รีเซต

สายช้อปต้องรู้ ! Tax Free และ Duty Free คืออะไร ต่างกันยังไง ?

สายช้อปต้องรู้ ! Tax Free และ Duty Free คืออะไร ต่างกันยังไง ?
เอิงเอย
23 สิงหาคม 2561 ( 07:11 )
27.4K
2

      สายช้อปที่มีแพลนจะไปช้อปเพลินๆ เที่ยวต่างประเทศ แต่หันไปเจอคำว่า Tax Free แล้วบางที่ก็เจอคำว่า Duty Free ด้วย มันก็ชักจะงงๆ เอ๊ะ ! ร้านค้าปลอดภาษีเหมือนกัน แล้ว Tax Free และ Duty Free คืออะไร ต่างกันยังไง ? งานนี้สายช้อปต้องรู้ค่ะ เอาล่ะ มาดูกัน !

 




Tax Free


       ร้านค้าที่ติดสติ๊กเกอร์ว่า Tax Free เอาไว้ ให้เรารู้ไว้เลยว่าภาษีตัวนี้หมายถึง ภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะฉะนั้น Tax Free ก็คือการปลอดภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ Tax ตัวนี้ก็คือที่ในบ้านเราเรียกว่า Vat นั่นเองค่ะ

 

Vassamon Anansukkasem / Shutterstock.com

 

       ยกตัวอย่าง ถ้าเราซื้อสินค้าในประเทศญี่ปุ่นในราคา 500 เยน ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากค่าสินค้าอีก 8% เท่ากับคนญี่ปุ่นต้องจ่ายค่าสินค้านั้นเป็นเงินทั้งหมด 540 เยน แต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติจะไม่ต้องจ่ายเพิ่มตรงนี้ เราจะจ่ายแค่ราคาสินค้า 500 เยนเท่านั้นค่ะ แต่ต้องเป็นร้านที่มีคำว่า Tax Free ติดไว้เท่านั้นนะคะ แต่ถ้าเราไม่เห็นว่ามีติดไว้ก็ลองถามได้เลย ไม่ต้องเขิน

       สำหรับสินค้าที่สามารถยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จะเป็นสินค้าที่มีขายในพื้นที่ของประเทศนั้นๆ เป็นร้านของประเทศนั้นๆ หรือประเทศนั้นๆ ผลิตเอง สินค้าที่ถูกนำมาขายถ้าเป็นของนอกก็เท่ากับเสียภาษีนำเข้า-ส่งออกมาเรียบร้อยแล้ว

 

 

เงื่อนไขการซื้อสินค้า Tax Free

 


ภาษีที่หักลด : คือภาษีมูลค่าเพิ่มในตัวสินค้านั้นๆ จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องเช็คที่ประเทศปลายทางอีกครั้งว่าใช้เรทกี่เปอร์เซ็นต์ เช่น ในเมืองไทยตอนนี้ใช้เรท 7%

เอกสารใช้ยื่นซื้อ : ต้องยื่นพาสปอร์ตกับพนักงานก่อนชำระเงินทุกครั้งเพื่อให้ทราบว่าเป็นนักท่องเที่ยว พร้อมตั๋วเครื่องบินขาออกจากประเทศ

กฎของตัวสินค้า : สินค้าที่ปลอดภาษีมูลค่าเพิ่มจำพวก เครื่องสำอาง ยา และอาหารต้องนำไปใช้นอกประเทศเท่านั้น สินค้าที่ซื้อไปจะถูกแพ็คค่อนข้างแน่นหนา หรือบางร้านอาจไม่แพ็คให้ จะแล้วแต่ร้าน แต่พวกเสื้อผ้า หรือสินค้านอกเหนือจาก 3 ชนิดนี้สามารถแกะใช้ได้เลย

เอกสารหลังซื้อ : พนักงานจะเย็บใบเสร็จติดพาสปอร์ต หรือแนบมาให้เราเมื่อชำระเงินแล้ว เพื่อไว้สำหรับให้พนักงานศุลกากรที่สนามบินตรวจ กรณีถูกเรียกตรวจกระเป๋า ถ้าสินค้าถูกแกะใช้อาจจะมีปัญหาโดนเก็บภาษีย้อนหลังได้ เพราะถือว่าทำผิดกฎ

ผู้ที่สามารถซื้อ : สินค้า Tax Free หรือสินค้าที่ถูกยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จะถูกจำกัดไว้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น ถ้าเป็นคนในประเทศนั้นๆ จะไม่ได้ยกเว้นภาษี

ยอดซื้อขั้นต่ำ : ร้านที่มี Tax Free จะมีการเขียนกำหนดไว้ว่าต้องซื้อยอดเงินเท่าไหร่จึงจะได้รับการยกเว้นภาษี เช่น ในญี่ปุ่นจะต้องซื้อถึง 5,000 เยนจึงจะได้ Tax Free

หมายเหตุ : บางร้านที่ทำ Tax Free ได้อาจลดให้ในใบเสร็จเลย หรือบางร้านอาจต้องไปทำเรื่อง Tax Refund เองค่ะ ต้องลองสอบถามพนักงานดูให้ดีก่อน แต่ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นจะไม่เห็นการทำ Tax Refund กันแล้วค่ะ สามารถเซ็นเอกสาร ยื่นหลักฐาน จ่ายเงินพร้อมหักลดภาษีได้ทันที

=================

 

 

Duty Free

 

       ร้านค้าปลอดภาษี Duty Free ส่วนนี้เราจะค่อนข้างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เพราะมีอยู่เกือบทุกสนามบินบนโลกเลย ภาษีส่วนนี้จะหมายถึงภาษีการนำเข้า-ส่งออก หรือภาษีอากรนั่นเอง

 

Ditty_about_summer / Shutterstock.com

 

       เมื่อร้านค้าที่มีการแปะป้ายว่าตัวเองคือร้าน Duty Free นั่นหมายความว่าสินค้าที่นำมาขายจะปลอดภาษีอากร ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสุรา บุหรี่ ค่ะ

 

 

เงื่อนไขการซื้อสินค้า Duty Free

 


ภาษีที่หักลด : Duty Free จะเป็นร้านปลอดภาษีทุกชนิด ตั้งแต่ภาษีอากร ภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งภาษีบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ และไม่ต้องไปทำเรื่องขอภาษีคืนเหมือนกับ Tax Refund

เอกสารใช้ยื่นซื้อ : การซื้อของจาก Duty Free จำเป็นจะต้องโชว์พาสปอร์ตเสมอ บางครั้งอาจโดนเรียกดูตั๋วเครื่องบินขากลับเป็นการยืนยันว่าเราจะมีการบินออกจากประเทศจริงและสามารถไปรับของที่สนามบินได้

กฎของตัวสินค้า : สินค้าที่ปลอดภาษีอากรต้องนำไปใช้นอกประเทศเท่านั้น สินค้าที่ซื้อไปจะถูกแพ็คค่อนข้างแน่นหนา เพราะต้องนำไปใช้นอกราชอาณาจักรเท่านั้น ส่วนใหญ่เมื่อซื้อสินค้าจากร้าน Duty Free จะต้องไปรับของที่สนามบินตอนขาออกจากประเทศเท่านั้น ไม่สามารถรับของได้ทันที

เอกสารหลังซื้อ : การรับของที่สนามบินเมื่อจ่ายเงินที่ร้าน Duty Free เรียบร้อยแล้ว คุณจะได้ใบรับสินค้าซึ่งแต่ละประเทศก็จะหน้าตาคล้ายๆ กัน คือ จะมีการแนบใบเสร็จ มากับใบรับสินค้าที่คุณต้องไปยื่นรับของที่สนามบิน
ส่วนจุดรับของ ทางร้าน Duty Free จะมีการบอกจุดมาให้ว่าอยู่ส่วนไหนของสนามบิน บางครั้งอาจมีแผนที่มา เราสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ในสนามบินก่อนเดินไปที่จุดรับของเพื่อไม่เสียเวลาหลงอยู่ด้านในนานๆ

ผู้ที่สามารถซื้อ : สินค้าจากร้าน Duty Free นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมทั้งคนในประเทศสามารถซื้อของจากในร้านได้หากมีการเดินทางออกจากประเทศจริง ต้องโชว์พาสปอร์ตและตั๋วเดินทางออกนอกประเทศทุกครั้ง

ยอดซื้อขั้นต่ำ : สินค้า DUTY FREE ไม่มีการกำหนดขั้นต่ำ ว่าซื้อเท่าไหร่จึงจะไม่ต้องเสียภาษี เพราะ ไม่มีการคิดภาษีในราคาสินค้าอยู่แล้วจะซื้อยอดเท่าไหร่ กี่ชิ้นก็ได้ค่ะ

        หลังจากรู้เรื่องกันไปครบแล้ว ก็ได้เวลาช้อปปิ้งต่อแล้วค่ะ คราวนี้ไม่มีงงแน่นนอนว่า อะไรคือ Tax Free อะไรคือ Duty Free กันแล้วนะ !

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก ChangTrixget


ตามติด โปรโมชั่น คูปองส่วนลด ดีล โรงแรม ตั๋วเครื่องบิน Shopping Online และ ร้านอาหาร ได้ที่ https://www.facebook.com/ch.trixget และ https://www.changtrixget.com

 

 

Tips ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจอื่นๆ

รวมส่วนลด คูปอง ให้คนไทย เที่ยวญี่ปุ่น
ช้อปกระจาย สบายกระเป๋า สายช้อปต้องฟิน !

อัพเดท รวม 7 ที่ทำพาสปอร์ต ในกรุงเทพ
คิวน้อย ไม่ต้องรอนาน !

 

 

อัพเดทที่พักสุดชิล ที่เที่ยวสุดมันส์ ที่กินสุดฮิป

ติดตาม travel.trueid.net ได้ที่