กินโต้รุ่งให้พุงกาง Street Food Market Jalan Alor ใจกลางเมือง กัวลาลัมเปอร์

กินโต้รุ่งให้พุงกาง Street Food Market Jalan Alor ใจกลางเมือง กัวลาลัมเปอร์
MEEKAO
1 กุมภาพันธ์ 2566 ( 11:00 )
42.6K

     ใครมีโอกาสมาเที่ยว กัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur) เมืองแห่งความหลากหลายวัฒนธรรมของ ประเทศมาเลเซีย ทั้งที แต่ดันพลาดโอกาสไปเดินช้อปและชิม เมนูอร่อย ที่ สตรีทฟู้ดมาร์เก็ต จาลันอาลอร์ (Street Food Market Jalan Alor) ย่านบูกิตบินตัง (Bukit Bintang) บอกเลยว่าน่าเสียดายมาก ถ้าอยากรู้ว่าเพราะอะไร ก็ตามเรามาหาคำตอบกันได้เลย

 

shutterstock.com/Baiterek Media

 

ชิมอาหารรสชาติโดนใจ ที่ สตรีทฟู้ดมาร์เก็ต จาลันอาลอร์

 

     ทันทีที่พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า พ่อครัวประจำร้านสตรีทฟู้ดนานาชาติย่านบูกิตบินตังก็พร้อมใจกันเปิดเตาควงตะหลิวพร้อมปรุงอาหาร ส่วนพนักงานหน้าร้านก็ส่งเสียงเรียกผายมือเชิญชวนเหล่านักชิมจากทั่วทุกมุมโลกให้ตบเท้าเข้ามาลิ้มรสอาหารเด็ดเมนูติดดาวกันอย่างแข็งขันตลอดคืน

     ด้วยความที่ อาลันจาลอร์ ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองหลวงอย่าง กัวลาลัมเปอร์ ทำให้การเดินทางมายังตลาดโต้รุ่งแห่งนี้ทำได้ง่ายมากๆ และมีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น รถประจำทาง แท๊กซี่ รถไฟโมโนเรล รถยนต์ส่วนตัว หรือจะเดินเท้าชิลๆ หลังจากช้อปปิงในย่านบูกิตบินตังมายังตลาดอาลันจาร์ลอร์ ก็ใช้เวลาเพียง 10 - 15 นาทีเท่านั้น

 

ดื่มด่ำค่ำคืนแห่งแสงไฟ ลิ้มลองอาหารรสชาติโดนใจจนพุงกาง

     หากถามว่าบรรยากาศสตรีทฟู้ดในจาลันอาลอร์ น่าสนใจแค่ไหนกันเชียว เราอยากให้ลองนึกภาพความมีชีวิตชีวาของถนนเยาวราชยามค่ำคืนในแบบย่อส่วน แม้ว่าขนาดของตลาดแห่งนี้จะไม่ได้ใหญ่โตเทียบเท่าไชน่าทาวน์เมืองไทย แต่ถนนสายอาหารใจกลางเมือง KL นี้ ก็คราคร่ำไปด้วยสีสันของแสงไฟจากป้ายชื่อร้านที่เปล่งแสงแข่งแบบไม่มีใครยอมใคร ไหนจะโต๊ะและเก้าอี้สีสันสะดุดตาที่ถูกจัดวางเรียงรายไว้ตลอด 2 ข้างทาง ยังไม่นับรวมเมนูอาหารละลานตาที่รอให้นักชิมจากทุกสารทิศได้มาช้อปและชิมอาหารรสชาติสุดประทับใจอยู่ทุกวัน ใครปักหมุดจะมาตลาดแห่งนี้ บอกว่าต้องรีบเคลียร์พื้นที่ว่างในกระเพาะรอตั้งแต่ช่วงบ่าย เพราะถ้ามาแบบอิ่มแล้วจะต้องรู้สึกเสียดายมากๆ เนื่องจากคุณจะพลาดโอกาสการได้ลองชิมเมนูขึ้นชื่อไปหลายรายการแน่นอน

 

shutterstock.com/Migel

 

     ร้านอาหารในจาลันอาลอร์ ส่วนมากจะเป็นภัตตาคารจีนที่ตั้งอยู่ในตึกแถว หรือเป็นแผงค้าริมทาง ซึ่งพร้อมเสิร์ฟเมนูประจำถิ่นให้นักท่องเที่ยวได้ลองลิ้มรสชาติแบบต้นตำรับ แต่สำหรับคนที่ไม่ถนัดทานอาหารจีนสักเท่าไร ยังไม่ต้องรีบหันหน้าหนี เพราะที่นี่ยังมีอาหารชาติอื่นๆ อย่าง ไทย จีน อินเดีย มาเลเซีย เวียดนาม และอาหารฟิวชันสีสันน่ารับประทานให้เลือกเปิดประสบการณ์การชิมได้ตามความสนใจ

 

     ราคาอาหารโดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่เมนูละประมาณ 8 - 100 RM ซึ่งสนนราคาก็จะแตกต่างกันไปตามวัตถุดิบ และความยอดนิยมของเมนูนั้นๆ ดังนั้นเพื่อให้สามารถเดินชิมอาหารให้ได้หลายๆ เมนู อาจต้องวางแผนล่วงหน้ากันสักนิด โดยการเลือกทานจานติดดาวที่ย่อยง่าย ไม่อิ่มมากเกินไป ที่สำคัญหากในคณะเดินทางมีผู้ช่วยชิมหลายๆ คน ก็จะทำให้ทริปตระเวนกินโต้รุ่งให้พุงกาง สนุกและอิ่มหนำสำราญมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

 

เมนูห้ามพลาด ที่ จาลันอาลอร์
มาแล้วต้องขอชิมให้ได้สักครั้ง

 

     ในเมื่อโฆษณากันเต็มที่ว่าอาหารจานเด็ดรสชาติดีมีให้เลือกชิมเยอะมาก แล้วถ้าไปในฐานะนักชิมมือสมัครเล่นล่ะ จะรู้ได้อย่างไรว่าจานได้เด็ดจริงไม่จกตาหรือพาเลี่ยน เราเลยถือโอกาสแปะลิสต์เมนูชวนลอง ที่ถ้ามาเยือนจาลันอาร์ลอร์แล้วต้องชิมให้ได้สักที ดังนี้

 

1. Soup Pan Mee

 

 

     Soup Pan Mee จานขึ้นชื่อของร้านอังเคิลลี (Uncle Lee) เมนูนี้มีหน้าตาคล้าย ๆ กับก๋วยเตี๋ยวน้ำในบ้านเรา โดยวัตถุดิบหลักที่ยกทัพมาชวนให้ลิ้มลองในชามจะประกอบไปด้วย เส้นบะหมี่โฮมเมด ที่มีลักษณะแบน ขนาดใหญ่และหนากว่าก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ท๊อปด้วยผัก เห็ดหอม เนื้อสัตว์ (หมู/ไก่) ลูกชิ้น และปลาแอนโชวีทอดกรอบ เสน่ห์ของเมนูนี้อยู่ที่น้ำซุปเคี่ยวจากปลาแอนโชวี จนมีรสชาติกลมกล่อม กลิ่นหอมเตะจมูก และรู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่กลืนน้ำซุปผ่านลำคอ

 

2. Satay (สะเต๊ะ)

 

 

     เมนู สะเต๊ะ มีให้เลือกชิมทั้งสะเต๊ะเนื้อ สะเต๊ะไก่ และสะเต๊ะแกะ สัมผัสคำแรกรู้ได้เลยว่าเค้าหมักเครื่องเทศมาอย่างดีและเข้าเนื้อมากๆ เนื้อนุ่ม ฉ่ำ ติดมันหน่อยๆ ย่างแบบไฟลุกโชน จึงหอมกลิ่นควัน จิ้มกับน้ำจิ้มถั่วและอาจาด ตัดเลี่ยนด้วยผักสด อย่าง แตงกวา หอมแดง และพริกชี้ฟ้า หูยยย…เข้ากันได้พอดีเป๊ะ

 

3. ปีกไก่ย่างบาร์บีคิว

 

 

     ปีกไก่ย่างบาร์บีคิว หนึ่งในเมนูยอดฮิตของภัตตาคารจีนชื่อดัง Restoran Wong Ah Wah (W.A.W.) เหตุผลที่นักท่องเที่ยวแทบทุกคนอยากปักหมุดมาเติมพื้นที่ในกระเพาะให้เต็มด้วยเมนูนี้ เป็นเพราะเทคนิคการหมักปีกไก่ให้ซอสและเครื่องเทศซึมซาบเข้าสู่ทุกอณูเนื้อ นำไปย่างไฟอ่อนๆ ให้หนังด้านนอกกรอบอร่อย หอมกลิ่นควันบางๆ ส่วนเนื้อด้านในสุกกำลังดี เมื่อกัดเข้าไปจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มละลายในปาก ที่ชอบมากคือความฉ่ำซอสบาร์บีคิวสูตรของร้าน เมนูนี้ทานเดี่ยวๆ แบบไม่ต้องถามหาน้ำจิ้มได้สบายๆ

 

4. หอยนางรมทอดไข่

 

 

     หอยนางรมทอดไข่ เป็นเมนูที่มองแว่บแรก ชวนให้นึกถึง หอยทอด แต่ที่นี่เค้าเลือกใช้วัตถุดิบเลิศรสอย่าง หอยนางรมตัวอวบๆ นำไปทอดกับไข่จนกรอบ ทานคู่กับซอสพริก ตอนแรกคิดว่าน่าจะไม่ต่างจากหอยทอดของบ้านเรานัก แต่ต้องบอกเลยว่าไม่ เพราะการใช้ไข่แทนแป้งมาทอดคู่กับหอยนางรม จะมอบรสสัมผัสที่กรอบกำลังดี และเทคนิคการทอดให้ไม่อมน้ำมันนี่แหละ คือ เดอะเบสท์!

 

5. กระเบนย่าง

 

 

     กระเบนย่าง แทบจะเป็นเมนูเดียวที่ไม่เคยเห็นในประเทศไทย แถมกูรูก็แนะนำให้ลองสั่งมาทานกันดู พอได้ชิมก็ประทับใจ เพราะเนื้อกระเบนเค้าไร้คาว และมีความจัดจ้านของเครื่องเทศสไตล์มาเลเซียแทรกอยู่ในเนื้อขาว ๆ นุ่ม ๆ ของกระเบนไซซ์กำลังดีที่วางมาบนใบตอง คนที่นี่เค้าจะทานกระเบนย่างคู่กับน้ำจิ้มรสออกเค็มนิดๆ มีกลิ่นกะปิหน่อยๆ อร่อยถูกปากเลยล่ะ

 

6. ไอศกรีมมะพร้าว

 

 

     ไอศกรีมมะพร้าว อิ่มอาหารคาวเสร็จแล้วก็ต้องตบท้ายด้วยของหวาน ซึ่งเมนูสุดชื่นใจที่โด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็คือไอศกรีมหลากรสชาติวางอยู่ในลูกมะพร้าวครึ่งซีก โรยด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน หรือเครื่องเคราตามที่เราอยากทาน แม้เมนูของหวานนี้จะดูเฉยๆ ในสายตาคนไทย แต่การแวะเข้าไปต่อแถวลองชิมไอศกรีมมะพร้าวของร้าน Sangkaya’s ice cream ให้ได้สักครั้ง ก็นับเป็นไอเดียที่ไม่เลว

 

     นอกจากนี้ ยังมีอาหารน่าทานอีกหลายเมนู เช่น อาหารทะเลเสียบไม้ย่าง อาหารทะเลผัดพริกแกงสไตล์มาเลย์ ผัดหมี่ฮกเกี้ยน ติ่มซำ ก๋วยเตี๋ยวผัด (ฝาแฝดกับผัดไทบ้านเรา) โรจัก (ยำสไตล์มาเลย์ ที่นำเอาเต้าหู้ ผัก และผลไม้ มาราดด้วยน้ำยำรสชาติอมเปรี้ยวอมหวาน ทำจากกะปิ น้ำตาลโตนด น้ำมะขามเปียก และพริก โรยด้วยถั่วลิสงคั่ว) เป็นต้น หรือหากเดินๆ อยู่แล้วสะดุดตาภาพในเมนูไหน ลองแวะเข้าไปสอบถามพนักงานประจำร้านได้ คนแถวนี้เค้าสปีคอิงลิชคล่องปรื๋อ

 

 

     ส่วนใครชอบทานผลไม้ ในตลาดแห่งนี้มีแผงผลไม้ให้เลือกช้อปหลายเจ้ามาก เช่นเดียวกับผลไม้ที่มีให้เลือกละลานตา มีทั้งทุเรียนพันธุ์ต่างๆ มะม่วง ขนุน จำปาดะ ส้มโอ สาลี่ มังคุด เงาะ ลางสาด เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าแผงผลไม้ในเมืองไทย

 

shutterstock.com/Inspired By Maps

 

     เมื่ออิ่มแล้วอย่าเพิ่งรีบกลับ อยากชวนให้เดินย่อยกับต่ออีกสักหน่อย ถนนย่านนี้มีเสน่ห์ให้เดินเล่นเก็บรูปถ่ายเพลินๆ เยอะมาก หรือถ้าอยากแวะถ่ายรูปกับสตรีทอาร์ตยามค่ำคืนอัป IG Story ก็เท่ไม่หยอก ใครชอบเดินชมวิถีชีวิตและวัฒนธรรมพื้นถิ่นของชาวมาเลเซียก็บอกเลยว่ามีให้ชมจนตาลาย นอกจากนี้ยังมี การแสดงดนตรีพื้นเมือง และการแสดงเปิดหมวกต่างๆ ที่มาเพิ่มสีสันและเติมบรรยากาศน่าประทับใจให้กับจาลันอาลอร์เป็นประจำทุกค่ำคืน

 

ข้อมูลเกี่ยวกับ Street Food Market Jalan Alor

  • ที่ตั้ง : Jalan Alor Rd., Kuala Lumpur, MALAYSIA
  • เปิดให้บริการ : ทุกวัน 24 ชั่วโมง
  • ช่วงเวลาแนะนำ : 19.00 น. เป็นต้นไป
  • การเดินทาง : 
    - รถประจำทาง : GO Kuala Lumpur City Bus สายสีเขียว และสายสีม่วง 
    - แท๊กซี่ : แนะนำให้ใช้บริการ Grab หรือ Uber จะสะดวกและสบายกระเป๋ามากที่สุด
    - รถไฟโมโนเรล : มาลงที่สถานี Imbi, Raja Chulan หรือ Bukit Bintang ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใกล้ และใช้เวลาเดินต่อจากสถานีฯ มายังตลาดเพียง 5 นาที
    - รถยนต์ส่วนตัว : สามารถใช้บริการที่จอดรถเอกชนใกล้ๆ กับตลาดได้ โดยจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 10 - 15 RM
  • ค่าอาหาร - ของหวาน : เริ่มต้น 6 - 8 RM

 

บทความที่คุณอาจสนใจ