พาเที่ยว CORO Field สวนผึ้ง ราชบุรี ปลายฝนต้นหนาว ฟาร์มทันสมัยสไตล์ญี่ปุ่นสุดชิค แห่งแรกในไทย
วันหยุดเสาร์ อาทิตย์นี้ ใครที่กำลังมองหา ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ ขับรถไม่นาน ละก็ ต้องห้ามพลาดเลย ! ครั้งนี้เราขอสะพายกล้อง พาทุกคนเที่ยว CORO Field ฟาร์มทันสมัยสไตล์ญี่ปุ่นแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ สวนผึ้ง ราชบุรี กันครับ ถ้าอยากรู้ว่าที่นี่มีอะไร ก็ตามเราไปดูกันเลย
CORO Field สวนผึ้ง ราชบุรี
การเดินทางมาที่นี่ ไม่ลำบากอย่างที่คิดครับ ใช้เส้นทางหมายเลข 3208 ไปยัง อ.สวนผึ้ง ระยะทางประมาณ 47 กิโลเมตร ขับตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเห็น Coro Field ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ มีน้องโคโร่ รอต้อนรับอยู่ น่ารักมากเลยเนอะ ! ซึ่งเอาง่ายๆ มันก็ติดถนนราชบุรี-ผาปก นี่แหละ
เมื่อมาถึงกันแล้ว ก็จะพบโซนแรก อย่าง โซน CORO CAFE กันก่อนเลยครับ ที่นี่ เป็นคาเฟ่กึ่งบิสโทร เมนูทั้งหลายก็จะเป็นรูปแบบ Japanese Fusion Food เน้นความเรียบง่าย รวมไปถึงการตกแต่งร้านที่เน้นการใช้โทนสีขาว สบายตา
บรรยายมาซะขนาดนี้แล้ว ก็ต้องกินก่อนละกัน ! เมนูที่เราสั่งไปก็จัดหนัก จัดเต็ม ทั้งของคาว และของหวาน สั่งกันเพลิน รู้ตัวอีกทีก็เสิร์ฟมาเต็มโต๊ะไปหมดแล้ว ฮ่าๆๆ
สำหรับเราแล้ว คิดว่าอาหารของที่นี่รสชาติดีมาก แถมยังได้สุขภาพอีกด้วย เพราะผักทุกอย่าง รวมถึงผลไม้ ที่ปรุงลงในทุกเมนู ก็เป็นของฟาร์มเอง โคตรออร์แกนิคสุดๆ ถ้าให้เรายกตัวอย่างเมนูที่เราชอบละก็ คงต้องยกให้กับเมนู สลัดผักออร์แกนิค มะเขือเทศเชอร์รี่ฮอลแลนด์ และ ข้าวปลาสามรส ครับ
กินกันจนอิ่มแล้ว ก็ถึงเวลาท่องฟาร์ม CORO Field กันแล้ว ! ที่นี่มีพื้นที่ทั้งหมด 104 ไร่ครับ ซึ่งทุกพื้นตารางเมตร (จริงๆ) จะเต็มไปด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจให้เราได้ร่วมทำกัน เต็มไปหมด ! แถมยังได้เรียนรู้เรื่องราวของการทำเกษตรรูปแบบใหม่ กันอีกด้วย
เริ่มต้นกันด้วยไฮไลท์หลัก ของที่นี่กันดีกว่าครับ กับ โซน CORO HOUSE กรีนเฮ้าส์ขนาดใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยที่สุดจากอิสราเอล ควบคุมการเพาะปลูกด้วยระบบคอมพิวเตอร์ครับ โหหหห…ล้ำอ้ะ !
ซึ่งก่อนที่จะเราเข้าไปข้างในนั้น เราจะต้องสวมเสื้อคลุม สวมหมวก เปลี่ยนรองเท้า พร้อมทั้งล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันไม่ให้พืชติดเชื้อโรคจากเราครับ เพื่อความอนามัย และเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อมภายในนั่นเอง
ภายในกรีนเฮ้าส์เราก็จะได้เห็นการเพาะปลูกพืชทั้งเมล่อนและมะเขือเทศ เรียนรู้การเพาะปลูกและเทคนิคการดูแลให้พืชเหล่านี้ จนเจริญเติบโตออกมาเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพครับ ซึ่งเจ้าของฟาร์มเล่าด้วยความภูมิใจว่า เป็นความโชคดีของฟาร์มที่ขุดค้นพบน้ำแร่ในพื้นที่แห่งนี้ครับ อีกทั้งการเปิดเพลงเพราะๆ ให้ผักเหล่านี้ฟังอยู่เสมอ จุดนี้ถือว่าเป็นเทคนิคดีๆ ที่เราสัมผัสได้ถึงความใส่ใจของที่นี่จริงๆ
ไปกันต่อกับ โซน CORO GARDEN ซึ่งภายในโซนนี้ ทุกคนจะร่วมกันทำกิจกรรม Grow&Harvest ได้ด้วยตัวเองครับ เริ่มจากการปลูกต้นกล้าของผักกันก่อน วิธีการก็ไม่ยากอะไรครับ ทางฟาร์มมีอุปกรณ์ปลูกทุกอย่างเตรียมไว้ให้เราแล้ว เราก็แค่ฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ ก็พอ
ไฮไลท์ของการปลูกเจ้าผักน้อย เนี่ยย มันอยู่ที่การตั้งชื่อนี่แหละ โดยเราสามารถตั้งชื่อให้มันได้ด้วยนะ เจ๋งไหมล่ะ ? ฮ่าๆๆ
มาถึงกิจกรรมต่อมาในโซนนี้กันดีกว่าครับ กับการเก็บมะเขือเทศด้วยตัวเอง ซึ่งไฮไลท์หลักของกิจกรรมนี้ก็คือ “เก็บไปได้เท่าไหร่ ก็เอาไปเลย” ฮ่าๆ มีเหรอที่เราจะไม่ชอบ
เจ้าหน้าที่ที่ดูแล ก็จะสอนวิธีการเก็บมะเขือเทศก่อนเก็บจริง พร้อมทั้งให้ตะกร้าเล็กๆ เอาไว้ใส่เจ้ามะเขือเทศครับ สายพันธุ์มะเขือเทศของที่นี่ มี 2 สายพันธุ์ด้วยกัน คือ Red Holland Cherry ผลสีแดง รสชาติจะเข้มข้น กรอบอร่อยแบบที่คนชอบเขือเทศต้องติดใจ และ Yellow Holland Cherry ผลสีเหลือง รสชาติจะหวานกว่า เราแนะนำว่าใครที่ไม่ชอบกินมะเขือเทศต้องลองชิมพันธุ์นี้ดูครับ ไม่แน่ว่าอาจจะเปลี่ยนใจนะครับ
นอกจากนั้น โซนนี้ ก้ยังมี ผักผลไม้อื่นๆ ที่ทางฟาร์มนำมาปลูกไว้ให้เราได้ชมกันอีกด้วยครับ อาทิ ต้นมันม่วงญี่ปุ่น แตงโม ฟักทองญี่ปุ่น และอีกมากมาย
ปลูกฟาร์มกันจนเหนื่อยแล้ว ก็เข้าไปนั่งทำกิจกรรมชิลล์ๆ กันบ้างที่ โซน CORO ME ครับ โซนนี้เราบอกเลยว่าชอบมาก ! เพราะทุกคนจะได้เลือกต้นไม้เล็กได้ 1 ต้น จากนั้นก็นำไปตกแต่งกระถาง หินสี ได้เต็มที่ ตามใจชอบ ซึ่งทางฟาร์มก็มีอุปกรณ์ทตกแต่งทุกอย่างตั้งเตรียมไว้ให้ด้วยครับ
ความดีงามของกิจกรรมนี้ อยู่ที่ การตั้งชื่อต้นไม้ที่เราตกแต่ง พร้อมทั้งเซ็นรับรองการอุปถัมภ์ต้นไม้ ปฏิญาณตนว่าจะดูแลต้นไม้ต้นนี้ให้ดีที่สุด โอ็ยยยย นี่ปลื้มมากกก เพราะไม่เคยทำที่ไหนมาก่อน ฮ่าๆๆ
ชิลล์ๆ กันจนเพลิน ก็ได้เวลากลับกรุงเทพกันซะแล้ว ! ก่อนกลับเราก็ได้แวะซื้อของฝากน่ารักๆ กันที่ โซน CORO MARKET โซนนี้เป็นตลาดรวมผลผลิตและสินค้าของฟาร์มทั้งหมด อาทิ ฮอกไกโดเมลอน มะเขือเทศพันธุ์เชอร์รี่ ผักสลัด มันม่วงญี่ปุ่น แตงโม และผักผลไม้สดอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปอย่างแยมเมล่อน น้ำสลัดแบบต่างๆ ให้เราได้เลือกซื้อกลับไปทานที่บ้านหรือเป็นของฝากครับ
เปิดบริการ : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น. และ วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-19.00 น
โทร : 09-2569-4791
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/corofieldTH