10 จานเด็ด ใน เทศกาลคริสต์มาสจากรอบโลก วันนี้เขากินอะไรกัน 🎄

10 จานเด็ด ใน เทศกาลคริสต์มาสจากรอบโลก วันนี้เขากินอะไรกัน 🎄
แมวหง่าว
12 ธันวาคม 2566 ( 15:11 )
43.9K
1

     รวมเมนูอาหารจานเด็ด วันคริสต์มาส Christmas ประวัติการเฉลิมฉลองคริสต์มาสอย่างคร่าวๆ เริ่มจากทางประเทศตะวันตกเริ่มฉลองการประสูติของพระเยซู ในวันที่ 25 ธันวาคม ตั้งแต่ปี ค.ศ.354 เป็นอย่างช้า (อ่านที่มาของ วันคริสต์มาสได้ที่นี่) ที่สำคัญสิ่งที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษ คงหนีไม่พ้นอาหารอร่อยๆ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ที่น่ากินทุกอย่าง แถมเป็นวัฒนธรรมที่น่ารู้มากๆ เลย

 

 

10 อาหารจานเด็ด ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส

 

     สำหรับอาหารในเทศกาลเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสนั้น ที่เรารู้กันดีว่าต้องมี ก็คือ ไก่งวงอบ เป็นพระเอกของโต๊ะนั่นเอง โดยชาวตะวันตกจะมีธรรมเนียมให้ชายผู้อาวุโสที่สุดของบ้าน เป็นคนตัดแบ่งไก่งวงให้แก่สมาชิกทุกคน บางบ้านอาจไม่ทำไก่งวงอบ แต่จะทำไก่งวงย่าง (Roast Tom Turkey King David) แทนก็ได้ ส่วนของหวานสุดฮิตจะเป็น “คริสต์มาสพุดดิ้ง” หรือก็คือเค้กผลไม้นั่นแหละครับ แต่พิเศษตรงที่ใช้วิธีนึ่งแทนการอบแบบปกติ เมื่อถึงเวลายกเสิร์ฟจะมีการราดบรั่นดีเล็กน้อย แล้วจุดไฟเพื่อเพิ่มความหอมให้กับพุดดิ้ง

 

 

     และในค่ำคืนนี้ เขาจะมีเครื่องดื่มสุดพิเศษประจำเทศกาล ได้แก่ “คริสต์มาสไวน์” ถือเป็นเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมในเทศกาลวันคริสต์มาสเช่นนี้มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ในวันคริสต์มาสของทุกปีนั้นอยู่ในช่วงหน้าหนาว ชาวตะวันตกจึงนิยมดื่มไวน์ เพราะถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ในขณะที่อังกฤษเองนอกจากดื่มไวน์แล้ว ยังมี “วาสเซล” ซึ่งเป็นเครื่องดื่มร้อนที่ผสมแอลกอฮอล์และเครื่องเทศ ไว้สำหรับดื่มในเทศกาลวันต์มาสนี้เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย

 

 

     นอกจากนี้ ยังมีวัฒนธรรมด้านอาหารในเทศกาลคริสต์มาสที่แต่ละประเทศมีไม่เหมือนกันด้วย เมนูประเทศไหนเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย

 

1. Risalamande

ประเทศเดนมาร์ก

 

 

     เริ่มกันที่เดนมาร์ก เริ่มต้นด้วยของหวานจานเด็ดที่มีชื่อว่า Risalamande ซึ่งชาวเดนิชรับประทานกันในช่วงเทศกาลคริสต์มาสจนเป็นประเพณีสำคัญ เรียกได้ว่าเป็นเรื่องประหลาดมาก ถ้าใครผ่านเทศกาลคริสต์มาสไปโดยไม่ได้กินเมนูนี้

 

     Risalamande ทำจากข้าวเมล็ดกลมต้มกับนมจนแฉะคล้ายข้าวเปียก จากนั้นนำมาคลุกกับวิปครีม ใส่น้ำตาลและเกลือลงไปเล็กน้อย ตามด้วยเมล็ดอัลมอนด์ทุบจนได้ข้าวแฉะๆ ที่มีรสชาติหอมมัน นุ่มละมุนลิ้น ต่อมาก็นำไปแช่เย็น ก่อนรับประทานคู่กับซอสสีแดงที่ทำจากน้ำเชอรี่ รสชาติออกเปรี้ยวหวานตัดความเลี่ยนของตัวข้าวได้อย่างดีเลิศ เสน่ห์ของประเพณีการรับประทาน Risalamande ที่เด็กๆ ชอบกันเป็นพิเศษก็คือ แม่ครัวจะใส่เมล็ดอัลมอนด์ (ที่ยังไม่ได้ทุบ) ลงไปในหม้อข้าวต้มก่อนที่จะตักแบ่งให้สมาชิกครอบครัวซึ่งมารวมตัวกันเพื่อ งานนี้โดยเฉพาะ และหากคนไหนได้อัลมอนด์ (เต็มเมล็ด) จะถือว่าเป็นผู้โชคดีได้รับของขวัญซึ่งเจ้าภาพเตรียมไว้ แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามเผลอเคี้ยวและกลืนไปซะก่อน ไม่งั้นอด (ผิดกติกา)

 

2. Buche de Noel

ประเทศ ฝรั่งเศส

 

 

     ในขณะที่เมืองน้ำหอมอย่าง “ฝรั่งเศส” จะรับประทาน เค้กรูปขอนไม้ หรือ Buche de Noel หรือ Yule Log โดยมากเค้กชนิดนี้จะทำจากแผ่นสปันจ์เค้กม้วนจนกลม (คล้ายๆ แยมโรล) ตกแต่งด้วยครีมสีน้ำตาล เป็นเปลือกไม้ไอซิ่งแทนหิมะ เมอร์แรงแทนเห็ด ผลราสเบอรี่ และตามด้วยลูกสนจนหน้าตาดูเหมือนขอนไม้จริงๆ ตามตำนานเล่าว่า ในสมัยพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ได้มีกฎให้ประชาชนในปารีสปิดปล่องไฟในระหว่างฤดูหนาว เพราะเชื่อกันว่า การเปิดปล่องไฟทิ้งไว้ทำให้อากาศหนาว เมื่ออยู่บ้านจะทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย คำสั่งนี้ทำให้ชีวิตของชาวปารีสที่ผูกพันอยู่กับเตาผิงต้องเปลี่ยนไป และเพื่อระลึกถึงชีวิตเก่าๆ ที่สวยงาม จึงมีการทำเค้กรูปขอนไม้เป็นสัญลักษณ์ขึ้นมา แทนไม้ฟืนที่เคยใช้เป็นเชื้อเพลิง นอกจากนั้นก็ยังเป็นการสร้างโอกาสให้สมาชิกในครอบครัวมาร่วมรับประทานเค้กด้วยกัน และพูดคุยเล่าเรื่องต่างๆ เหมือนครั้งที่เคยนั่งผิงไฟ สร้างความอบอุ่นร่วมกันเหมือนเมื่อตอนที่เตาผิงยังใช้ได้อยู่

 

3. Turrón

ประเทศ สเปน

 

 

     ไปที่ดินแดนกระทิงดุกันบ้าง สเปนก็มีของหวานยอดฮิตที่ขาดไม่ได้ของชาวสเปน สำหรับเทศกาลคริสต์มาสในทุกๆ ปี คือ ขนมหวานที่เรียกว่า ตูรอน (Turrón) ดูไปดูมาอารมณ์ประมาณ “ถั่วตัด” บ้านเรา ทำจากน้ำผึ้ง ไข่ขาว และถั่ว มีทั้งแบบใส่อัลมอนด์ เฮเซลนัท และถั่วชนิดอื่นๆ นำมากวนให้เข้ากันจนงวด แข็ง แล้วตัดแบ่ง มีทั้งแบบเป็นแต่งสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบบกลม แบบหนา แบบบาง ขนมตูรอนนั้นมีประวัติความเป็นมาเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 บ้างก็ว่าขนมชนิดนี้แท้จริงแล้วถูกทำขึ้นครั้งแรกโดยแขกมัวร์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเข้ามาครอบครองดินแดนแถบเมืองคิโคน่า แคว้นอลิกันเต้ ต่อมาก็แพร่หลาย และได้รับความนิยมไปถึงแคว้นอื่นๆ รวมทั้งประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของสเปนด้วย ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์หรือละตินอเมริกา

 

4. Christmas Pudding

ประเทศ อังกฤษ

 

 

     เขยิบไปดูเมืองผู้ดีอย่างอังกฤษ ที่นี่ขนมออริจินัลสำหรับคริสมาสต์ไม่ใช่อะไรอื่น “คริสต์มาสพุดดิ้ง” นั่นเอง เขาถือกันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความอบอุ่นในครอบครัว เพราะโดยมากในแต่ละบ้านมักมีสูตรเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของตนสืบต่อกันรุ่นต่อรุ่น พุดดิ้งชนิดนี้มีเนื้อค่อนข้างหนัก เพราะมีส่วนผสมหลักเป็นผลไม้แห้งและถั่ว สีจะออกคล้ำถึงดำ เนื่องจากใช้น้ำตาลทรายแดง และน้ำเชื่อมที่มีสีดำ ขั้นตอนการทำพุดดิ้งชนิดนี้นับว่าเป็นกิจกรรมพิเศษอย่างหนึ่งของสมาชิกในครอบครัว เพราะมีธรรมเนียมว่า สมาชิกทุกคนจะต้องมาช่วยกันคนส่วนผสม และระหว่างคนก็สามารถอธิษฐานขอพรได้ 1 ข้อแล้วจะสมหวัง ที่น่ารักไปกว่านั้นคือ สมัยก่อนจะมีประเพณีการใส่เงินเหรียญ 6 เพนนี ลงไปอบกับส่วนผสมด้วย หากใครได้เหรียญก็จะถือว่าเป็นผู้โชคดี เชื่อว่าจะเจอแต่สิ่งดีงามตลอดปีที่กำลังจะมาถึง ขนมชนิดนี้มักประดับประดาด้วยช่อโฮลีก่อนเสิร์ฟ หรือไม่ก็ราดด้วยบรั่นดีแล้วจุดไฟเป็นการเรียกเสียงปรบมือต้อนรับขนมพิเศษ ของคนในครอบครัว

 

5. Julmust

ประเทศ สวีเดน

 

 

     ข้ามไปที่สวีเดน เมนูเด็ดของชาวสวีดิช อาจจะแปลกไปจากของประเทศอื่นๆ ซักหน่อย เนื่องจากไม่ใช่อาหารที่ปรุงกันเองตามบ้าน แต่เป็นน้ำอัดลมชนิดพิเศษที่มีขายเฉพาะในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเท่านั้น น้ำอัดลมที่ว่านี้ มีชื่อเรียกว่า Julmust หรือ ยูลมุส มีรสชาติใกล้เคียงกับเบียร์ และมีส่วนผสมประกอบด้วย โซดา น้ำตาล และ Hop (เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งใช้ในการหมักเบียร์) เชื่อกันหรือไม่ว่า ทุกๆ ปีในช่วงเดือนธันวาคม Julmust จะมียอดขายพุ่งกระฉูด แซงโค้งเครื่องดื่มน้ำดำยี่ห้อดังๆ ซึ่งยอดขายตกลงกว่าร้อยละ 50 เลยทีเดียว เพราะบางคนเล่นซื้อกันเยอะๆ เพื่อเก็บไว้กินอีกทั้งปี ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะกว่าจะได้ดื่มอีกก็ตั้งปีหน้าธันวาโน่น

 

6. Eggnog

ประเทศ สหรัฐอเมริกา

 

 

     ที่อเมริกา นอกจากเมนูหลักๆ อย่างไก่งวง และคริสต์มาสพุดดิ้งแล้ว แล้วที่นี่เขายังมีเครื่องดื่มแก้หนาวสูตรพิเศษที่เรียกว่า เอ้กน็อค (EggNog) เพิ่มขึ้นมาด้วย ซึ่งเจ้าเอ้กน็อคที่ว่านี้ทำมาจากครีม น้ำตาล นมสด และไข่ไก่ ก่อนจะนำไปปั่นรวมกันก่อนจะเติมเหล้ารัมตบท้าย

 

7. Gluhwein

ประเทศ ออสเตรีย

 

 

     ฝั่งอาณาจักรแห่งดนตรีและศิลปะอย่างออสเตรีย ก็มีเครื่องดื่มแก้หนาวที่นิยมดื่มในช่วงเทศกาลคริสต์มาสด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือ กลูไวน์ (Gluhwein) หรือ ฮ็อตไวน์ (Hot wine) ที่ทำจากไวน์แดงนำมาอุ่นให้ร้อน ๆ ก่อนจะโรยผงเครื่องเทศลงไปด้วย

 

8. Flaeskesteg

ประเทศเดนมาร์ก

 

 

     Flaeskesteg (flæskesteg) หรือ หมูกรอบเดนมาร์ก อีกหนึ่งเมนูคริสต์มาสของเดนมาร์ก บอกเลยว่าชาวเดนมาร์กให้ความสำคัญกับเทศกาลคริสต์มาสนี้เป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นวันครอบครัว ที่ทุกคนจะต้องกลับมารวมกันที่บ้านเพื่อร่วมเฉลิมฉลองกันพร้อมหน้าพร้อมตา ซึ่งสิ่งที่ะทำในวันคริสมาสต์ของแต่ละครอบครัวก็คือการ ทานอาหารร่วมกัน ร้องเพลง เต้นรำรอบต้นคริสต์มาส มอบของขวัญกัน และเมนูอาหารประจำเทศกาลที่ทุกครอบครัวจะขาดไม่ได้ ก็คือ Flaeskesteg หรือ หมูที่ถูกนำมาอบจนหนังกรอบนั่นเองค่ะ

 

8. Gingerbread

 

 

     เมนูคริสต์มาสต่อมาก็คือ Gingerbread หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ขนมปังขิง นั่นเองค่ะ ขนมปังขิงมีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ ขนมปังขิงในเทศกาลคริสต์มาสนิยมทำเป็นรูปเด็ก (แต่ก็มีทำเป็นรูปทรงอื่นำได้เช่นกัน) แล้วตกแต่งหน้าตาด้วยน้ำตาลไอซิ่ง โดยจะใส่ส่วนผสมของเครื่องเทศหลายหลากชนิด และหนึ่งในนั้นก็คือผงขิง ทำให้ขนมปังขิงมีรสชาติของขิงที่โดดเด่นกว่าเครื่องเทศชนิดอื่น ทานกับชาร้อนเข้ากันสุดๆ เลยค่ะ

 

10. Smalahove

ประเทศ นอร์เวย์

 

 

     จานสุดท้ายออกจะโหดไปนิดนึง ส่งประกวดโดยนอร์เวย์ มันคือหัวแกะที่เรียกว่า Smalahove วิธีการก็คือนำหัวแกะมาปิ้ง ลอกขน ผ่าครึ่งตามยาว เอาสมองออก ปรุงรสด้วยเกลือหรือนำไปรมควันแล้วตากแห้ง เสร็จแล้วนำมาเคี่ยวกับน้ำซุปจนงวด รับประทานกับมันบด และหัวตาบาก้าบด ส่วนที่อร่อยที่สุดก็คือลิ้น และกล้ามเนื้อตา ช่วงปี 2541 อียูได้ออกกฎหมายห้ามรับประทานหัวแกะที่โตเต็มวัยแล้ว เพราะเสี่ยงต่อการมีเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้นตอนนี้จึงอนุญาตให้รับประทานได้แต่หัวลูกแกะเท่านั้น

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

ยอดนิยมในตอนนี้