วันนั้นไม่มีทะเลหมอก เลยได้ดูแค่พระอาทิตย์ขึ้นเฉย ๆ แต่ไม่เป็นไร! ทดแทนกันได้ด้วยความสวยงามของทะเลหมอกที่นี่ค่ะ "จุดชมทะเลหมอกเชียงคาน" ปล. ถ้าจะเที่ยวเชียงคานแบบ 2 วัน 1 คืนแบบบัวในครั้งนี้ เราต้องเลือกว่าในตอนเช้าจะตักบาตรข้าวเหนียว หรือ จะไปชมทะเลหมอก แต่ถ้าอยากเก็บให้ครบทั้งสอง เที่ยวแบบ 3 วัน 2 คืนจะเหมาะเหม็งที่สุดเลยค่ะ นั่นแน่ อิ่มใจในความสวยของทะเลหมอกกันแล้ว บัวก็ไม่ลืมที่จะพาทุกคนไปพบกับตลาดแห่งความอิ่มท้องค่าาา เมื่อนั่งรถกระบะลงมาถึงจุดซื้อตั๋วที่เดิม เราจะพบกับตลาดค่ะทุกคน ซึ่งตลาดเนี่ยทอดยาวไปตามถนนทั้งสายเลย บัวอยากจะบอกว่าที่นี่คือสวรรค์ของการกินค่ะ มีอาหารพื้นเมืองต่าง ๆ ที่ทำและขายโดยชาวบ้าน ราคาก็เป็นกันเอง รสชาติก็อร่อย และยิ่งบวกกับบรรยากาศดี ๆ อากาศเย็น ๆ แล้ว บอกได้คำเดียวค่ะว่าฟินมากกกก เมนูที่บัววิ่งเข้าหาคือข้าวเหนียวลืมผัวนึ่งร้อน ๆ ไก่ย่าง และโอวัลตินร้อนค่ะ ข้าวเหนียวลืมผัวนับว่าขึ้นชื่อมากสำหรับที่เชียงคาน ใครได้มาเยือนแล้วล่ะก็ อย่าพลาดเชียวนะคะ บอกเลย เมื่อบัว เพื่อน (และพี่คนนั้น) อิ่มท้องเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็โทรหาลุงเพื่อให้มารับไปยังที่ต่อไปค่ะ ซึ่งที่ต่อไปก็คือ แก่งคุดคู้ (มาถึงแล้วอย่าลืมไปยืนอ่านประวัติของแก่งคุดคู้นะคะ บัวขออุบไว้ ไม่เล่าให้ฟังน้าาา) ที่นี่เราจะมองเห็นประเทศลาว ประเทศเพื่อนบ้านของเราค่ะ ถ้าหากใครต้องการจะนั่งเรือชมทัศนียภาพอันสวยงาม ก็เช่าเรือได้นะคะ แต่พวกบัวไม่ได้ลงเรือหรอกค่ะ แต่เลือกที่จะไปเดินตลาด แฮร่ ไม่ค่อยเห็นแก่กินเลย จริง ๆ มีจุดประสงค์ค่ะ คือที่นี่ "มะพร้าวแก้ว" อร่อยมากกกกก อร่อยจริง ๆ นะคะ ปกติแล้วเราสามารถซื้อมะพร้าวแก้วได้ในถนนคนเดิน แต่สถานที่ผลิตมะพร้าวแก้ว ต้องโซนนี้ค่ะ ซึ่งลุงที่พาเราเที่ยวจะเป็นคนแนะนำร้านเด็ด ๆ ให้เราและพาเราไปซื้อถึงที่ น่ารักใช่มั้ยล่า เมื่อได้มะพร้าวแก้วคนละไม้คนละมือ ก็มาถึงจุดที่เกี่ยวเนื่องกับทางธรรมแล้วค่ะ ซึ่งก็คือ วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน สำหรับวัดแห่งนี้ เราต้องซื้อตั๋วนั่งหลังกระบะขึ้นไปนะคะ ส่วนลุงจะรอเราด้านล่าง ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องนั่งรถกระบะขึ้นมา พอเริ่มขึ้นเขาเท่านั้นแหละค่ะ รู้เรื่อง! ทางขึ้นมีความชันค่ะ ชันแบบหวาดเสียวเหมือนนั่งรถไฟเหาะ อันนี้เหมือนจริง เป็นการขึ้นวัดที่ดูมีอะไรมากค่ะ และพอมาถึงวัดก็รู้สึกว่าที่วัดนี้มีอะไรจริง ๆ วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน นอกจากจะเป็นวัดที่ผู้คนต่างมาสักการะบูชารอยพระพุทธบาทแล้ว ยังมีโซนสัตว์นานาชนิดด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นน้องหมูป่า น้องเต่า น้องไก่ น้องกระต่าย เราสามารถเข้าไปหาได้ ให้อาหารได้แบบใกล้ชิด (ในระดับนึง) เป็นอะไรที่น่ารักมุ้งมิ้งมากค่ะ ถ้าครอบครัวไหนมีเด็ก ๆ มาด้วย เด็ก ๆ ต้องชอบแน่ ๆ เห้อ เหมือนเสียง "หมดเวลาสนุกแล้วสิ" ในเทเลทับบี้กำลังดังขึ้นพร้อมกับหนึ่งวันเที่ยวที่กำลังจะหมดลงเลยค่ะ สำหรับเชียงคานที่ทุกคนคุ้นตากับภาพของถนนคนเดิน หากใครยังไม่ได้มาเยือน ต้องลองมาจริง ๆ ค่ะ เพราะนอกจากถนนคนเดินแล้ว เชียงคานมีอะไรให้เรามาสัมผัสและเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกเยอะมากอย่างเรื่องเล่าของบัวในวันนี้ ต่อให้กลับมาซ้ำในสถานที่เดิม ๆ เรื่องเล่าและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น มันก็คงไม่เหมือนเดิม ยังไงซะบัวก็หวังว่า บัวจะได้กลับมาที่เชียงคานอีก เพราะที่นี่มีความทรงจำดี ๆ ของบัวซ่อนอยู่ค่ะ การมาเที่ยวกับเพื่อน 2 คน กลับได้รู้จักกับพี่เค้าเพิ่มอีก 1 คน ได้เห็นมุมมองชีวิตเพิ่มขึ้นจากการร่วมทริปเที่ยวด้วยกันหนึ่งวัน บัวอยากให้เพื่อน ๆ ลองออกไปค้นหาสิ่งใหม่กันนะคะ สุดท้าย... บัวขอขอบคุณเพื่อนร่วมทาง บัวขอขอบคุณลุงที่พาเที่ยว บัวขอขอบคุณทุก ๆ คน ที่อยู่ในการเดินทางครั้งนี้ค่ะ แล้วพบกันใหม่กับโลกแห่งการเดินทางของบัวในบทความหน้านะคะ รูปภาพประกอบทั้งหมดโดย ผู้เขียนและเพื่อนผู้ร่วมทริป :')