รีเซต

หนีร้อนไป เกาะหลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน เที่ยวสตูล ดำน้ำ ดูปะการัง ชิลจังฮู้ !

หนีร้อนไป เกาะหลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน เที่ยวสตูล ดำน้ำ ดูปะการัง ชิลจังฮู้ !
แมวหง่าว
22 กันยายน 2563 ( 16:00 )
66K

     หลีเป๊ะ เกาะงามแห่งอันดามัน จังหวัดสตูล ที่แม้การไปถึงจะต้องใช้เวลาสักหน่อย ทั้งขึ้นเครื่องบิน ต่อรถ ลงเรือ แต่เสียงร่ำลือถึงน้ำใสๆ ปะการังสวยสมบูรณ์ และสารพัดปลาน้อยใหญ่ราวกับตู้อควาเรียม ก็ดึงดูดให้เราหาทริปไปเยือนที่นี่จนได้

 

 

เที่ยวเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล

 

ทริปหลีเป๊ะ Day 1

 

     จะไปถึงหลีเป๊ะให้เร็วที่สุดก็ต้องเริ่มต้นที่สนามบินนั่นเอง ไปลงที่สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ (Hat Yai International Airport) จังหวัดสงขลา ใครเป็นชาวกรุงเทพฯ ก็จองเครื่องรอบเช้าๆ กันได้เลย อย่างทริปนี้เราเลือกเที่ยวแปดโมงเช้า ก็จะถึงหาดใหญ่ประมาณเก้าโมงกว่าๆ จากจุดนี้ก็หารถเพื่อมุ่งหน้าไปยัง ท่าเรือปากบารา ใช้เวลาอีกประมาณชั่วโมงครึ่งถึง (แต่ทริปนี้เราใช้รถตู้ส่วนตัวนะ นั่งสบายหน่อย)

 

 

     ใกล้เที่ยงแล้ว ใครหิวก็แวะหาร้านข้าวระหว่างทางลูบท้องซักนิด เราแวะที่ ร้านทางเลือก ร้านอาหารไทยซีฟู้ด น้ำจิ้มรสแซ่บ ของสดๆ ทั้งนั้นไม่ว่าจะปู หมึก กุ้ง แต่ที่ถูกใจเราเป็นพิเศษจริงๆ กลับเป็น หอยท้ายเภา ราดน้ำยำรสเปรี้ยวหวานนี่แหละ เขาว่าเป็นของดีประจำสตูลเลย ไม่ได้หากินกันได้ง่ายๆ ที่ไหน ใครได้แวะต้องสั่งอย่างเดียว!

 

 

 

     ขึ้นรถออกเดินทางกันต่อ ระหว่างนี้ใครจะนั่งชมวิวหรือนอนพักเอาแรงก็ตามสะดวก (แต่นอนเถอะ) ประมาณชั่วโมงก็จะมาถึงท่าเรือปากบาราแล้ว เสียค่าธรรมเนียมผ่านท่า 20 บาท และค่าเข้าอุทยานอีก 40 บาท เกือบลืมบอก ว่าเกาะหลีเป๊ะนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล ซึ่งจะประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ 51 เกาะ สมชื่อคำว่า ตะรุเตา ที่มาจากภาษามลายู แปลว่า มีอ่าวมาก นั่นเอง

 

 

     ระหว่างทางไปขึ้นเรือจะมีร้านรวงของฝากมากมาย ใครจะซื้ออะไรไปกินระหว่างเดินทางก็ดี หรือถ้าซื้อไปฝากก็ค่อยแวะขากลับก็ได้ ของแนะนำก็คือ ขนมผูกรัก ขนมท้องถิ่นเมืองสตูลครับ เป็นแผ่นแป้งทอดห่อไส้ปลาที่ผัดกับเครื่องแกง อารมณ์คล้ายๆ ปั้นขลิบ แต่อันนี้รู้สึกจะได้กลิ่นของความเป็นทะเลเข้มข้นกว่า

 

     จากตรงนี้ก็จะมุ่งหน้าตรงดิ่งไปเกาะหลีเป๊ะเลย ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง แต่ระหว่างทางเขาก็จะมีการแวะเกาะให้เราได้ขึ้นไปถ่ายรูป ชมทัศนียภาพกัน (ขึ้นอยู่กับเรือที่คุณใช้บริการครับ) เช่น

 

ชายหาด อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล

 

  • เกาะตะรุเตา อดีตเคยใช้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ นักโทษการเมือง และแหล่งซ่องสุมของ “โจรสลัดตะรุเตา” ปัจจุบันนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันแสนเงียบสงบไปแล้วเรียบร้อย ว่ากันว่าใครชอบเที่ยวแนวธรรมชาติแบบแท้ๆ นอนห้องพักอุทยานไม่ต้องมีแอร์ ขอเชิญที่เกาะนี้ได้เลยครับ นักท่องเที่ยวบนนี้จะเป็นชาวต่างชาติเสียเป็นส่วนใหญ่

 

 

  • อีกที่ก็คือ เกาะไข่ ที่มีสัญลักษณ์เด่นๆ เห็นกันประจำตามหน้าปกหนังสือท่องเที่ยว ก็คือ “ซุ้มรักนิรันดร” ซุ้มหินธรรมชาติที่โค้งรับกับชายหาดได้รูปทรงสวยงาม ใครไปใครมาต่างก็ต้องแวะชักภาพเป็นที่ระลึกกันทั้งนั้น น้ำทะเลที่นี่ก็ใสดีมากๆ เลย นับเป็นทีเซอร์เล็กๆ ก่อนจะได้ไปเจอของจริงที่หลีเป๊ะ

 

เกาะหลีเป๊ะ ยามเย็น

 

     จากเกาะไข่ก็มุ่งหน้าสู่ หลีเป๊ะ เรือจะจอดบริเวณหาดพัทยา ลงมาปุ๊บจะเจอถนนคนเดินเลย ใครอยากออกมาปาร์ตี้ยามค่ำคืนก็จำโลเคชั่นเอาไว้ได้ ข้อดีก็คือถึงจะมีความครึกครื้น แต่ก็ไม่ได้อึกทึกครึกโครมจนทำลายบรรยากาศของเกาะแม้แต่น้อย อีกอย่าง สัญญาณโทรศัพท์บนเกาะนี้ดีมาก เหมาะกับคนไทยอย่างเรา ที่อยากติดเกาะเหงาๆ แต่ยังคิดถึงโลกโซเชียลอยู่

 

 

     จัดแจงเก็บข้าวของในโรงแรม พักผ่อนเอาแรงซะนิดหน่อยท้องก็เริ่มร้องหิวขึ้นมา อย่ากระนั้นเลยมุ่งหน้าสู่ถนนคนเดิน Walking Street เลยดีกว่า เดินเล่นหาร้านไปเรื่อยๆ เราก็มาหยุดที่ ร้านรักษ์เล ร้านขึ้นชื่อของแถบนี้ มีอาหารทะเลสดมาปิ้งย่างให้เห็น ยั่วน้ำลายกันสุดๆ จนต้องเลี้ยวไปเจิม

 

 

     จบจากของคาวต่อกันที่ของหวาน กับร้าน เตอร์บิลัง ต้นตำรับโรตีชาชัก ที่คนมายืนรอกันเต็มหน้าร้าน ที่นั่งในร้านก็แน่นตลอด จะสั่งอะไรให้เขียนใส่กระดาษทุกครั้ง จำออเดอร์ของตัวให้แม่นๆ เพราะลูกค้าเยอะอย่างนี้มีหลุดมีพลาดคิวกันแน่นอน แต่การรอคอยก็ถือว่าคุ้มค่า โรตีรสดีทุกหน้า โดยเฉพาะรสต้นตำรับที่ทอดออกมากรุบกรอบ หอมกลิ่นเตาสุดๆ ด้านโรตีชาชักที่นอกจากบังจะชงให้เราดูอย่างสนุกสนานแล้ว รสชาติยังกลมกล่อม ไม่หวานแสบคอ หอมชามากๆ อีกด้วย

 

===============

ทริปหลีเป๊ะ Day 2

 

 

     สำหรับวันนี้จะเป็นวันที่เราจะต้องใช้พลังงานเยอะเป็นพิเศษ เพราะจะต้องออกไปดำน้ำกันตั้งแต่เช้า หลังจากกินข้าวเช้า และยาแก้เมาเรือเรียบร้อย ก็ออกเรือมุ่งหน้าสู่ เกาะรอกลอย จุดดำน้ำแรกที่มีน้ำตื้นหน่อย ผู้ร่วมทริปคนไหนที่ยังไม่มีประสบการณ์การใช้หน้ากากดำน้ำสน็อกเกิ้ล ก็จะได้ฝึกซ้อมก่อนลงสนามจริงนั่นเอง หลังจากนั้นเราก็จะเริ่มไปดำน้ำตามจุดต่างๆ ตามที่เรือแวะ จุดที่เป็นไฮไลท์ก็มีหลายที่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น

 

 

  • เกาะหินซ้อน ก็ตามภาพเลยครับ เป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่หินก้อนยักษ์มาวางเรียงกันแบบจะร่วงมิร่วงแหล่ได้ขนาดนี้

 

 

  • เกาะราวี ชายหาดที่หน้าเกาะราวีนี้มีเม็ดทรายขาวละเอียด นุ่มสบายเท้ามากๆ ที่นี่จะเรียกว่าเป็นแหล่งพักรับประทานอาหารกลางวันของแถบนี้เลยก็ว่าได้ เรือทุกลำจะพานักท่องเที่ยวมาแวะกินข้าวโดยพร้อมเพรียงกัน เสร็จแล้วก็จะนั่งเล่นเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจกันสักพักก่อนออกไปผจญภัยกันต่อ

 

 

  • เกาะหินงาม เกาะเล็กๆ ที่เมื่อมองไกลๆ จะนึกว่าล้อมรอบด้วยหาดทรายสีดำ แต่พอเรือแล่นเข้าไปใกล้ถึงได้เห็นว่ามันคือก้อนหินดำมันวาว แต่ละก้อนมีความกลมมน ลวดลายสวยงามทั้งนั้น เกิดจากการกัดกร่อนจากคลื่นนับล้านๆ ปีกว่าจะเป็นเกาะหินงามได้ถึงทุกวันนี้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงไม่ควรนำมาเรียงซ้อนต่อกัน เพราะเมื่อหินร่วงหล่นก็จะแตกหักเสียหาย (ตอนนี้ใครเรียงหินถูกปรับแล้วนะ) รวมถึงไม่ควรหยิบหินติดกลับไปด้วย ลองคิดดูสิครับวันหนึ่งนักท่องเที่ยวมาเป็นร้อย หยิบกลับบ้านกันวันละร้อยก้อน สุดท้ายก็หมดแน่ๆ ปล่อยไว้เป็นความทรงจำที่สวยงาม ให้คนอื่นๆ ได้เห็นกันดีกว่า

 

 

  • ร่องน้ำจาบัง จุดดำน้ำตรงนี้แหละที่เป็นไฮไลท์ที่สุดของที่สุดในหลีเป๊ะ เป็นแหล่งรวมของปะการังอ่อน และปะการัง 7 สีแสนสวย ถามว่าสวยขนาดไหน บอกเลยว่า ไม่รู้! เพราะเรามากันในวันน้ำเชี่ยว ขุ่นจนมองอะไรแทบไม่เห็น เก็บภาพมาได้ไม่กี่รูปก็เหนื่อยจนต้องรีบกลับ ตรงนี้น้ำแรงมากจริงๆ ใครรู้ตัวว่าว่ายน้ำไม่แข็งควรจับเชือกไว้ให้มั่น ไว้คราวหน้าค่อยมาแก้มือกันใหม่ก็ยังไม่สาย

 

 

     หลังจากดำน้ำครบทุกจุดเราก็จะกลับเข้าหลีเป๊ะช่วงบ่ายสี่ เวลาที่เหลือจากวันนี้ก็จะเน้นนอนเป็นหลักเพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ใครมีแรงเหลือแนะนำให้เช่าบริการรถแท็กซี่พาวนเที่ยวก็ดี คิดราคาเหมาชั่วโมงละ 400 บาท ไปนั่งรถชิลล์เก็บบรรยากาศรอบๆ เกาะกัน

===============

ทริปหลีเป๊ะ Day 3

 

     วันสุดท้ายของทริปแล้ว จัดการเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า นั่งเรือกลับฝั่งโดยสวัสดิภาพ ขากลับนี้ไม่มีพาแวะเกาะไหนแล้ว ฉะนั้นใครง่วงก็นอนยาวกันไปเลย พอถึงท่าเรือปากบาราก็อย่าลืมซื้อของกินของฝากที่เล็งไว้ตั้งแต่ขามา หรือใครสะสมจานภาพถ่ายก็ลองไปมองหาหน้าตัวเองได้เลย (จะออกมาสวยรึเปล่าก็แล้วแต่ดวงนาจา)

 

 

     ขึ้นรถมุ่งหน้าเดินทางเข้าหาดใหญ่ สักพักก็เที่ยง เอ้า! ได้เวลากินอีกล่ะ มื้อนี้แวะที่ ฟ้าใส ซีฟู้ด ร้านนี้มีดีที่แมวเยอะ ไม่ใช่สิ มีวิวดีติดทะเล อาหารสดอร่อย และร้านกว้างขวางดี มากับครอบครัวใหญ่ก็นั่งกันสบายๆ เลย

 

 

   มาถึงตัวเมืองหาดใหญ่ทั้งที มีเวลาก่อนจะไปขึ้นเครื่องบินอีกหลายชั่วโมง เราเลยแวะอีกจุดที่ตลาดชื่อดังประจำเมือง ตลาดกิมหยง ที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศเลยทีเดียว มีของขายหลายอย่าง ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า กระเป๋า น้ำหอม นาฬิกา ขนม ของกิน ผลไม้ ฯลฯ แต่ของที่ต้องซื้อให้ได้! เมื่อมาเยือนที่นี่ก็คือ ธัญพืช ถั่วต่างๆ นั่นเอง ทั้งอัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พิสตาชิโอ แมคคาเดเมีย พุทราแห้ง เกาลัด อินทผลัม ฯลฯ ที่นี่จะราคาถูก และมีความสดใหม่ หอมกรุบกรอบกว่าตลาดอื่นจริงๆ นี่เห็นราคาครั้งแรกก็อึ้งเพราะถูกกว่าที่คิดมาก ช้อปกันให้มันไปเลย อย่าลืมเผื่อน้ำหนักกระเป๋ากันด้วยนะ

 

     และแล้วก็เดินทางมาจนถึงสนามบินหาดใหญ่เป็นที่เรียบร้อย เป็นอันจบทริปหลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน ที่น่าประทับใจจนรู้สึกว่าเวลาแค่นี้ยังน้อยไปหน่อย สำหรับการได้มาเห็นท้องทะเลงามๆ แห่งอันดามัน ถ้ามีเวลาเราต้องไปอีกแน่นอน !

====================

 

รวมที่เที่ยว ที่พัก อัพเดทเทรนด์ ฟินทั่วไทยและต่างประเทศ

อ่านง่าย สบายกว่าที่เคย! บนแอปพลิเคชัน ทรูไอดี

ดาวน์โหลดเลยที่นี่!!