เนื่องจากเราเคยไปพัก Airbnb มาหลายที่มาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เลยอยากจะมารีวิวให้ฟังถึง ข้อดี และ ข้อเสีย ของการพักกับ Airbnb ปัญหาต่างๆ ที่เคยพบเจอมากับตัวเอง รวมถึง Tips ในการเลือกห้องมาฝากกันค่ะ... ขอเริ่มที่ข้อดี 1. ราคาน่ารัก เมื่อเทียบกับห้องพักโรงแรมมีขนาดห้องพอพอกัน - จะยกตัวอย่างเคสที่ไปพักมาเช่นห้องพักที่พัทยา ราคาที่จ่ายไปกับขนาดห้องพักที่ได้ถือว่าคุ้มมาก บางที่คือจ่ายไปราคา 1,200 - 1,500 บาท ได้อ่างอาบน้ำและห้องครัวในตัว ยิ่งถ้าเป็นห้องที่เพิ่งจะเปิดใหม่ เค้าจะมีโปรโมชั่นลดราคา เพื่อจูงใจให้คนมาใช้และเกิดการรีวิว เนื่องจากส่วนใหญ่ ห้องใน Airbnb ห้องที่มักจะขายออกจะเป็นห้องที่มีการรีวิวจากคนใช้เยอะ สำหรับผู้ใช้ใหม่ สามารถกดเข้าไปที่Linkนี้ เพื่อรับส่วนลด 1,200 บาท สำหรับการเข้าพัก และอีก 450 บาทสำหรับการจองทัวร์ประสบการณ์ของ Airbnb ค่ะ* 2. ห้องครัว เครื่องครัว และอุปกรณ์ล้างจาน มาให้พร้อม - บางทีเวลาเราไปออกทริปกับเพื่อนๆ เช่นไปทริปทะเล ก็อาจจะอยากมีโมเม้นกลับมาทำ บาบีคิว ปิ้งย่างทะเล ทำอาหารต่างๆ กันที่บ้านพัก หรือ ห้องพัก ซึ่งในส่วนนี้ หากจองห้องกับโรงแรมส่วนใหญ่ก็จะไม่มีห้องครัวให้เราทำอาหารกินเองได้ ดังนั้นการมีห้องครัวในตัวก็ถือว่าช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากการไปเที่ยวและหาร้านอาหารทาน เป็นทำอาหารทานเองกับเพื่อนๆ ในส่วนนี้ หากใครอยากได้ห้องครัว เราแนะนำให้ไปอ่านในรายละเอียดของห้องพักดีดีว่ามีครัวและอุปกรณ์ทำครัวมาให้ด้วยรึเปล่า 3. มีที่พักขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับคนได้มากกว่า 10 คน - บางทีเราก็อาจจะอยากมีโมเม้นไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ แต่ถ้าจองโรงแรมกันไปก็อาจจะแพงเกิน เนื่องจากโดยทั่วไป ห้องนึงสามารถเข้าพักได้แค่ 2 คนเท่านั้น แต่หากจองที่พัก หรือ บ้านพักกับ Airbnb การไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มใหญ่ก็จะสดวกกว่า รวมถึงบางที่พักก็มีโซนห้องนั่งเล่น สระว่ายส่วนตัว และ พื้นที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งรวมมาให้ในราคาเดียวที่จ่าย เรียกได้ว่ามีความเป็นส่วนตัวสุดๆ ความรู้สึกจะเหมือนไปบ้านนอนค้างบ้านเพื่อนเลยค่ะ ข้อเสีย 1. ดู Location ของที่พักค่อนข้างยากในตอนจอง - เนื่องจากบางที่พักที่ปล่อยเช่า เป็นคอนโดที่ไม่อนุญาติให้มีการรับ Airbnb จึงทำให้ไม่สามารถบอกชื่อตึกหรือ Location ของสถานที่จริงได้ ในส่วนนี้ทางผู้จองสามารถทักไปถามผู้ปล่อยเช่าก่อนได้ว่าสถานที่คือที่ไหน หรือในช่วงที่จ่ายเงินเเล้ว ทางผู้ปล่อยเช่า ก็จะส่ง Location ที่เชื่อมกับ Google Map มาให้เราอีกที 2. รูปไม่ตรงกับของจริง - ประสบการณ์ตรงจากผู้เขียนคือเราได้มีการจองห้องพักที่สิงคโปร์ ซึ่งในรูป ที่พักดูดีมาก สะอาด มีหน้าต่าง และแสงแดดส่องถึง ซึ่งก่อนไปเราก็ทำใจว่าห้องจะไม่ค่อยใหญ่มาก แต่ถ้าเทียบกับตอนไปพักที่ญี่ปุ่นหรือไทเป ห้องขนาดนี้ที่สิงคโปร์ก็ถือว่ารับได้ แต่ในความเป็นจริงตอนที่ไปถึงก็คือ ห้องพักมีความอับและทึบมาก หน้าต่างที่มีคือเหมือนเป็นของตกแต่งเพราะเปิดออกไม่ได้ ซึ่งพอเปิดม่านออกมาก็คือทึบมาก มองไม่เห็นอะไรเลย และที่สำคัญคือห้องไม่เก็บเสียงเลย คนเดินผ่านไปผ่านมาได้ยินมาตั้งแต่หน้าลิฟท์ อันนี้ทางแก้ก็คือ ‘เน้นหาห้องที่มีรีวิวจากคนใช้งานจริงเยอะๆ’ จะได้พอทราบข้อเสียของห้องพักก่อนจะตัดสินใจจองค่ะ 3. การสื่อสารกับเจ้าของห้องพัก - โดยส่วนใหญ่จะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ถึงแม้ว่าจะจองที่พักในเมืองไทยก็ตาม บางทีถ้า Jackpot หน่อย เจ้าของตัวจริงก็เป็นคนจีน ซึ่งถ้าหากมีเคสที่เป็นประเด็นขึ้นมาและทางเราต้องการแจ้งปัญหากับเจ้าของห้อง การสื่อสารจะใช้เวลานานมาก ขอยกตัวอย่างเคสที่เกิดขึ้นจริงกับตัวของผู้เขียนคือ ทางเราเคยจองห้องพักที่มีเครื่องครัวและอุปกรณ์ทำครัว (หาก refer จากในรูปตอนจอง และรายละเอียดของห้องพัก) แต่พอไปถึงจริงคือไม่มีอะไรเลยสักอย่าง กระทะ ตะหลิว มีด เขียง ทางเจ้าของห้องไม่มีเตรียมให้ไว้เหมือนในรูป ซึ่งเราก็ต้องทักแชทและโทรไปแจ้งปัญหากับเจ้าของเพื่อให้เค้านำอุปกรณ์ต่างๆ มาให้ เคสนี้ไม่มีปัญหาเพราะคุยกันได้และเจ้าของห้องก็เอาของมาให้พร้อมกับขอโทษในความไม่สะดวกในภายหลัง วิธีแก้ปัญหาของเราหลังจากเจอเคสนี้คือเราจะทักไปถามก่อนทุกครั้งว่าของที่มีในห้องมี List พวกนี้ด้วยใช่ไหม หากใช่ก็ค่อยจอง 4. ที่จอดรถ - ต้องสังเกตดีดีว่าที่พักของเรามีที่จอดรถให้หรือไม่ ในกรณีที่คุณจะขับรถไปเที่ยวและเข้าพัก ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็จะมีให้ แต่เราก็ต้องแจ้งเค้าก่อนล่วงหน้าว่าจะนำรถมาจอด เนื่องจากทางเจ้าของต้องประสานงานกับทางที่พักล่วงหน้า ส่วนใหญ่ก็จะประมาณ 2-3 วัน แต่บางที่พักก็จะเขียนว่า ‘มีที่จอด’ แต่เป็นที่จอดแบบข้างถนน หรือที่จอดแบบเสียตังค์ และยิ่งจอดข้ามคืนก็จะยิ่งแพง ดังนั้นใครไม่อยากเสียเงินเพิ่มในส่วนนี้ แนะนำให้อ่านรายละเอียดและคุยกับเจ้าของห้องก่อนจองค่ะ 5. โดนเท แบบไม่ทันได้ตั้งตัว - อันนี้เจอมากับตัว เนื่องจากผู้เขียนจองห้องที่ไทเป ประเทศไต้หวัน ไว้ล่วงหน้า 2 เดือน แต่ในช่วง 1 อาทิตย์สุดท้าย ทางที่พักขอยกเลิกการเข้าพักของเรา ทำให้เราต้องวุ่นหาที่พักใหม่ในระยะเวลาอันสั้น และอย่างที่ทุกคนพอจะทราบ ยิ่งเราจองช้า ก็ยิ่งเหลือตัวเลือกน้อย เเละราคาแพง Tips สำหรับเรา ง่ายที่สุดเลยคือ ก่อนจะเข้าพักควรจะต้องทำสิ่งเหล่านี้… 1. ต้องเอาไว้ในใจก่อนว่าอยากได้อะไร แล้วมองหาสิ่งเหล่านั้นในตอนเลือกห้อง เช่น อยากได้ที่จอดรถ อยากได้อุปกรณทำครัว อยากได้ห้องส่วนตัว ไม่ใช่ห้องในบ้านที่อยู่ร่วมกับเจ้าของบ้าน Source: Airbnb Website 2. อ่านรีวิวจากผู้เข้าพักจริง พยายามไล่อ่านเยอะๆ จะได้เข้าใจถึงข้อดีข้อเสียของที่พักของเรามากขึ้น และถ้าหากว่ารับไม่ได้ เราก็ตัดห้องนั้นทิ้ง เช่น บางที่พักคนรีวิวว่าห้องน้ำสกปรกมาก หรือบางทีก็จะมี Auto Review ที่เกิดจากการที่เจ้าของห้องเป็นคนยกเลิกการจองเอง หรือพูดง่ายๆ ก็คือเทผู้เช่า ส่วนนี้ก็จะยิ่งทำให้เราเข้าใจถึงความเสี่ยงของการจองห้องพักห้องนั้นว่าเราก็อาจจะเป็นคนที่ถูกเทได้เช่นกัน Source: Airbnb Website 3. แนะนำให้เลือกวันเอาไว้ก่อนเลยหากอยากรู้ว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เราต้องจ่ายจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ ในส่วนนี้ App จะแสดงค่าใช้จ่ายตัวเล็กเอาไว้ว่ารวมทั้งสิ้นในการเข้าพักจะคิดเป็นเงินเท่าไหร่ ที่แนะนำแบบนี้เพราะบางทีเจ้าของห้องใช้วีธีตั้งราคาเข้าพักต่อคืนให้ดูต่ำเพื่อล่อให้คนเข้ามาดูที่พัก แต่พอจะกดจองจริงๆ จะมีค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าทำความสะอาด ซึ่งในบางกรณีอาจจะแพงกว่าค่าเข้าพักไปอีกเท่าตัว 4. คุยกับเจ้าของห้องพัก ถามรายละเอียดต่างๆ ที่เรากังวลหรือสงสัยอีกทีก่อนตัดสินใจจอง 5. หากมีเหตุให้ไปเข้าพักไม่ได้แล้ว ทาง Airbnb มีระยะเวลาที่เราสามารถยกเลิกการจองโดยไม่เสียค่าปรัปได้อยู่ ในส่วนนี้จะมีโชว์ให้หลังจากที่เราจองห้องพักไปแล้ว หากเพื่อนๆ คนไหนอยากติดตามโปรโมชั่นดีดีหรือการรีวิวอื่นๆ เพิ่มเติม สามารถตามได้ที่ NenReveiw Facebook Page ได้เลยค่ะ #NenReview #เน้นรีวิว #Airbnb #ส่วนลดAirbnb #CodeลดAirbnb *หมายเหตุ: ส่วนลดอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับทาง Airbnb ค่ะ