ว่ากันว่าที่ New Zealand เป็นต้นกำเนิดของการกระโดดบันจี้จั๊มแบบเชิงสันทนาการ เป็นที่แรกของโลก โดยจุดเริ่มต้นกิจกรรมท้าความตายประเภทนี้ มีต้นกำเนิดมาจากพิธีกรรมบนเกาะวานูเอทูที่ห่างไกลในมหาสมุทรเปซิฟิก ว่ากันว่าเป็นพิธีกรรมเพื่อไล่วิญญาณชั่วร้ายและขอพรให้ผลผลิตทางการเกษตรงอกงามดี แล้วคุณ อลัน จอร์น แฮกเกต (A.J. Hackett) ก็ได้แรงบันดาลใจ นำรูปแบบการกระโดดจากที่สูงโดยมีเชือกเส้นเดียวมัดที่ข้อเท้ามาพัฒนาให้เป็นกิจกรรมสุดเสียวในชื่อบันจี้ที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยสถานที่แรกที่ถูกเรียกขานว่า Home of Bungy นั้นอยู่ที่สะพาน Kawarau ใกล้กับเมือง Queenstown ใน New Zealand ความสูงของการกระโดดอยู่ที่ 42 เมตร เปิดทำการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1988 แต่อันนี้มันจิบๆ เราจะพาไปอันที่มันสุดกว่านั้น คือ Nevis Bungy โดย Navis Bungy จะอยู่ลึกไปในหุบเขา Navis และที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่โดดบันจี้ที่สูงที่สุดใน New Zealand (อันดับ 14 ของโลก) ด้วยความสูงที่ 134 เมตรค่าโดดต่อครั้งเริ่มต้นที่ 350 ดอลล่านิวซีแลนด์ หรือประมาณเจ็ดพันบาท แพคเกจนี้รวมภาพถ่าย ถ้าจะเอาวีดีโอด้วยบวกเพิ่มอีกประมาณหนึ่งร้อยเหรียญหรือประมาณสองพันบาท แคปซูลที่กระโดดจะห้อยต่องแต่งอยู่กลางหุบเขาจะเข้าไปตรงนั้นจะต้องขึ้นกระเช้าไป โดยก่อนกระโดดจะมีเจ้าหน้าที่มาสาธิตการใส่เซฟตี้ ขอปฎิบัติก่อนการโดดและหลังโดด ชั่งน้ำหนัก และเน้นย้ำให้เราเอาของที่ไม่จำเป็นไปเก็บ ระหว่างที่ฟังเค้าอธิบายก็จะมีเสียงกรีดร้องมาจากทางแคปซูลเป็นระยะๆ How to โดด หลังจากมาถึงแคปซูลพี่ๆ ในนั้นก็จะมารุมเราใส่อุปกรณ์ที่ข้อเท้าแล้วเราต้องกระโดดเหย่งๆ ไปที่เก้าอี้เพื่อให้เค้าร้อยเชือกให้พอลงจากเก้าอี้ก็จะเกิดอาการเดินไม่ออกเนื่องจากตุ้มถ่วงที่ข้อเท้าหนักมาก เราต้องค่อยๆ ดึ๊บๆ ไปที่ไม้กระดานแผ่นน้อยโดยมีสตาฟดึงหลังให้พร้อมกระซิบข้างหูว่า อยากจะโดดเองหรือให้ผลัก เราก็ตอบไปว่า โดดเองดิ เค้าก็ตอบกลับมาว่าครั้งแรกใช่ไหม ถ้างั้นอย่ามองเท้า มองตรงละโน้มตัวไปข้างหน้าเลย มันเป็นจุดที่ต้องต่อสู้กับตัวเอง เหลือบไปมองข้างล่างนิดนึงคือเหวชัดๆ กลั้นหายใจซะ 1 วิแล้วก็ทิ่มหน้าลงไป 2 วินาทีแรกคือความเกร็งในท้องอย่างรุนแรงเสียงลมเสียดหู ลมแห้งๆ จากหุบเขาทำให้ตาพร่ามัวไปหมด วินาทีถัดมาคือความเสียวมันทะลุหลอดจนต้องกริ๊ดออกมาแบบไม่เป็นศัพท์แต่จุดพีคมันยังมาไม่ถึง พอถึงจุดที่ต่ำที่สุดก่อนมีการเด้งกลับ ทุกอย่างหยุดนิ่ง สายน้ำด้านล่างไหลเอื่อยๆ อยู่ห่างจากหน้าเราประมาณ 5 เมตร ความรู้สึกเหมือนทุกอย่างในร่างมากองที่ลูกตาจนเชือกเริ่มดึงกลับไป ตัวเราหมุนอยู่กลางอากาศหันหน้าขึ้นไปทางท้องฟ้า ณ จุดๆ นี้ใครเคยฝันว่าตกจากที่สูงแล้วสะดุ้งตื่นบ้าง มันเป็นความรู้สึกเดียวกัน แต่มันไม่ตื่นนี่สิ อาการวูบหวาวในท้องน้อย มือป่ายไปทั่วเพื่อหาที่ยืดเกาะแต่ก็คว้าได้เพียงอากาศ ปากก็เผลอสบทคำหยาบแบบไทยๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว พอถึงจุดต่ำสุดมันก็กลับไปเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดสามครั้ง . . . และทุกอย่างมันก็หยุดเราห้อยต่องแต่งและหมุนขวานิดๆ อย่างหมดสภาพ สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือกลับไปข้างบนด้วยการดึงสลักที่ข้อเท้า หัวของเราก็จะกลับมาตั้งขึ้นอีกครั้ง ท่าตอนกลับขึ้นไปคือลิงกอดเสาดีๆ นี่เองเรากอดเชือกเส้นประมาณข้อมือแน่นมากกลัวร่วง แล้วก็กลับขึ้นไปบนแคปซูลอย่างผู้มีชัยใจเต้นแรงเหงื่อเต็มฝ่ามือด้วยฤทธิ์ของอะดรีนาลีนและความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวว่า ทำไมเราต้องจ่ายเงินแพงๆ เพื่อทำอะไรที่มันเหมือนกับเป็นการฆ่าตัวตายด้วย?