วัดในจังหวัดลำปาง เท่าที่ทราบมาจะมีวัดที่เรามองเห็นเงาพระธาตุกลับหัวและสะท้อนเป็นสีได้อยู่ 3 ที่ คือ 1. วัดพระธาตุลำปางหลวง อ.เกาะคา 2. วัดอักโขชัยคีรี อ.แจ้ห่ม และ 3. วัดพระธาตุจอมปิง อ.เกาะคา และในวันนี้ เราจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยววัดที่ 3 กันค่ะ วัดพระธาตุจอมปิง ตั้งอยู่ที่ อ.เกาะคา จ.ลำปาง เราเดินทางผ่านตัวอำเภอเกาะคา เมื่อมาถึงสามแยกสถานีตำรวจ ก็ให้เลี้ยวซ้ายและวิ่งตามถนนไปเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องเลี้ยวใด ๆ ซึ่งจะมีป้ายบอกตลอดทาง ประมาณ 10 กิโลเมตร เราจะเห็นยอดพระธาตุสีทองอร่ามเป็นจุดสังเกต ก็เข้าไปจอดรถที่หน้าวัดได้เลย ซึ่งเราจะเลี่ยงบริเวณหน้าป้ายชื่อของวัดเอาไว้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวท่านอื่น ๆ ได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันได้สะดวก เมื่อผ่านซุ้มประตูโขงเข้ามาแล้ว เราจะพบกับพระวิหารหลังใหญ่ตรงหน้าเลยทันที แม้วิหารจะไม่ได้ฉาบสีใด ๆ ให้อร่ามตา แต่ในส่วนของช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ ก็ทำให้เราสะดุดตาได้ไม่น้อย เพราะวันนี้อาการสดใสเป็นใจอย่างมาก สีครามของท้องฟ้าที่ระคนไปด้วยหมู่เมฆน้อยใหญ่ ขับให้ส่วนต่าง ๆ ของหลังคาวิหารโดดเด่นขึ้นมาในทันที ผ่านบันไดวิหารเพียง 6 ขั้น เราจะพบกับพระพุทธจอมพิงค์ชัยมงคล ซึ่งหากมองไปโดยรอบแล้ว จะถือได้ว่าเป็นพระประธาน องค์พระสูงใหญ่พอสมควร ซึ่งประดิษฐานอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ ภายในบริเวณวิหารไม่ได้กว้างขวางมากนัก แต่ความสูงต้องใช้คำว่า “มาก” กันเลยทีเดียว เมื่อเรากราบพระขอพรเรียบร้อยแล้ว ก็มาปิดทองลูกนิมิต เพื่อเป็นสิริมงคลกันอีกที ก่อนที่จะไปชมเงาพระธาตุด้านหลังวัด เราเดินเลาะมาทางด้านซ้ายมือก่อน เพราะได้ยินเสียงเพลงล้านนาแว่ว ๆ เข้าหู พบว่าน้อง ๆ กำลังซ้อมฟ้อนดาบกัน เลยยืนให้กำลังใจอยู่พักหนึ่ง ระหว่างนี้ก็ให้คิดถึงตัวเองตอนเป็นเด็กมัธยมต้น ที่จะมีวิชาพละให้เราได้รำดาบกันด้วย ขึ้นชื่อว่าได้รำเท่านั้นแหละ จะให้สวยงามเหมือนน้อง ๆ คงต้องขอผ่านไปก่อนละกันเนอะ จากนั้นเราเดินกลับมาทางเดิม และผ่านหน้าวิหารอีกครั้ง เพื่ออ้อมมาทางขวามือ จะมีป้ายบอก 3 จุดสำคัญเอาไว้ให้ชัดเจน เมื่อมองทะลุเข้าไปด้านใน จะเห็นยอดฉัตรขององค์พระธาตุที่ด้านหลัง ระหว่างทางเดินจะมีบันไดด้านข้าง 2 จุด ที่จุดแรกประดับด้วยรูปั้นพญานาค และจุดที่สองประดับด้วยรูปปั้นช้างในท่านั่ง ซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยของวันเวลาที่ยาวนานอย่างเห็นได้ชัด และดูขลังอยู่ในที... สนามหญ้าสีเขียวสด องค์พระธาตุจอมปิงสีทองอร่าม ท้องฟ้าสีครามยามบ่ายแก่ ๆ อาจทำให้การกราบนมัสการพระธาตุต้องเป็นไปอย่างเร่งรีบ แม้จะมีการทำร่มเงาให้แล้วก็ตาม แต่เอาจริง ๆ ก็ไม่เป็นปัญหามากนัก เพราะตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว นอกจากพระประธานในวิหาร เราควรต้องกราบองค์พระธาตุกันด้วย เพราะชาวพุทธเราถือว่าต้องทำให้ครบ เพื่อความสุขใจ ตรงกันข้ามกับองค์พระธาตุ เราจะเห็นพระอุโบสถสีขาวสะอาดตาอยู่หนึ่งหลัง และที่แห่งนี้นี่เอง ที่เราจะได้เข้าไปชมเงาพระธาตุกัน แม้ด้านในจะมืดไปสักนิด แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร เพราะจะมีคุณลุงวิทยากร ที่คอยบรรยายความเป็นมา รวมถึงวิธีการชมเงาพระธาตุให้กับนักท่องเที่ยวอยู่ด้วย ในภาพนี้คือตั่งและฉากผ้าสีขาว ที่เงาพระธาตุจะสะท้อนลงตรงนี้ หากสังเกตให้ดี ๆ จะมีรูเล็ก ๆ ที่ฉากผ้าด้วย จุดนี้คือช่องที่เราจะเห็นเงาพระธาตุ ซึ่งเป็นช่องของหน้าต่างพระอุโบสถ ส่วนภาพข้าง ๆ คือรูหน้าต่าง ที่เราขอถ่ายภาพทะลุช่องเอาไว้ก่อน ซึ่งโชคดีที่วันนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากเท่าไร จึงขอเวลาคุณลุงได้มากนิดหนึ่ง เมื่อเรามองผ่านช่องหน้าต่าง ก็จะได้เห็นเงาพระธาตุกลับหัว ซึ่งสะท้อนสีตามในภาพนี้เลย ซึ่งหากจะถามว่าเพราะอะไร ก็ตอบได้เพียงว่าเป็นการหักเหของแสง แล้วทำไมเงาจึงเป็นสี ส่วนนี้ตอบไม่ได้จริง ๆ ซึ่งโบราณท่านให้คำตอบต่อ ๆ กันมาว่า เป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุจอมปิงมาช้านาน “วัดจอมปิง” มีชื่อในตำนานคือ “วัดจอมพิงค์ชัยมงคล” ซึ่งพระนางจามเทวีท่านได้มาสร้างเอาไว้ แต่มีการพูดผิดเพี้ยนกันไป จนกระทั่งมาใช้ชื่อ “วัดพระธาตุจอมปิง” ในที่สุด เพื่อนเราหลายคน มาเที่ยวที่วัดพระธาตุลำปางหลวงเป็นหลัก แต่ไม่เคยรู้ว่ามีอีกหนึ่งวัดไม่ไกลกันมาก มีเงาพระธาตุให้ชมด้วย ดังนั้นในฐานะเจ้าบ้าน หากเพื่อน ๆ มีเวลามากพอ ก็แวะมาเที่ยวชมวัดพระธาตุจอมปิง อ.เกาะคา จ.ลำปาง แห่งนี้กันได้นะคะ