มหาสารคาม เป็นจังหวัดบ้านเกิดของผมเองครับ เป็น 1 ใน 20 จังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็น "สะดืออีสาน" เนื่องจากตั้งอยู่ตอนกลางของภูมิภาคนั่นเองครับ เป็นจังหวัดที่ผู้คนน่ารัก โอบอ้อมอารี ใช้ชีวิตเรียบง่ายและอยู่อย่างพอเพียง ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เคยได้รับเลือกให้เป็นจังหวัดที่มีความสุขที่สุดในประเทศไทย 2 ปีซ้อน เมื่อปี 2549-2550 โดยการสำรวจของกรมสุขภาพจิต และยังได้รับฉายาว่าเป็น "เมืองตักศิลานคร" หรือเมืองแห่งการศึกษานั่นเองครับ เนื่องจากมีสถาบันการศึกษาที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพหลายแห่ง นักเรียน นักศึกษา ให้ความสนใจและมาเรียนที่จังหวัดมหาสารคามเป็นจำนวนมาก ผมเองก็จบจากมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคามเช่นเดียวกัน นอกจากนี้จังหวัดมหาสารคามยังมีการค้นพบแหล่งโบราณคดีที่สำคัญตั้งแต่สมัยอดีต มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงโบราณคดีมากมายให้คนรุ่นหลังได้เข้ามาศึกษาและหาความรู้เกี่ยวกับจังหวัดมหาสารคามมากมายหลายแห่ง วันนี้ผมจึงจะมาแนะนำทุกคนให้รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึงจังหวัดมหาสารคามกันครับ 1. พระธาตุอินทร์แปลง ชาวจังหวัดมหาสารคามหลายคนรวมถึงผมด้วยอาจจะยังไม่เคยได้ยินชื่อและอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีพระธาตุแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เนื่องจากพระธาตุแห่งนี้เพิ่งเริ่มเป็นที่รู้จักและเริ่มมีคนนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ให้เห็น เมื่อผมมีโอกาสได้เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดมหาสารคาม ผมจึงตัดสินใจที่จะไปดูให้เห็นว่าพระธาตุแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ไหน ทำไมผมถึงไม่เคยรู้มาก่อน พบว่า "พระธาตุอินทร์แปลง" ตั้งอยู่ที่ บ้านแก่นท้าว ต. เม็กดำ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม นั่นเองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านผมเลย เมื่อไปถึงสถานที่ตั้งขององค์พระธาตุอินทร์แปลงสิ่งแรกที่ต้องพูดคือ ว้าว และทึ่งกับความสวยงามของพระธาตุอินทร์แปลงและไม่น่าเชื่อว่าจะมีพระธาตุสวย ๆ แบบนี้อยู่ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามด้วย องค์พระธาตุอินทร์แปลงได้แรงบันดาลใจมาจากพระธาตุพนม จ.นครพนม และส่วนยอดนั้นจำลองมาจากพระธาตุนาดูน จ.มหาสารคาม ซึ่งมีหลวงพ่อสมาน โอภาโส อดีตเจ้าอาวาสได้พาชาวบ้านสร้างพระธาตุนี้ขึ้นด้วยความศรัทธา ซึ่งปัจจุบันถือว่าเสร็จสมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักของผู้คนมากนัก ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวที่จังหวัดมหาสารคามต้องห้ามพลาดมาเช็คอินที่นี่กันด้วยนะครับ 2. พระธาตุนาดูน พระธาตุนาดูน ตั้งอยู่ที่ ต.นาดูน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นสถานที่ที่ค้นพบแหล่งโบราณคดีทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีต เนื่องจากบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของ "นครจำปาศรี" มาก่อน และที่สำคัญยังมีการขุดพบสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ บรรจุในตลับทองคำ เงิน และสำริด ซึ่งสันนิษฐานว่ามีอายุราวสมัยทวาราวดี จึงได้มีการสร้างองค์พระธาตุขึ้นเพื่อเป็นปูชนียสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวมหาสารคามและชาวอีสาน จนเป็นที่กล่าวขานกันว่าเป็น "พุทธมณฑลอีสาน" เมื่อผมได้มีโอกาสกลับบ้านก็จะแวะไปสักการะขอพรที่พระธาตุนาดูนอยู่เป็นประจำเพราะอยู่ห่างจากบ้านผมเพียง 15 กิโลเมตร เท่านั้นเอง นอกจากนี้พื้นที่โดยรอบองค์พระธาตุก็พัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้มากมาย เช่น สถาบันวิจัยรุกขเวช พิพิธภัณฑ์นครจำปาศรี เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดูนลำพัน เป็นต้น 3. ศูนย์อนุรักษ์ช้าง "ช้างทองคำ" ศูนย์อนุรักษ์ช้าง "ช้างทองคำ" ตั้งอยู่ ริมถนนสายบรบือ-นาดูน ต.นาข่า อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เป็นตำบลบ้านเกิดผมเอง ห่างจากบ้านผมประมาณ 5 กิโลเมตร ถึงแม้ผมจะเป็นคนพื้นที่แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้แวะเข้าไปเยี่ยมชมเลยสักครั้ง แต่ก็เคยเห็นและเดินทางผ่านสถานที่แห่งนี้เป็นประจำเนื่องจากเป็นทางผ่านไปพระธาตุนาดูนและพระธาตุอินทร์แปลงได้ จนเริ่มมีข่าวว่ามีศูนย์อนุรักษ์ช้าง "ช้างทองคำ" และยังเป็นแหล่งผลิต "กาแฟขี้ช้าง" เพื่อนำเงินมาเป็นทุนในการดูแลช่วยเหลือช้างที่อาศัยอยู่ในศูนย์แห่งนี้ ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวและมีนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยมาเที่ยวและมาชิม "กาแฟขี้ช้าง" กันเยอะขึ้น และที่นี่เขายังมีคาเฟ่ให้นั่งจิบชากาแฟด้วยนะครับ บอกเลยว่ารสชาติดีมาก หอมละมุน เหมาะสำหรับคอกาแฟเป็นอย่างมาก แถมยังมีผลิตภัณฑ์ของฝากให้เลือกชมและซื้อเป็นของฝากอีกด้วย โดยเฉพาะ "กาแฟขี้ช้าง" ที่บอกเลยว่าถ้ามาแล้วต้องซื้อติดมือไม้ติดมือกลับบ้านไปไว้ชงกินเองหรือเป็นของฝากก็ยิ่งดีครับ 4. สะพานไม้แกดำ สะพานไม้แกดำ ตั้งอยู่ที่ ท้ายวัดดาวดึง อ.แกดำ จ. มหาสารคาม ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ที่กำลังเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว และเป็นที่นิยมไปถ่ายรูปเช็คอินของเด็กวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีสะพานไม้เก่าทอดยาวข้ามหนองน้ำแกดำ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์ สะพานไม้มีความยาวประมาณ 1 กิโมเมตร มีอายุราว 100 ปี เป็นสะพานที่ชาวบ้านสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามไปมาหาสู่กันระหว่างหมู่บ้านหัวขัวกับหมู่บ้านแกดำ มีการซ่อมแซมและปรับปรุงให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากกำลังเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว และบริเวณรอบ ๆ สะพานไม้แกดำก็มีซุ้มจำหน่ายของฝากและอาหารพื้นบ้านไว้บริการด้วย เมื่อก่อนสมัยที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยผมก็มักจะพาเพื่อน ๆ ไปเป็นประจำ เพราะบรรยากาศดี ลมเย็นสบาย ถ่ายรูปสวย ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวมหาสารคามผมก็อยากแนะนำให้ไปเช็คอินที่สะพานไม้แกดำกันสักครั้งนะครับ 5. วัดป่าวังน้ำเย็น วัดป่าวังน้ำเย็น ตั้งอยู่ที่ ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม เป็นวัดที่ผมเองเคยไปนั่งสวดมนต์ข้ามปีกับเพื่อน ๆ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้สร้างเจดีย์และศาลาอีกหลาย ๆ หลัง ปัจจุบันวัดแห่งนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วครับ และมีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่งโดยเฉพาะศาลาไม้ขนาดใหญ่ซึ่งใช้เสาทั้งหมด 112 ต้น ซึ่งเมื่อก้าวขาเข้ามาในศาลาหลังนี้ก็รู้สึกเย็นสบาย สงบเงียบ และทึ่งกับการสร้างศาลาหลังนี้ด้วยเสา 112 ต้น บวกกับความงดงามของพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายในศาลาแห่งนี้ 3 องค์ด้วยกัน นอกจากนี้ยังมี "เจดีย์ศรีมหาสารคาม" องค์ใหญ่สีทองตั้งโดดเด่นเป็นสง่าสามารถมองเห็นได้แต่ไกล ซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นานมานี้ ทุกครั้งที่กลับไปมหาสารคามผมเองต้องแวะไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่อยู่เป็นประจำ และแน่นอนนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ผมแนะนำอยากให้ไปดูและเห็นสักครั้งหนึ่งเมื่อคุณมีโอกาสมามหาสารคาม เพราะวัดแห่งนี้สวยงามมากจริง ๆ และมีเรื่องราวให้คุณต้องอยากกลับมาที่นี้อีกแน่นอนครับ มหาสารคาม นอกจากเป็น "เมืองตักศิลานคร" เมืองแห่งการศึกษา ผู้คนยังน่ารัก ยังมีขนบธรรมเนียบและวัฒนธรรมดี ๆ และยังมีอีกหลายสถานที่ที่ผมอยากให้ทุกคนได้มาสัมผัส เชื่อว่าทุกคนที่ได้รู้จักและได้มาอยู่ที่มหาสารคามโดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษาส่วนมากจะหลงใหลและไม่อยากจากมหาสารคามไปไหนเลยเมื่อเรียนจบ ถ้าคุณอยากรู้จักมหาสารคามให้มากกว่านี้จังหวัดเรายินดีต้อนรับเสมอนะครับ ภาพถ่ายทั้งหมดโดย : sky uncle