รีเซต

5 ที่เที่ยวเมลเบิร์น เดินทางง่ายๆ ด้วยรถไฟ

5 ที่เที่ยวเมลเบิร์น เดินทางง่ายๆ ด้วยรถไฟ
aichan
22 กุมภาพันธ์ 2560 ( 14:37 )
26.5K

Words by Patcharapon Kitprapa

 

หลังจากที่ผมได้พาไปชม 10 แลนด์มาร์คที่น่าท่องเที่ยวในตัวเมืองเมลเบิร์นแล้ว ในครั้งนี้จึงอยากจะขอเปลี่ยนบรรยากาศพาทุกคนออกนอกเมืองไปนั่งรถไฟเที่ยวกันบ้างครับ เหตุผลที่ผมเลือกท่องเที่ยวด้วยการโดยสารรถไฟที่เมลเบิร์นนั้นก็เพราะว่ารถไฟที่นี่มีความสะดวกสบาย มาตรงเวลาและสม่ำเสมอ อีกทั้งยังครอบคลุมพื้นที่ สามารถเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ แห่งในเมลเบิร์นเลยทีเดียวครับ

คลิกเพื่อดูรูปใหญ่

 

ก่อนอื่นไปทำความเข้าใจกับการโดยสารด้วยรถไฟของที่นี่ก่อนครับ ก่อนการเดินทางทุกคนจะต้องมีเจ้าบัตรตัวนี้ชื่อ Myki Card ซึ่งสามารถหาซื้อได้ทุกสถานีรถไฟ ร้านสะดวกซื้อ หรือเครื่องเติมเงินครับ

การเดินทางในเมลเบิร์นจะสามารถใช้เจ้าบัตรตัวนี้กับรถโดยสารได้ทุกประเภทเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถบัส และรถราง ซึ่งผู้โดยสารทุกคนจะต้องมีบัตร Myki ที่พร้อมใช้ในการเดินทางหรือมีจำนวนเงินที่เพียงพอในบัตร (ทางศัพท์ภาษาอังกฤษเรียกว่า valid card นั่นเองครับ)

 

Myki Card นั้นแบ่งออกเป็นสองรูปแบบ คือ Myki Pass แบบจ่ายเหมาเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน และ Myki Money เป็นบัตรประเภทเติมเงิน ส่วนจะเลือกรูปแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับความบ่อยครั้งในการเดินทางครับ

สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมสำหรับการใช้บริการโดยสารที่นี่คือ จะต้องทำการ Touch On และ Touch Off ทุกครั้งที่โดยสาร หรือก็คือการแตะบัตรเข้ากับเครื่องหักเงินทุกครั้งที่ขึ้นและลงรถไฟ รถบัส และรถราง เพื่อให้ระบบบันทึกว่าเรามีบัตรที่พร้อมในการใช้งานโดยสารนั่นเองครับ หลายคนอาจจะถามว่าที่นั่นมีกฎที่เข้มงวดขนาดไหน ผมบอกได้เลยครับว่าอย่าเสี่ยงกับกฏหมายบ้านเค้าจะเป็นการดีที่สุดครับ บนรถไฟหรือบนรถรางจะมีเจ้าหน้าที่ที่คอยหมั่นเดินตรวจบัตรของผู้โดยสาร ซึ่งมีทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ (ผมเคยเจอเจ้าหน้าที่ผู้หญิงในชุดเอวลอย สะพายกระเป๋าน่ารักๆ ด้วยครับ) หากเจ้าหน้าทึ่พบว่าเราไม่ได้มีการ Touch On หรือว่าไม่ได้มี Valid Card เราก็จะโดนปรับได้ครับ ซึ่งค่าปรับนั้นอยู่ที่ $200 AUD หรือราวๆ 5,000 กว่าบาท แล้วแต่กรณีไป

 

อีกหนึ่งคำแนะนำคือให้โหลดตัว Application ที่มีชื่อว่า “PTV” ครับ (ฟรีทั้ง IOS และ Android) โดยเจ้าตัวแอพนี้จะสามารถทำให้เราเช็คเวลาของรถไฟ สามารถวางแผน และคำนวณเวลาในการเดินทางในเมลเบิร์นได้ครับ สะดวกมากเลยทีเดียว

เมื่อทุกคนมีบัตรพร้อมแล้ว ก็ขึ้นรถไฟไป 5 ที่เที่ยวในเมลเบิร์นกับผมเลยครับ!

 

 

Puffing Billy Steam Railway

เริ่มต้นกันด้วยสถานที่สุดฮอตอย่างรถไฟหัวจักรไอน้ำ Puffing Billy ที่ไม่ว่าใครมาเที่ยวเมลเบิร์นจะต้องไม่พลาดอย่างแน่นอน แรกเริ่มเดิมทีรถไฟขบวนนี้ใช้ในการขนส่งถ่านหิน แต่แล้วก็ต้องปิดตัวลงเนื่องด้วยอุบัติเหตุดินถล่มปิดทางรถไฟ ต่อมาในภายหลังรถไฟขบวนนี้ก็ได้กลับมาเปิดให้ใช้บริการอีกครั้งในรูปแบบของรถไฟท่องเที่ยว ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จและโด่งดังไปทั่วโลกเลยทีเดียว

 

สำหรับการเดินทางไปยัง Puffing Billy ให้นั่งรถไฟสาย Belgrave ไปจนสุดสาย ลงที่สถานี Belgrave จากนั้นจะมีทางเชื่อมและป้ายบอกทางที่เด่นมากนำเราไปยัง Puffing Billy เดินต่อเพียงไม่ถึง 5 นาทีจากสถานี เราก็จะเจอกับจุดขายตั๋วขนาดใหญ่

สำหรับราคาตั๋วนั้นขึ้นอยู่กับจุดหมายปลายทางที่เราจะไปครับ ซึ่งมีให้เลือกอยู่สองทางคือ ไปยัง Gembrook ซึ่งจะเป็นปลายทางที่สิ้นสุดให้การบริการ หรือจะไปเพียงแค่ครึ่งทางที่ Lakeside ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม ผมคิดว่าเลือกไปเพียงแค่ Lakeside ก็เพียงพอแล้วสำหรับการชมวิวชิลล์ไปกับบรรยากาศรถไฟหัวจักรไอน้ำ อีกทั้งราคายังถูกกว่าด้วยครับ

 

ในส่วนของราคาตั๋วเพื่อไปยัง Lakeside นั้น สำหรับผู้ใหญ่จะอยู่ที่ $54 AUD (ประมาณ 1,400 บาท) สำหรับเด็กราคา $28 AUD (ประมาณ 728 บาท) ราคานี้จะเป็นราคาตั๋วไป-กลับซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงตามวันและเวลา ส่วนใครที่กำลังศึกษาอยู่ที่ออสเตรเลีย สามารถโชว์บัตรนักศึกษาเพื่อรับส่วนลดได้อีกด้วยครับ

 

เมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่จ่ายไปผมถือว่าคุ้มค่ามากเลยครับ เพราะรถไฟสายนี้จะเคลื่อนที่ผ่านสองข้างทางที่เต็มไปด้วยทิวทัศน์งดงาม ไม่ว่าจะเป็นป่า ภูเขา ทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยฝูงสัตว์ และที่เป็นไคลแม็กซ์ก็คือการนั่งห้อยขาออกมานอกตัวรถไฟพร้อมชมทิวทัศน์สวยๆ ครับ

 

นอกจากการดื่มด่ำไปกับบรรยากาศการนั่งรถไฟหัวจักรไอน้ำและชื่นชมทิวทัศน์สองข้างทางที่สวยงามแล้ว เมื่อไปถึง Lakeside จะได้เจอกับทิวทัศน์ของทะเลสาบที่มีชื่อว่า Emerald Lake ที่ล้อมรอบด้วยสวนกว้างใหญ่ ร่มรื่นมากเลยครับ

Emerald Lake

 

 

Camberwell Sunday Market

สถานที่นี้อาจไม่เป็นที่นิยมหรือโด่งดังเป็นที่รู้จักมากนักในหมู่นักท่องเที่ยว แต่ผมรับรองได้เลยครับว่า ที่นี่แหละคือขุมทรัพย์ของนักช้อปปิ้งที่ชื่นชอบของมือสองและนักสะสมของเก่าครับ

สำหรับการเดินทางไปยังตลาดแห่งนี้นั้นง่ายนิดเดียวครับ จากในเมืองสามารถนั่งรถไฟสาย Lilydale, Belgrave หรือ Alamein สายใดก็ได้เพื่อมาลงสถานีที่มีชื่อว่า Camberwell จากนั้นเดินเท้าต่ออีกประมาณ 5 นาที ก็จะพบกับตลาดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ ซุปเปอร์มาร์เก็ต Woolworths ครับ หากกลัวหลงสามารถเดินตามคนส่วนใหญ่แถวนั้นไปได้เลยเพราะพวกเขากำลังไปที่ตลาดแห่งนี้อย่างแน่นอน

 

ตลาดแห่งนี้เปิดทำการแค่เพียงวันอาทิตย์เท่านั้น โดยเปิดตั้งแต่ช่วงเช้าและปิดตอนเที่ยงวันครับ สำหรับสิ่งของที่สามารถหาได้โดยทั่วไปจากตลาดแห่งนี้มีทั้งเสื้อผ้า อาหาร ของเล่น แผ่นเสียง หนังสือ รองเท้า และอื่นๆ อีกมากมาย ใครสนใจอยากจะได้สิ่งของติดไม้ติดมือกลับไปแต่ไม่อยากเสียเงินจำนวนมาก ผมมีเกร็ดเล็กน้อยมาฝากครับ ให้ไปช่วงเวลาที่ตลาดใกล้จะปิดหรือใกล้ถึงเวลาเที่ยงวัน เพราะร้านค้าส่วนใหญ่จะลดราคาสินค้าของตน ชนิดที่เรียกได้ว่าแทบจะแจกฟรีเลยครับ บางชิ้นหลือเพียงแค่ $1 AUD เท่านั้นเอง แต่ในกรณีที่ยังเหลือของไว้ให้จับจ่ายนะครับ

 

 

Lilydale Lake

ถ้าหากจะให้พูดถึงสวนสวยและทะเลสาบน้ำใสแล้วล่ะก็ ผมขอแนะนำที่นี่เลยครับ Lilydale Lake วิธีการเดินทางก็ง่ายนิดเดียว สามารถนั่งรถไฟสาย Lilydale ไปสุดสายลงที่สถานี Lilydale ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครับ อาจจะนานไปนิดนึงแต่การได้นั่งรถไฟชมวิวตลอดทาง ไม่มีเบื่อแน่นอนครับ หลังจากนั้นเดินทะลุสวนขนาดใหญ่ไปประมาณ 10-15 นาที ก็จะได้เจอกับทะเลสาบกว้างใหญ่พร้อมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เต็มไปด้วยผู้คนมานั่งปิกนิค ทำบาร์บีคิวกันเป็นครอบครัว สิ่งที่ผมรู้สึกว่ามันว้าวมากสำหรับที่เมลเบิร์นนี้คือ สวนสาธารณะส่วนใหญ่ที่นี่จะมีเตาไฟฟ้าไว้บริการสำหรับปิ้งย่าง ยิ่งไปกว่านั้นคือมันฟรีครับ เพียงแค่เราจัดเตรียมอาหารและนำภาชนะมาเอง

 

รอบทะเลสาบจะมีทางเดินเท้าเลียบไปให้ทุกคนได้เดินชิลล์ๆ พร้อมชมทิวทัศน์สองข้างทาง ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับนักวิ่งผู้รักในสุขภาพ โดยตัวทะเลสาบนั้นใหญ่มากจนต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงในการเดินวนครบหนึ่งรอบเลยทีเดียว

 

 

Carrum Beach

สำหรับในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงกุมภาพันธ์นั้นที่เมลเบิร์นจะเป็นฤดูร้อน สถานที่ที่เหมาะที่สุดก็คงไม่พ้นการไปเล่นน้ำทะเลครับ หาดแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ Carrum Station ใช้เวลาในการเดินเท้าจากสถานีเพียงแค่ไม่ถึง 5 นาทีครับ เรียกได้ว่าเมื่อลงจากสถานีแล้วแทบจะมองเห็นชายหาดได้เลย ส่วนการเดินทางนั้นเพียงแค่นั่งรถไฟสาย Frankston มาลงที่สถานี Carrum ครับ

 

ในความรู้สึกของผมหาดแห่งนี้เหมือนเป็นหาดส่วนตัวเลยทีเดียว เพราะไม่ค่อยเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวสักเท่าไร จะมีก็แต่ครอบครัวเล็กๆ พาลูกๆ มาเล่นน้ำกัน บ้างก็มานอนอาบแดด บ้างก็มาเป็นคู่ครับ แต่ด้วยความสงบนี้แหละครับคือสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นข้อดีที่สุดของที่นี่ หาดทรายสะอาดสุดสายตาบวกกับน้ำทะเลที่ใสแจ๋ว ช่างเหมาะกับการพักผ่อนจริงๆ ครับ

ถึงแม้ว่าหาดที่นี่จะอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองเป็นอย่างมาก แต่ในเรื่องของการบริการและความสะดวกสบายกับนักท่องเที่ยว เรียกได้ว่าไม่มีขาดเลยทีเดียวครับ หาดแห่งนี้มีฝักบัว อีกทั้งห้องน้ำสะอาดไว้คอยบริการ ไม่ต้องไปเปลี่ยนชุดในพุ่มหญ้าหรือโขดหินอย่างแน่นอนครับ

 

 

Williams Town Beach

Williams Town Beach เป็นอีกหนึ่งหากที่ผมอยากแนะนำครับ ที่นี่จะแตกต่างจาก Carrum Beach โดยสิ้นเชิง หากใครที่ไม่อยากเล่นน้ำแบบเงียบๆ แต่อยากห้อมล้อมด้วยผู้คนในบรรยากาศที่สนุกสนานแล้วล่ะก็ ที่นี่ตอบโจทย์เลยครับ

 

สำหรับการเดินทางนั้นให้นั่งรถไฟสาย Williamstown มาลงที่สถานี Williamstown Beach จากนั้นจะใช้เวลาในการเดินไปยังหาดประมาณ 5-10 นาที ไม่มีหลงแน่นอนครับ

หาดแห่งนี้มีความพิเศษตรงที่ลักษณะเป็นหาดแอ่งเว้าล้อมรอบด้วยโขดหิน เสมือนเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่เลยครับ ในฤดูร้อนจะเต็มไปด้วยผู้คนมากมายมาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน รวมถึงเล่นกีฬาชายหาด อย่างฟุตบอล วอลเล่ย์บอล จานร่อน เป็นต้น เรียกได้ว่าถ้าใครต้องการบรรยากาศสนุกสนาน เต็มอิ่มไปกับสายลมแสงแดดของฤดูร้อนแล้วล่ะก็ ผมแนะนำให้ไปที่หาด Williams Town Beach ครับ